P_aud สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 531 | วันที่: 27/09/2005 @ 19:52:33 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต PLE ส่อรับงานใหม่ได้ไม่ตามเป้า 8,500 ล้านบาท หลัง 9 เดือนทำได้แค่ 3,100 ล้านบาท แถมเจอปัญหาหนี้จังซีลอนร่วม 500 ล้านบาท
จัดเก็บไม่ได้ส่งผลต้องตั้งค่าเผื่อหนี้จะสูญ โบรกฯปรับเป้าราคาแค่ 10.90 บาท
รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ(ประเทศไทย)ประเมินว่า นับตั้งแต่ต้นปีมาบริษัทเพาเวอร์ไลน์เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน)หรือ PLE
ได้งานใหม่เป็นมูลค่า 3,100 ล้านบาท น้อยกว่าที่คาดไว้ทั้งปี 8,500 ล้านบาทค่อนข้างมากจึงมองว่าโอกาสที่จะทำได้ถึงเป้าเดิมนั้นไม่ง่าย
ประเด็นดังกล่าวจึงตัดสินใจปรับลดประมาณการงานใหม่ที่ได้ปีนี้ลงจาก 8,500 ล้านบาท เป็น 6,000 ล้านบาท และปีหน้าปรับลงจาก
9,500 ล้านบาทเป็น 8,000 ล้านบาทอย่างไรก็ตามด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีถึง 14.5%ในครึ่งปีแรก ทำให้ปรับประมาณการอัตรากำไร
ขั้นต้นปีนี้ขึ้นจาก 12.8% เป็น 14.1% และจาก 12.6% เป็น 13.0% ในปีหน้า ผลที่ได้คือกำไรสุทธิปีนี้ถูกปรับขึ้น 6.4%เป็น 409
ล้านบาทแต่กำไรสุทธิปีหน้าถูกปรับลง 14.8%เป็น 460 ล้านบาท อันเป็นผลมาจากการปรับลดมูลค่างานใหม่ที่คาดว่าจะได้เป็นหลัก
นอกเหนือจากความกังวลปัจจุบันเรื่องหนี้ที่ยังเก็บไม่ได้จากโครงการจังซีลอน(Jungceylon)มูลค่า 449 ล้านบาท ที่ยังมีความเป็นห่วงเพิ่ม
เติม จากโครงการโบ๊เบ๊เซ็นเตอร์(Bobae Center) ที่ยอดลูกหนี้บางส่วนค้างชำระเกินกว่า 12 เดือนแล้ว โครงการนี้มีมูลค่าประมาณ 820
ล้านบาทและดูเหมือนเจ้าของโครงการจะมีปัญหาด้านการเงิน ทำให้เกิดความกังวลว่า PLE ต้องตั้งสำรองหนี้สูญจากโครงการนี้ด้วนหรือ
ไม่ ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้กำไรสุทธิเป็นลบ แต่ยังทำให้กระแสเงินสดน้อยลงด้วย (เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราปรับลดประมาณการมูลค่า
งานใหม่ที่ได้ในปีหน้าลง)
จากประมาณการอยู่บนสมมติฐานที่ว่า PLE สามารถเก็บเงิน จากลูกหนี้การค้าทั้ง 2รายได้ภายในปี 2550 โดยไม่ต้องทำการตั้งสำรอง
หนี้สูญเลย โครงการจังซีลอนดูจะมีทางออกที่ชัดเจนกว่าเนื่องจากปัจจุบันอยู่ในแผนฟื้นฟูกิจการและ PLE เป็นเจ้าหนี้ลำดับ 2 รองจาก
ธนาคารกรุงไทย ทำให้มีโอกาสสูงที่จะได้รับเงินคืนทั้งจำนวน
กรณีดังกล่าวได้ทำการวิเคราะห์ให้ดูว่า ณ ระดับการเก็บเงินได้ที่แตกต่างกันจาก 2โครงการดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อราคาเป้าหมาย
มากน้อยเพียงใด ซึ่งกรณีที่เลวร้ายสุดสมมติว่า PLE ไม่สามารถเก็บเงินได้เลยจากทั้ง 2 โครงการและต้องทำการตั้งสำรองหนี้สูญทั้งหมด
ปีหน้า ราคาเป้าหมายจะอยู่ที่ 9.6 บาท เทียบเป็น P/BV ปีหน้าที่ 2.2 เท่า และมีผลขาดทุนสุทธิ 871 ล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนหนี้สิน
รวมต่อทุนจะอยู่ที่ 1.1 เท่า ซึ่งยังคงต่ำกว่าเกณฑ์ของผู้บริหารที่ 1.5 เท่า
อย่างไรก็ตามกรณีข้างต้น ยังไม่ได้รวมโอกาสขาดทุนจากการตั้งสำรองหนี้สูญลง ในประมาณการแต่ได้สะท้อนลงในราคาเป้าหมาย
โดยสมมติฐานว่า PLE จะสามารถเก็บเงินจากโครงการจังซีลอนได้หมดแต่เก็บเงินจากโครงการโบ๊เบ๊เซ็นเตอร์ได้เพียง 50% ทำให้ได้
ราคาเป้าหมาย 10.90 บาท เนื่องจากประเด็นโบ๊เบ๊เซ็นเตอร์เป็นเรื่องใหม่ซึ่งเพิ่มโอกาสตั้งสำรองหนี้สูญให้สูงขึ้นเป็นเกือบ 1,300 ล้าน
บาท จึงคาดว่าราคาหุ้นจะตอบสนองในเชิงลบและถูกกดดันไปจนกว่าเรื่องจะคลี่คลาย หรือมีความจัดเจนมากขึ้นในหลักการและผลลัพธ์
ดังนั้นระยะสั้นจึงแนะให้หลีกเลี่ยงการลงทุนไปก่อนแต่หากราคาหุ้นปรับตัวลงมากแล้วก็สามารถซื้อลงทุนระยะยาวได้ เนื่องจากราคา
เป้าหมายกรณีเลวร้ายสุดยังคงสูงกว่าราคาปัจจุบัน
ที่มา:
ข่าวหุ้น
|