May 6, 2024   1:24:32 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นเหล็กอาละวาด พบราคาต่ำบุ๊คเพียบ
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 26/06/2007 @ 19:51:42
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

หุ้นเหล็กสุดร้อนแรง TSTH นำทีมหนุนหุ้นตัวอื่นวิ่งตาม หลังนักลงทุนเก็งกำไรราคาเหล็กเริ่มดีขึ้น โครงการก่อสร้างรัฐ-อสังหาฯ เริ่มมีเพิ่มขึ้น สำรวจพบราคาหุ้นในกระดานยังถูกต่ำกว่าบุ๊คแวลูทั้ง TSTH- GSTEEL-SSI-NSM-EWC-BSBM ส่วนโบรกเกอร์ยังมองต่างมุม โกลเบล็ก-แอ็ดคินซัน เชียร์ TSTH เจ๋งสุด ทั้งพื้นฐานและสัญญาณเทคนิค แต่บล.ไทยพาณิชย์ ยังให้ลดน้ำหนักลงทุนคาดงบฯ Q2/50 อาจจะไม่ดีอย่างที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ภาพรวมตลาดหุ้นต่างชาติยังไม่ทิ้งไทย CLSA ยังเพิ่มน้ำหนักลงทุนต่อ

1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาแม้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวขึ้นๆ ลงๆ สลับกันบ้าง แต่สำหรับหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กแล้ว ราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวกับปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ต่อเนื่องจนถึงสัปดาห์นี้ นักลงทุนเข้ามาลงทุนในหุ้นกลุ่มดังกล่าวอย่างหนาแน่น โดยมีมูลค่าการซื้อขายค่อนข้างคึกคัก ตั้งแต่หุ้น บมจ. สามชัย สตีล อินดัสทรี (SAM) บมจ. ริช เอเชีย สตีล (RICH) บมจ. เอเซีย เมทัล (AMC) บมจ. สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI) บมจ. ทาทา สตีล (ประเทศไทย) (TSTH) โดยเฉพาะ SAM และ RICH เพิ่มขึ้นสวนทางกับภาพรวมของตลาดฯ และวานนี้ก็ถึงคิวของหุ้น TSTH ที่ปรับขึ้นค่อนข้างร้อนแรงตั้งแต่ช่วงเปิดตลาดฯ และส่งผลให้ราคาหุ้นตัวอื่นในกลุ่มนี้ต่างก็ปรับขึ้นในทิศทางเดียวกัน

ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าในช่วงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมานั้น หุ้นในกลุ่มนี้ มักจะถูกมองข้ามจากบรรดาโบรกเกอร์ส่วนใหญ่ เพราะมองว่าหุ้นกลุ่มเหล็กไม่น่าสนเนื่องจากมีการแข่งขันสูง จนทำให้ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัวเพื่อให้อยู่รอด ขณะที่ราคาเหล็กรีดร้อนในตลาดโลกลดลง ต้นทุนวัตถุดิบยังทรงตัวสูง ขณะที่การนำเข้าวัตถุดิบใหม่มาผลิตจะทำให้เกิดผล
ขาดทุนตามมา เพราะอุปสงค์หรือความต้องการยังคงทรงตัว จนทำให้ส่วนใหญ่ยังคงแนะนำลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นดังกล่าวอยู่ แต่อย่างไรก็ตามจากราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นนั้น ทำ
ให้เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นของอุตสาหกรรมเหล็กและราคาหุ้นในกลุ่มนี้อีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากความต้องการในการก่อสร้างที่อยู่อาศัยยังมีอยู่ ประกอบกับราคาเหล็กในช่วงปีนี้ปรับตัวดี
ขึ้นกว่าช่วงก่อนหน้านี้ ในขณะที่กระทรวงพาณิชย์ก็เพิ่งอนุมัติเพิ่มราคาขายเหล็กในประเทศ จึงน่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจมากขึ้น ตลอดจนมีการคาดการณ์ว่ารัฐบาลเริ่มที่จะอนุมัติการก่อ
สร้างโครงการขนาดใหญ่มากขึ้น จึงได้ส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มเหล็ก ถึงแม้ว่าสถานการณ์การเมืองในประเทศที่ยังไม่คลี่คลายดีนักจะกดดันอยู่บ้างก็ตาม

อย่างไรก็ตามแม้ภาพรวมตอนนี้จะดี และหุ้นเหล็กจะกลับมาคึกคัก หรือฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง ก็ยังไม่ได้หมายความ หุ้นกลุ่มนี้น่าลงทุนทั้งหมด เพราะแนวโน้มเหล็กนั้นอาจจะไม่ได้ดีต่อเนื่อง อีกทั้งผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ก็ยังต้องลุ้นว่าจะดีขึ้นจากเดิมด้วยหรือไม่และอาจไม่ดีอย่างที่คาดการณ์ไว้ เพราะอุตสาหกรรมนี้ยังขึ้นอยู่กับความต้องการของอุปสงค์และราคาในตลาดโลกด้วยไม่เฉพาะในประเทศอย่างเดียว เมื่อใดที่ราคาเหล็กในตลาดโลกยังจตกต่ำก็จะยิ่งกระทบต่อราคาเหล็กในประเทศไทยด้วย โดยเฉพาตลาดใหญ่อย่างประเทศสหรัฐอเมริกา จีน และอินเดีย ก็จะกระทบต่ออุตสาหกรรมเหล็กทันที โดยเฉพาะเหล็กรีดร้อน เพราะฉะนั้นหากลงทุนจึงควรเน้นลงทุนหุ้นเป็นรายตัว ที่มีผลประกอบการดี หรือมีสตอรี่ที่สามารถเข้าลงทุนได้ เพราะยังมีหุ้นในกลุ่มนี้อีกหลายตัวที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีหรือบุ๊คแวลูให้สามารถซื้อได้

จากการสำรวจราคาหุ้นกลุ่มเหล็ก รวมไปถึงหุ้นวัสดุก่อสร้างบางตัวที่เกี่ยวเนื่องกัน ที่มีราคาต่ำกว่าบุ๊คแวลู ประกอบด้วย หุ้น GSTEEL NSM SSI TYCN BSBM EWC และ TSTH โดยหุ้น NSM มีราคาหุ้นในกระดานต่ำกว่าบุ๊คฯ มากที่สุด 63.09% รองลงมาคือหุ้น GSTEEL ต่ำกว่าบุ๊ค 62.55% ตามมาด้วยหุ้น TYCN และ EWC ต่ำกว่า 53.36% และ 42.56% ตามลำดับ ในขณะที่หุ้นที่มีราคาในกระดานสูงกว่าบุ๊คฯ มากที่สุด คือ RICH สูงกว่าถึง 379.86% รองลงมาคือ SAM สูงกว่า 173.12%

ส่วนราคาปิดของหุ้นกลุ่มเหล็กวานนี้ (26 มิ.ย.) หุ้น SSI ปิดที่ 1.02 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท หรือ 0.99% มูลค่าการซื้อขาย 7.02 ล้านบาท หุ้น TSTH ปิดที่ 1.45 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท หรือ 5.84% มูลค่าการซื้อขาย 43.13 ล้านบาท หุ้น NSM ปิดที่ 0.31 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 1.68 ล้านบาท หุ้น BSBM ปิดที่ 1.22 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท หรือ 1.67% มูลค่าการซื้อขาย 1.57 ล้านบาท หุ้น SAM อยู่ที่ 6.35 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 1.60% มูลค่าการซื้อขาย 280.84 ล้านบาท หุ้น EWC ปิดที่ 9.10 บาท เพิ่มขึ้น 1.10 บาท หรือ 13.75% มูลค่าการซื้อขาย 276.52 ล้านบาท

หุ้น AMC ปิดที่ 2.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท หรือ 0.69% มีมูลค่าการซื้อขาย 12.43 ล้านบาท หุ้น RICH ปิดที่ 7.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท หรือ 0.70% มูลค่าการซื้อขาย 181.06 ล้านบาท และหุ้น GSTEEL ปิดที่ 0.92 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท หรือ 1.10% มูลค่าการซื้อขาย 32.42 ล้านบาท


ราคาหุ้นกลุ่มเหล็กในกระดาน เปรียบกับกับราคาบุ๊คแวลู

บริษัท ราคาปิดตลาดฯ (25 มิ.ย.) มูลค่าหุ้นตามบัญชี ส่วนต่าง (บ.) %
1.AMC 2.88 2.57 0.31 12.06
2.CSP 2.20 1.70 0.50 29.41
3.GSTEEL 0.91 2.43 -1.52 -62.55
4.NSM 0.31 0.84 -0.53 -63.09
5.PERM 1.05 1.73 0.68 39.30
6.SSI 1.01 1.47 -0.46 -31.29
7.TMT 3.64 2.73 0.91 33.33
8.TYCN 5.55 11.90 -6.35 -53.36
9.BSBM 1.20 1.87 -0.67 -35.82
10.EWC 8.00 13.93 -5.93 -42.56
11.RICH 7.15 1.49 5.66 379.86
12.SAM 6.25 2.27 3.98 173.12
13.TSTH 1.37 1.69 -0.32 -18.93

***หมายเหตุ เครื่องหมาย (-) คือราคาหุ้นในกระดานที่ต่ำกว่าบุ๊คแวลู
รวบรวมโดย eFinanceThai.com




:lol:

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 26/06/2007 @ 19:53:25 :
โกลเบล็ก มองครึ่งปีหลังหุ้นกลุ่มเหล็กยังไปได้ รัฐบาลเริ่มก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่
นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ทิศทางของกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กในครึ่งปีหลังน่าจะเริ่มดีขึ้น จากการที่ภาครัฐเริ่มลงทุนโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งจะส่งผลดีมายังภาคธุรกิจอสังหาฯ และตามมาด้วยธุรกิจเหล็ก ซึ่งบริษัทมองว่าบริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (TSTH)น่าจะได้รับผลดีมากที่สุด เพราะหลังจากทาทาสตีลในประเทศอินเดียมาควบรวมทำให้ศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของบริษัทดีขึ้น เรตติ้งดีขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบได้ง่ายด้วย

นอกจากนี้ บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) (SSI) ก็เป็นอีกบริษัทที่มีความโดดเด่น และสามารถขายสินค้าได้อย่างต่อเนื่งตามการเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์และอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ ขณะเดียวกันจากการที่ SSI มีการส่งออกสินค้าไปขายนอกประเทศทำให้ได้รับผลดีจากการที่ราคาเหล็กปรับตัวเพิ่มขึ้น ต่างจาก บริษัท นครไทยสตริปมิล จำกัด (มหาชน) หรือ NSM ที่มีการขายสินค้าในประเทศเพียงอย่างเดียว จะไม่ได้รับผลดีจากการที่ราคาเหล็กในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น เพราะในประเทศยังมีการควบคุมราคาสินค้า

ภาพรวมของอุตสาหกรรมเหล็กในครึ่งปีหลังยังไปได้ เพราะรัฐบาลจะมีการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ในไตรมาส 3 ไตรมาส 4 แต่ต้องเลือกดูเป็นรายตัว ซึ่งในส่วนของโกลเบล็กเราชอบ SSI กับ TATH นายวรุตม์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทแนะนำ ซื้อ TSTH ราคาเป้ามหาย 1.040 บาท และ SSI ราคาเป้าหมาย 1.20 บาท

*กิมเอ็ง แนะซื้อแค่ TSTH มองต่างครึ่งปีหลังอุตเหล็กยังไม่ดี
ด้านนายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง กล่าวว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมเหล็กในครึ่งปีหลังยังไม่ค่อยดีนัก เพราะภาวะเศรษฐกิจยังไม่ค่อยดีขึ้น ดังนั้นนักลงทุนควรจะเลือกเล่นเป็นรายตัวมากกว่า เพราะภาพรวมการก่อสร้างยังไม่เติบโตมากนัก โดยบริษัทแนะนำ ซื้อTSTH ราคาเป้าหมาย 1.50 บาท
ส่วนในวันนี้ที่ราคาหุ้นในกลุ่มเหล็กปรับเพิ่มขึ้น น่าจะเป็นการปรับเพิ่มขึ้นตาม TSTH มากกว่า



* บล.ไทยพาณิชย์ แนะนำ Underweight หุ้นเหล็ก

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก บล.ไทยพาณิชย์ ระบุว่า ราคาเหล็กแผ่นในสหรัฐฯลดลงต่อเนื่อง...ข้อมูลจาก Datastream บ่งชี้ว่าราคาเหล็กแผ่นในตลาดสหรัฐฯลดลง 8% สำหรับเหล็กแผ่นรีดร้อน (HRC) และลดลง 6% สำหรับเหล็กแผ่นรีดเย็น (CRC) แต่ราคาเหล็กเส้นเพิ่มขึ้น 8% เช่นเดียวกันกับจีน ราคาเหล็กแผ่นรีดเย็น (CRC) ภายในประเทศของจีน
ลดลง 2% และราคาส่งออกลดลง 4.5% มาตั้งแต่เดือน พ.ค. โดยมีสาเหตุมาจากความต้องการลดลง ผู้นำเข้าเหล็กของจีนอาจจะนำกลยุทธ์ Wait and see มาใช้ เนื่องจากผู้นำเข้าเหล็กของจีนคาดว่าราคาเหล็กจะลดลงอีกในอนาคตอันใกล้

ราคาเหล็กในไทยเริ่มลดลงในเดือน พ.ค. ตามแนวโน้มตลาดโลก นอกจากนี้แล้วความต้องการเหล็กก็ลดลงในเดือน มิ.ย. เมื่อเทียบกับเดือน เม.ย. และ พ.ค. มองว่าราคาหุ้นเหล็กในตลาดภูมิภาคมีแนวต้านที่แข็งแกร่งอยู่ที่ PER 12 เท่า ซึ่งเป็นยอดสูงเดิมเมื่อกลางปี 2548 เรายังคงแนะนำให้ระวังการขายทำกำไรหุ้นเหล็ก
แนะนำ Underweight: เราแนะนำนักลงทุนให้ลดการถือครองหุ้นเหล็กลง ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี2550 อาจจะไม่ดีอย่างที่เราคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้



*บล.กรุงศรี-แอ็ดคินซัน เชียร์ TSTH อนาคตสดใส ราคาถูกกว่าบุ๊ค
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา เปิดเผยถึงกรณีที่ราคาหุ้น บมจ.ทาทา สตีล (ประเทศไทย) (TSTH) รวมถึงราคาหุ้นใบสำคัญแสดงสิทธิบมจ.ทาทา สตีล (ประเทศไทย) (TSTH-W) มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด คาดว่าน่าจะมาจากราคาหุ้นในกระดานขณะนี้ ราคายังต่ำกว่ามูลค่าทางการบัญชี หรือราคาบุ๊คที่ 1.70 บาท จึงทำให้มีแรงซื้อเข้ามาอย่างหนาแน่น

ประกอบกับผลการดำเนินงานของบริษัทฯนั้นน่าจะมีความแข็งแกร่งมากกว่าผู้ประกอบการรายอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน เนื่องจากบริษัทฯมีข้อได้เปรียบเหนือคู่แข่งขันที่เป็น Billet Base (การผลิตเหล็กเส้นที่นำเข้าเหล็กเส้นขนาดใหญ่มารีดเป็นเหล็กเส้นขนาดเล็กลง) ขาดแคลนวัตถุดิบในสต๊อกในไตรมาส2 ที่ผ่านมา เพราะราคาบิลเล็ตค่อนข้างแพง และไม่คุ่มกับค่ารีด ดังนั้นจึงส่งผลบวกให้ TSTH ซึ่งมีเตาหลอมเหล็กเอง ไม่ต้องเสียค่านำเข้าบิลเล็ต และยังได้รับอานิสงส์จากการที่อุปสงค์ลดลงด้วย โดยคาดว่าทั้งปี TSTH น่าจะมีกำไรอยู่ที่ 1,082 ล้านบาท ดังนั้นจึงแนะนำ ซื้อ ให้ราคาเหมาะสมไว้ที่ 1.70 บาท

ทั้งนี้ประเมินแนวโน้มราคาเหล็กในครึ่งปีหลังว่า น่าจะทรงตัว เนื่องจากในช่วงต้นปีแรกนั้นราคาเหล็กปรับขึ้นมาสูงพอสมควรแล้ว และในครึ่งปีหลังมีความต้องการใช้ลดลงจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ซึ่งเป็นผลให้งานก่อสร้างจากทางภาครัฐนั้นชะลอตัวลงตามด้วย

นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แอ๊ดคินซัน กล่าวถึงหุ้น บมจ.ทาทา สตีล (ประเทศไทย) (TSTH) ว่า จากการที่ TSTH ได้มีการเปิดโรงงานเหล็กนั้นก็จะช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ และสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากในอนาคต ดังนั้นย่อมส่งผลให้ผลประกอบการปรับตัวดีขึ้น

แต่ทั้งนี้ ราคาหุ้น TSTH ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากแล้ว จึงไม่เหมาะที่จะเข้าลงทุน แต่สำหรับนักลงทุนระยะยาว แนะนำรอซื้อเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัว ที่บริเวณแนวรับ 1.45 บาท ส่วนแนวต้านระยะเวลา 1 เดือนประเมินไว้ที่ 1.60 บาท

ราคาหุ้น TSTH ได้ปรับขึ้นมาเร็ว ไม่ควรตาม แต่นักลงทุนที่ต้องการถือหุ้น เพราะอนาคตยังน่าสนใจก็รอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว ช่วงสั้นให้แนวรับที่ 1.45 บาท ส่วนแนวต้าน 1 เดือนให้ไว้ที่ 1.60 บาท นายรณกฤต กล่าว



* CLSA เพิ่มน้ำหนักลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็น 1% จากเดิม 0%
รายงานข่าวจาก บล.ซีแอลเอสเอ( ประเทศไทย) หรือ CLSA ระบุว่า ได้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเมื่อสัปดาห์ก่อนเป็น 1% จากเดิม 0% และมีแนวโน้มจะเพิ่มน้ำหนักลงทุนขึ้นอีกหากมีการจัดการเลือกตั้งและได้รัฐบาลใหม่ รวมทั้งนายกรัฐมนตรีและรมว.คลังคนใหม่ เป็นที่ยอมรับของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ก่อนหน้านี้ CLSA ให้น้ำหนักตลาดหุ้นไทย 0% เนื่องจากมีความเสี่ยงจากปัจจัยการเมือง นอกจากนี้การเพิ่มการลงทุนยังเป็นผลมาจากราคาหุ้นในตลาดหุ้นของไทย ต่ำกว่าหลายประเทศในภูมิภาคเดียวกันด้วย

ทั้งนี้นอกจาก CLSA แล้ว ยังมีรายงานว่า พรูเดนเชียล ก็เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเช่นกัน เนื่องจากหุ้นมีราคาถูกกว่าตลาดหุ้นอื่น เช่นเดียวกับ ซิตี้กรุ๊ป อินเวสเมนต์ รีเสิร์ช ก็มองว่าตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดสำคัญที่มีราคาถูกที่สุด



:lol: [/color:02e8d5fde7">
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com