May 5, 2024   9:24:36 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > ลุ้นวินโดร์เดรสซิ่ง แรงดันหุ้นสัปดาห์นี้
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 25/06/2007 @ 09:23:27
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

จับตาสัปดาห์มี"วินโดร์เดรสซิ่ง"กองทุนไล่ซื้อหุ้นปิดผลประกอบการครึ่งปีแรกสวย แรงหนุนทำตลาดสัปดาห์นี้คึก "เจพี มอร์แกน"ชี้อีก 12 เดือนดัชนีหุ้นไทยไปถึง 870 จุด จากเดิมให้ไว้แค่ 780 จุดเหตุต่างชาติไหลเงิน 9 หมื่นล้านบาทเข้าลุย ถูกใจเลือกตั้งเสร็จ ขณะที่กองทุนนอก แนะเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย ชูราคาถูก ได้ปรับเรทติ้งหลังการเมืองคลี่คลาย

สัปดาห์นี้ถือเป็นอาทิตย์สุดท้ายของเดือนมิ.ย.ซึ่งบริษัทจดทะเบียน(บจ.)จะต้องปิดงบการเงินไตรมาส 2 ซึ่งมีโอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่อย่างกลุ่มแบงก์ กลุ่มพลังงาน กลุ่มรับเหมาและวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากกองทุนต้องการปิดผลการดำเนินงานให้ออกมาดี โดยการเข้าไปซื้อหุ้นเหล่านี้เก็บไว้ในพอร์ต หรือที่เรียกกันว่าเกิดปรากฎการณ์"วินโดร์เดรสซิ่ง"

แหล่งข่าวจากนักวิเคราะห์ กล่าวว่า ส่วนใหญ่ปรากฎการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นค่อนข้างแรงในช่วงครึ่งปีแรก และสิ้นปี ดังนั้นโดยสถานการณ์ตลาดหุ้นขณะนี้ถึงแม้จะไม่มีปัจจัยดีมากนัก แต่ด้วยราคาหุ้นที่ยังถูกเมื่อเทียบกับภูมิภาค ทำให้เชื่อว่า หากการเมืองไม่มีความรุนแรง ปรากฎการร์ดังกล่าวจะเกิดได้ค่อนข้างสูง และทำให้ขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ 780จุดได้

นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพยฺโกลเบล็ก จำกัดกล่าวว่า แรงเทขายหุ้นเมื่อศุกร์สัปดาห์ นักลงทุนลดความเสี่ยงในช่วงวันหยุดเกี่ยวกับสถานการณ์การเมือง แต่จะเห็นว่าดัชนีตลาดไม่ได้ปรับลดลงรุนแรงนัก เนื่องจากมีแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติเข้ามา เพราะเห็นว่าหุ้นไทยยังถูก

ขณะที่คาดว่าสัปดาห์นี้ดัชนีน่าจะปรับขึ้นในช่วงต้นสัปดาห์ ก่อนมีแรงขายทำกำไรในช่วงปลายสัปดาห์
โดยตลาดหุ้นเมื่อ 22 มิ.ย.ปิดที่ 772.05 จุดลดลง 4.15 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย19,585.22 ล้านบาท ซึ่งนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 622.24 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 39.09 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 661.34 ล้านบาท

นายวรภัค ธันยาวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจพี มอร์แกน (ประเทศไทย )จำกัด กล่าวว่า "เจพี มอร์แกน" ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยใหม่ จากเดิมที่คาดว่าสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 770 จุด แต่ขณะนี้ดัชนีได้ปรับตัวทะลุระดับดังกล่าวแล้ว

นอกจากนี้การเมืองที่มีความชัดเจนมากขึ้นโดยเฉพาะการประกาศการเลือกตั้งให้เร็วขึ้นจากธ.ค.มาเป็นพ.ย.เชื่อว่าจะเป็นแรงหนุนสำคัญที่ทำให้ดัชนีขึ้นไปอยู่ที่ 870 จุดได้ภายในกลางปีหน้า โดยจะมีเม็ดเงินไหลเข้าในครึ่งหลังของปีนี้อีกไม่ต่ำกว่า 90,000 ล้านบาท หลังจากที่ 6 เดือนแรกของปีนี้ ต่างชาติซื้อลงทุนแล้วกว่า 90,000 ล้านบาท แม้ว่าสถานการณ์การเมืองในประเทศจะยังไม่ลงตัวก็ตาม

"เจพีเชื่อว่าหุ้นจะวิ่งแรงหลังเลือก ดังนั้นกลางปี 2551 น่าจะถึง 870 จุด หรือมีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ หรือ พีอี เรโช ประมาณ 12.5 เท่า ขณะที่กำไรบจ.เติบโต 4%เนื่องจากกระแสเงินลงทุนจากต่างชาติยังคงไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องเพราะราคาหุ้นไทยยังต่ำ โดยมีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ หรือ พีอี เรโช ที่ 8-9 เท่าหากเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นเกิดใหม่ที่มีพีอี เรโช ประมาณ 17-18 เท่า"นายวรภัค กล่าว

นายวรภัค ยอมรับว่าจากการพบปะนักลงทุนต่างชาติ พบว่าต่างชาติมีความวิตกกังวลต่อการเมืองไทยแต่ทางเรามองว่าเหตุการณ์จะไม่ลุกลามบานปลาย และน่าที่จะมีการเลือกตั้งภายในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามคือ สถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น อัตราเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ย

นอกจากนี้เจพี มอร์แกน ประเมินว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน ลงอีก 0.50%ภายในปีนี้

ด้านนายบาสการ์ ลักษมีนารายัน หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนประจำเอเชียของธนาคาร Pictet & Cie ของสวิส แนะนักลงทุนเพิ่มน้ำหนักการลงทุนสำหรับหุ้นจากไทย,เกาหลีใต้และไต้หวัน เมื่อพิจารณาจากราคาหุ้นที่ระดับต่ำและโอกาสที่จะปรับตัวขึ้น

เขาคาดว่าคาดว่า โดยรวมแล้ว ตลาดหุ้นเอเชียมีแนวโน้มที่จะพุ่งขึ้นมากกว่า 10 %ในอีก 12-18 เดือนข้างหน้า โดยได้แรงหนุนจากผลกำไรที่เพิ่มขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลักของภาคเอกชน

Citigroup เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยซึ่งมีการซื้อขายที่ 11.3 เท่าของผลประกอบการปีนี้ เป็นตลาดหุ้นสำคัญในภูมิภาคที่มีราคาถูกที่สุด ตามมาด้วยเกาหลีใต้ที่ 13.1 เท่า ขณะที่ไต้หวันอยู่ที่ระดับต่ำกว่าเฉลี่ยเช่นกันที่ 14.1 เท่า

อย่างไรก็ตามสถานการณ์ทางการเมืองในไทยถือเป็นปัจจัยสำคัญที่บดบังความเชื่อมั่นของนักลงทุนเกี่ยวกับศักยภาพของตลาด

แต่ในแง่กลับกัน"เราคิดว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะพัฒนาไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยในที่สุด และน่าจะกระตุ้นให้มีการปรับอันดับความน่าเชื่อถือเมื่อเวลาผ่านไปดังนั้นจึงเป็นช่วงเวลาที่ดีในการเข้าซื้อหุ้นในไทย"


ข่าวหุ้น

[/color:2bf55a6af3">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com