SET
วานนี้ดัชนีมีความผันผวนค่อนข้างมากหลังจากที่ดีดตัวเข้าใกล้ Down Trend Line บริเวณ 780 จุดเมื่อช่วงเช้าจากนั้นก็ปรับลงสู่ 771 จุดอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม เมื่อสามารถดีดกลับมายืนที่ 776 จุด ได้เมื่อปิดตลาด ส่งผลให้แท่งเทียนรายวันเกิดรูปแบบ Doji ขณะที่เริ่มพบลักษณะ Bearish Divergence ทั้งในสัญญาณ RSI และ Stochastic รูปแบบดังกล่าวแสดงถึงการเป็นแนวต้านที่สำคัญของ Down Trend Line ซึ่งดัชนีคงต้องใช้เวลาอีกสักระยะกว่าจะฝ่าขึ้นไปสำเร็จ อนึ่ง การปรับฐานใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจะมีเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันเป็นแนวรับหลัก

มุมมองระยะกลาง - MINT
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
ตั้งแต่กลางปี 49 MINT อยู่ในช่วงการพักฐานระยะยาวโดยแกว่งตัวในรูปแบบสามเหลี่ยม ราคาหุ้นเพิ่งจะฝ่ากรอบบนของรูปดังกล่าวเมื่อสองวันที่ผ่านมา ซึงผลของเหตุการณ์นี้ สะท้อนถึงการเริ่มเข้าสู่ขาขึ้นครั้งใหม่ โดยหากพิจารณาถึงแรงขับเคลื่อนจากรูปแบบสามเหลี่ยมข้างต้นจะได้ราคาตามทฤษฎีราว 16.00-17.00 บาท

หุ้นเด่น เล่นสั้น - EVER
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
พิจารณาจากกราฟรายวันมี Golden Cross เกิดขึ้น พร้อมกับรูปแบบ Continuation pattern ในขาขึ้นอย่างชัดเจน เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน นอกจากนั้นยังมีสัญญาณซื้อจาก RSI & Stochastic ดังนั้น ในระยะกลาง มีโอกาสที่หุ้นจะขึ้นไปทดสอบบริเวณแนวต้านตามเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ณ บริเวณ 2.80-2.90 บาท และยังเป็นกรอบแนวต้านตาม Fibonacci @ 161.8 อีกด้วย จึงแนะนำ "ซื้อ" โดยให้แนวรับที่ 1.90-2.00 บาท สำหรับจุด Stop loss อยู่ที่ 1.89 บาท เมื่อหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน

หุ้นเด่น เล่นสั้น - JTS
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
พิจารณาจากกราฟรายวันมี Golden Cross เกิดขึ้น พร้อมกับรูปแบบ Continuation pattern ในขาขึ้นอย่างชัดเจน เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน นอกจากนั้นยังมีสัญญาณซื้อจาก RSI & Stochastic ดังนั้น ในระยะกลาง มีโอกาสที่หุ้นจะขึ้นไปทดสอบบริเวณแนวต้านที่จุดสูงสุดเก่า ณ บริเวณ 2.50-2.60 บาท ทั้งยังเป็นกรอบแนวต้านตาม Fibonacci @ 161.8 อีกด้วย จึงแนะนำ "ซื้อ" โดยให้แนวรับที่ 2.30-2.34 บาท สำหรับจุด Stop loss อยู่ที่ 2.28 บาท เมื่อหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน

เอเซียพลัสแนะ ?LONG?เฉพาะก.ย. มีลุ้นทำกำไรสูงมองกรอบ563-568จุด

ที่มา : ทันหุ้น
ทันหุ้น ? บล.เอเซียพลัส ชี้หากนักลงทุนที่ต้องการเปิดสัญญาใหม่ด้วยสถานะ ?LONG? ควรเลือกสัญญาส่งมอบเดือนกันยายนเนื่องจากมีอายุสัญญาที่มากกว่าสัญญาส่งมอบเดือนมิถุนายนที่สภาพคล่องเริ่มน้อยลง และควรหลีกเลี่ยงการลงทุนในสัญญาเดือนมิถุนายน พร้อมแนะหากใครเปิดสถานะ?Long? สัญญาเดือนกันยายนสัปดาห์นี้แนะให้ทยอยปิดเพื่อทำกำไรเนื่องจากได้กำไรมากถึง 30 จุด

นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP เปิดเผยถึงกลยุทธ์การลงทุนในตลาดอนุพันธ์ (TFEX) สำหรับนักลงทุนที่ได้เปิดสถานะ ?LONG? สัญญาส่งมอบเดือนกันยายน S50U07 บริเวณแนวรับ 510-515 จุด ตามคำแนะนำสัปดาห์ที่ผ่านมา สัปดาห์นี้แนะนำให้ทยอยปิดสถานะเพื่อทำกำไรบางส่วน เนื่องจากได้กำไรมากถึง 30 จุด ภายในสัปดาห์เดียว

นักลงทุนระยะสั้นที่ต้องการเปิดสถานะ ?LONG? สัปดาห์นี้แนะนำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนในสัญญาส่งมอบเดือนมิถุนายน S50M07 เนื่องจากใกล้หมดอายุสัญญาในปลายเดือนนี้ ขณะที่แนวโน้มราคาของสัญญาส่งมอบเดือนมิถุนายน S50M07 ส่วนใหญ่มีราคาสูงกว่า SET50 INDEX หากตลาดมีการปรับตัวลง มีโอกาสที่ราคาสัญญาส่งมอบเดือนมิถุนายน S50M07 จะปรับตัวลงมาที่ระดับใกล้เคียงกับ SET50 INDEX ซึ่งไม่เกิดประโยชน์มากนักในเชิงเก็งกำไรระยะสั้น

สัปดาห์นี้สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเปิดสัญญาใหม่ด้วยสถานะ ?LONG? ควรเลือกสัญญาส่งมอบเดือนกันยายน S50U07 เนื่องจากมีอายุสัญญาที่มากกว่าสัญญาส่งมอบเดือนมิถุนายน S50M07 โดยเริ่มมีสภาพคล่องทั้งปริมาณซื้อขายและสัญญาคงค้าง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มเพิ่มมากขึ้นจากสัปดาห์ที่ผ่านมา

สัปดาห์นี้คาดว่าแนวรับจะอยู่ที่บริเวณ 525 จุด มีโอกาสดีดตัว ให้เปิดสถานะ ?LONG? แนวต้านบริเวณ 563-568 จุด เป็นจุดที่มีโอกาสพบแรงเทขายทำกำไร เหมาะสำหรับเปิดสถานะใหม่ด้วยคำสั่ง ?SHORT?
ดัชนี SET50 วันที่ 21 มิถุนายน 2550 ปิดที่ระดับ 552.01 จุด ลดลง 1.35 จุด หรือ 0.24% มูลค่าการซื้อขาย 11,889.56 ล้านบาท

ภาวะปิดตลาดอนุพันธ์ (TFEX) ประจำวันที่ 21 มิถุนายน 2550 มีปริมาณการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 4,820 สัญญา โดยสัญญาซื้อขาย S50M07 สิ้นสุดเดือนมิถุนายน 2550 มีปริมาณการซื้อขาย 1,526 สัญญา โดยมีราคาสัญญาเสนอซื้ออยู่ที่ 552.20 จุด ราคาสัญญาเสนอขายอยู่ที่ 553.30 จุด ราคาสัญญาล่าสุดอยู่ที่ 553.00 จุด

สัญญา S50U07 สิ้นสุดเดือนกันยายน 2550 มีปริมาณการซื้อขาย 3,243 สัญญา โดยมีราคาสัญญาเสนอซื้ออยู่ที่ 551.40 จุด สัญญาเสนอขายอยู่ที่ 551.50 จุด ราคาสัญญาล่าสุดอยู่ที่ 551.40 จุด

สัญญา S50Z07 สิ้นสุดเดือนธันวาคม 2550 มีปริมาณการซื้อขาย 38 สัญญา โดยมีราคาสัญญาเสนอซื้ออยู่ที่ 551.00 จุด ราคาสัญญาเสนอขายอยู่ที่ 554.90 จุด ราคาสัญญาล่าสุดอยู่ที่ 551.60 จุด

ส่วนสัญญา S50H07 สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2551 มีปริมาณการซื้อขาย 13 สัญญา โดยมีราคาสัญญาเสนอซื้ออยู่ที่ 546.50 จุด ราคาสัญญาเสนอขายอยู่ที่ 565.00 จุด ราคาสัญญาล่าสุดอยู่ที่ 551.00 จุด

เจาะหุ้นตลาดmaiเทรดต่ำบุ๊ค TMW-TAPAC-TIESติดโผ

ที่มา : ทันหุ้น
ทันหุ้น-เปิดโผหุ้นเด่นตลาดเอ็ม เอ ไอ เทรดต่ำกว่าบุ๊คแวลูถึง 1 ใน 4 ของหุ้นทั้งตลาด และยังห่างราคาเป้าหมาย นำโดย?TAPAC?ยังต่ำกว่าบุ๊คแวลูที่ 1.96 บาท จากราคาซื้อขายที่ยังขยับไม่ถึงเป้าหมายของโบรกที่ 1.62 บาท ส่วน ?TIES? เทรดต่ำกว่าบุ๊คแวลู 2.81 บาท โบรกให้เป้าราคาเหมาะสมปีนี้ที่ 2.98 บาท ด้าน? TMW ?บุ๊คแวลูอยู่ที่ 20.39 บาท ห่างจากราคาซื้อขายที่ขยับเพียง 16.60 บาท ขณะที่เป้าหมายราคาโบรกเกอร์ประเมินไว้สูงถึง 25 บาท ?L&E?ต่ำกว่าบุ๊คอยู่ที่ 14.69 บาท เซียนหุ้นให้ราคาเป้าหมายปี 2550 ที่ 12.50 บาท

จากการรวบรวมข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) วันที่ 20 มีนาคม 2550 มีบริษัทที่มีราคาในกระดานต่ำกว่ามูลค่าหุ้นตามบัญชี(BOOK VALUE) มีจำนวน 10 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท ชูโอเซ็นโก จำกัด(มหาชน) หรือ CHUO มีมูลค่าหุ้นตามบัญชีอยู่ที่ 15.23 บาทต่อหุ้น จากราคาปิดล่าสุด(22 มี.ค.50)ที่ 8.05 บาท

บริษัท ธนมิตรแฟคตอริ่ง จำกัด(มหาชน)หรือ DM มีมูลค่าหุ้นตามบัญชีอยู่ที่ 7.95 บาทต่อหุ้น จากราคาปิดล่าสุด(22 มี.ค.50) ที่ 7.85 บาท ,บริษัทไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปแมนท์ จำกัด(มหาชน) หรือ L&E มีมูลค่าหุ้นตามบัญชีอยู่ที่ 14.69 บาทต่อหุ้น จากราคาปิดล่าสุด(22 มี.ค.50)ที่ 9.40 บาท และโบรกเกอร์ให้ราคาเป้าหมายปี 2550 ที่ 12.50 บาท

นอกจากจากนี้ยังมีบริษัท แอล.วี.เทคโนโลยี จำกัด(มหาชน) หรือ LVT มีมูลค่าหุ้นตามบัญชีอยู่ที่ 1.75 บาทต่อหุ้น จากราคาปิดล่าสุด(22 มี.ค.50)ที่ 1.50 บาท ,บริษัทมาสเตอร์แอด จำกัด(มหาชน)MACO มีมูลค่าหุ้นตามบัญชีอยู่ที่ 3.56 บาทต่อหุ้น จากราคาปิดล่าสุด(22 มี.ค.50)ที่ 2.92 บาท

ด้านบริษัท สตาร์ ซานิทาริแวร์ จำกัด(มหาชน)หรือ STAR มีมูลค่าหุ้นตามบัญชีอยู่ที่ 1.70 บาทต่อหุ้น จากราคาปิดล่าสุด(22 มี.ค.50)ที่ 1.64 บาท ,บริษัท ทาพาโก้ จำกัด(มหาชน) หรือ TAPAC มีมูลค่าหุ้นตามบัญชีอยู่ที่ 1.96 บาทต่อหุ้น จากราคาปิดล่าสุด(22 มี.ค.50)ที่ 1.59 บาท และโบรกเกอร์ให้ราคาเป้าหมายปี 2550 ที่ 1.62 บาท

บริษัทไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม จำกัด(มหาชน) หรือ TIES มีมูลค่าหุ้นตามบัญชีอยู่ที่ 2.81 บาทต่อหุ้น จากราคาปิดล่าสุด(22 มี.ค.50)ที่ 2.72 บาท และโบรกเกอร์ให้ราคาเป้าหมายปี 2550 ที่ 2.98 บาท,บริษัท ไทยมิตซูวา จำกัด(มหาชน)หรือ TMW มีมูลค่าหุ้นตามบัญชีอยู่ที่ 20.39 บาทต่อหุ้น จากราคาปิดล่าสุด(22 มี.ค.50)ที่ 16.60 บาท และโบรกเกอร์ให้ราคาเป้าหมายปี 2550 ที่ 25 บาท ,บริษัท ยัวร์ซ่า แบตเตอร์รี่ จำกัด(มหาชน)หรือ YUASA มีมูลค่าหุ้นตามบัญชีอยู่ที่ 2.25 บาทต่อหุ้น จากราคาปิดล่าสุด(22 มี.ค.50)ที่ 2.02 บาท

TCAP บวก 0.69% โบรกฯแนะซื้อ มองราคาขายยังต่ำกว่า BV

หุ้น TCAP บวก 0.69% อยู่ที่ 14.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท เมื่อเวลา 10.30 น.โดยเปิดตลาดที่ 14.70 บาท ราคาปรับขึ้นสูงสุดที่ 14.80 บาท และราคาปรับลงต่ำสุดที่ 14.50 บาท

น.ส.อรุณรัตน์ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า ยังแนะนำซื้อ เนื่องจากขณะนี้ยังเทรดด้วยราคาที่ต่ำกว่า BV ให้ราคาเป้าหมายที่ 15.75 บาท

ด้านบทวิเคราะห์ บล.บัวหลวง แนะ"ซื้อ"เชื่อว่า TCAP จะสามารถรักษาผลการดำเนินงานไว้ได้แม้ว่าบริษัทอาจจะได้รับผลกระทบเล็กน้อยหลังการสอบสวนบล.ธนชาต ของ ก.ล.ต. โดยรายได้หลักของธนาคารจะมาจากสินเชื่อเช่าซื้อและธุรกิจประกันภัย

คาดว่ากำไรในปี 2550 ของ TCAP จะอยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท (ไม่รวมกำไรพิเศษจากเงินลงทุน 1 พันล้านบาทจากการขายหุ้น TBANK 157 ล้านหุ้นให้แก่ Scotiabank) ให้ราคาเป้าหมายในปี 2550 ที่ 18 บาท ซึ่งคำนวณจากมูลค่าตามบัญชี ณ สิ้นปี 2550

เช้านี้ นสพ.ระบุว่า กองทุนต่างชาติเริ่มเข้ามาซื้อ TCAP จากคาดการณ์ว่า TBANK ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ TCAP จะเริ่มมีการรุกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆหลังจากที่มี Scotiabank เข้ามาเป็นพันธมิตร อีกทั้งต้นทุนของบริษัทน่าจะเริ่มปรับลดลงอย่างเห็นได้ชัดเพราะพันธมิตรที่เข้ามาได้ให้ความสำคัญกับการลดต้นทุนของการดำเนินงาน

นอกจากนี้ ยังคาดว่า งบการเงินไตรมาส 2 ของ TCAP จะออกมาดีมาก เพราะ TCAP จะบุ๊คกำไรพิเศษจากการขายหุ้นลูกจำนวนไม่ต่ำกว่า 700 ล้านบาท

EVER พุ่ง 9.8% โบรกฯคาด"เก็งกำไร"เทคนิคเริ่มดี-กำลังเปลี่ยนเป็นขาขึ้น

หุ้น EVER ราคาพุ่งพรวดขึ้น 9.80% มาอยู่ที่ 2.24 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท มูลค่าซื้อขาย 163.54 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.28 น. โดยเปิดตลาดที่ 2.10 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 2.28 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 2.08 บาท
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.37 น.ราคาหุ้นอยู่ที่ 2.22 บาท เพิ่มขึ้น 0.18 บาท(+8.82%)มูลค่าซื้อขาย 165.50 ล้านบาท

น.ส.ภัทรวัลลิ์ หวังมิ่งมาศ นักวิเคราะห์เทคนิค บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ราคาหุ้น EVER เช้านี้ขึ้นมาทะลุด่านที่ 2.22 บาท แล้วจะมีทิศทางที่จะซิกแซกขึ้นไปทดสอบด่านต่อไปที่ 2.86 บาท ซึ่งระหว่างทางก็จะมีด่านที่ 2.42, 2.50 บาทก่อน ทิศทางของราคาหุ้น EVER เริ่มดีขึ้น ภายหลังจากที่มีวอลุ่มเทรดเข้ามาสนับสนุน

หากราคา EVER สามารถทะลุด่านที่ 2.86 บาทได้ ก็จะสามารถขึ้นต่อไปที่ 3 บาทหรือสูงกว่านี้ ส่วนแนวรับให้ไว้ที่ 2.10, 2.00 บาท ซึ่งนักลงทุนที่มีหุ้นอยู่ก็แนะนำให้"ถือ"ต่อไปได้ ส่วนนักลงทุนที่ยังไม่มีหุ้นก็แนะให้รอซื้อเมื่อราคาไหลลงมาแถวแนวรับ ทั้งนี้ หุ้น EVER เป็นหุ้นเก็งกำไรตัวหนึ่ง นักลงทุนที่เข้ามาเล่นควรจะให้ความระมัดระวังการลงทุน และติดตามการเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดด้วย

ด้านนายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า ราคาหุ้น EVER เช้านี้ปรับตัวสูงขึ้น ด้วยวอลุ่มเทรดที่เข้ามาอย่างหนาแน่น คาดว่าจะเป็นการเข้ามาเล่นเก็งกำไรของนักลงทุน โดยทิศทางตามสัญญาณทางเทคนิคอยู่ระหว่างการเคลื่อนไหวไซต์เวย์ ทำท่าจะเปลี่ยนเป็นขาขึ้น ภายหลังจากที่มีวอลุ่มเข้ามาสนับสนุนจำนวนมาก
ทั้งนี้ ให้แนวรับที่ 2.22 บาท แนวต้าน 2.68 บาท

--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/รัชดา

SAMART บวก 3.64% โบรกฯมองก่อนหน้านี้ราคาลงไปเยอะ

หุ้น SAMART บวกสวนตลาด 3.64% อยู่ที่ 8.55 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท เมื่อเวลา 11.32 น.โดยเปิดตลาดที่ 8.25 บาท ราคาปรับขึ้นสูงสุดที่ 8.70 บาท และราคาปรับลงต่ำสุดที่ 8.20 บาท
น.ส.ศลยา ณ สงขลา ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้น SAMART ราคาปรับขึ้นสวนตลาดเช้านี้ เป็นการขยับขึ้นหลังจากราคาหุ้นอื่นทยอยปรับขึ้นไปก่อนหน้านี้

ส่วนผลประกอบการไตรมาสที่ 2 คาดว่า น่าจะทรงๆ ใกล้เคียงกับไตรมาส 1 แนะนำทยอยสะสม ให้ราคาเป้าหมาย 10.60 บาท
ส่วนข่าวเข้าซื้อ SATTEL ขณะนี้ยังไม่ความคืบหน้า แต่มองโอกาสลดลง เนื่องจากราคาหุ้น SATTEL ปรับขึ้นมาค่อนข้างเยอะแล้ว จากที่ราคาเคยอยู่ 7-8 บาท

ด้านนักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้น SAMART ที่ปรับขึ้นน่าจะเป็นเพราะราคาลงไปเยอะ แต่ยังไม่ปรับขึ้นเลย ให้ราคาเป้าหมาย 8.78 บาท แนะนำแค่ถือ โดยมองว่าไตรมาส 1-2 งานโปรเจกต์ของ SAMTEL ยังไม่เข้ามา ส่วนที่มีข่าวว่า SAMART เป็นหนึ่งในผู้ที่จะเจรจาซื้อ SATTEL ก็เงียบไป
ก่อนหน้านี้ นสพ. ระบุว่า SAMART อยู่ระหว่างศึกษาทำธุรกิจมัลติมีเดีย คาดว่าจะสรุปขนาดโปรเจ็กต์ปลายปีนี้ พร้อมคาดว่าจะได้ข้อสรุปประมูลติดตั้งระบบ GSM ในกัมพูชา วงเงินกว่า2 พันล้านบาทเร็วๆ นี้

--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/รัชดา

SAMART บวก 3.64% โบรกฯมองก่อนหน้านี้ราคาลงไปเยอะ

หุ้น SAMART บวกสวนตลาด 3.64% อยู่ที่ 8.55 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท เมื่อเวลา 11.32 น.โดยเปิดตลาดที่ 8.25 บาท ราคาปรับขึ้นสูงสุดที่ 8.70 บาท และราคาปรับลงต่ำสุดที่ 8.20 บาท
น.ส.ศลยา ณ สงขลา ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้น SAMART ราคาปรับขึ้นสวนตลาดเช้านี้ เป็นการขยับขึ้นหลังจากราคาหุ้นอื่นทยอยปรับขึ้นไปก่อนหน้านี้
ส่วนผลประกอบการไตรมาสที่ 2 คาดว่า น่าจะทรงๆ ใกล้เคียงกับไตรมาส 1 แนะนำทยอยสะสม ให้ราคาเป้าหมาย 10.60 บาท
ส่วนข่าวเข้าซื้อ SATTEL ขณะนี้ยังไม่ความคืบหน้า แต่มองโอกาสลดลง เนื่องจากราคาหุ้น SATTEL ปรับขึ้นมาค่อนข้างเยอะแล้ว จากที่ราคาเคยอยู่ 7-8 บาท
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้น SAMART ที่ปรับขึ้นน่าจะเป็นเพราะราคาลงไปเยอะ แต่ยังไม่ปรับขึ้นเลย ให้ราคาเป้าหมาย 8.78 บาท แนะนำแค่ถือ โดยมองว่าไตรมาส 1-2 งานโปรเจกต์ของ SAMTEL ยังไม่เข้ามา ส่วนที่มีข่าวว่า SAMART เป็นหนึ่งในผู้ที่จะเจรจาซื้อ SATTEL ก็เงียบไป

ก่อนหน้านี้ นสพ. ระบุว่า SAMART อยู่ระหว่างศึกษาทำธุรกิจมัลติมีเดีย คาดว่าจะสรุปขนาดโปรเจ็กต์ปลายปีนี้ พร้อมคาดว่าจะได้ข้อสรุปประมูลติดตั้งระบบ GSM ในกัมพูชา วงเงินกว่า2 พันล้านบาทเร็วๆ นี้

--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/รัชดา