Puu
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476 |  วันที่: 21/06/2007 @ 11:03:45 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ซื้อ SAT เป้าหมาย 15.88บาท
บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด แนะนำ ซื้อ SAT คาดว่าการเข้าไปบริหารโรงงานหล่อเหล็กครบวงจรจะทำให้ การผลิตในเฟสต่อไปคือการประกอบชิ้นส่วนเข้าด้วยกัน (Module) จะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และคาดว่าจะสามารถสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าญี่ปุ่นรายหนึ่งสามารถตัดสินใจจ้าง SAT ผลิต Module นี้ให้ ซึ่งจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกปีละ 1,200 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24% เป็นเวลา 7 ปีติดต่อกัน โดย SCBIS ประมาณการเบื้องต้นว่าโครงการนี้จะให้ผลตอบแทน IRR ประมาณ 14.8% เปรียบเทียบกับต้นทุนของเงินทุนของบริษัท (WACC) 11.0% ถือได้ว่าคุ้มค่ากับการลงทุน อย่างไรก็ดี SCIBS ยังมิได้รวมโครงการดังกล่าวไว้ในประมาณการเนื่องจากยังอยู่ในระหว่างเจรจา ยืนยันคำแนะนำ ?ซื้อ?ประเมินมูลค่าหุ้น SAT ด้วยวิธี PEG 10.3 เท่า ได้ราคาเหมาะสม 15.88 บาทต่อหุ้น โดยรวมประโยชน์ที่ได้รับจากการซื้อโรงเหล็กหล่อเข้าไปแล้ว ซึ่ง ณ ราคาปัจจุบันยังคงมี upside อีกถึง 38% และเทรดบน P/E เพียง 7.5 เท่า
ซื้อ KH เป้าหมาย 8.50 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด แนะนำ ซื้อ KH โดยประเมินว่ากำไรในไตรมาส 2/2550 น่าจะปรับลดลง 5% จากปีก่อน และแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส โดยอัตราการเติบโตของค่ารักษาพยาบาลเป็นเลขตัวเดียว ขณะทีอัตรากำไรที่มาจากการดำเนินงานอาจจะต่ำกว่าที่คิด แนวโน้มในช่วงครึ่งหลังของปีดูสดใสขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของค่ารักษาพยาบาล และจำนวนเงินสูงสุดที่รัฐจะชดเชยให้ตามโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า อีกทั้งกำลังอยู่ในช่วงระหว่างการก่อสร้างโรงพยาบาลขนาด 200 เตียงในพัทยา โดยใช้เงินลงทุนทั้งสิ้นราว 700 ล้านบาท ซึ่งโครงการดังกล่าวดูมีความเหมาะสมทั้งในด้านการดำเนินงานและการเงิน โดยจากการนำโครงการดังกล่าวเข้ามาคำนวณตามประมาณการของฝ่ายวิจัยพบว่า ราคาเป้าหมายของฝ่ายวิจัยจะปรับเพิ่มขึ้น 11% มาอยู่ที่ 9.5 บาทหากแผนการดำเนินธุรกิจเป็นไปได้ตามเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ ยังคงแนะนำให้ ซื้อ เนื่องจากราคาของ KH ในปัจจุบันอยู่ที่ราว 6 บาท ซึ่งจากมูลค่าเหมาะสมใหม่ ทำให้ยังคงมี upside อยู่อีกราว 20%
ซื้อ PF เป้าหมาย 3.98 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส จำกัด แนะนำ ซื้อ PF คาดว่าบริษัทจะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/2550 ฟื้นตัวชัดเจนเป็น 105 ล้านบาท เทียบกับจากปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 39 ล้านบาท และไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิเพียง 6 ล้านบาท สาเหตุสำคัญคือ การรับรู้รายได้จากคอนโดมิเนียม เมโทรพาร์คและโครงการบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คาดว่าจะเป็นปัจจัยบวกกับราคาหุ้นเมื่อประกาศงบการเงิน จากยอดขาย (Presales) ที่ทำในครึ่งปีแรกเป็นประมาณ 3.0 พันล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 13% จากปีก่อนที่ 2.7 พันล้านบาท หลังจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวลง และปัจจัยการเมืองดีขึ้น คาดว่ายอดขายทั้งปี 50 เป็น 7.5 พันล้านบาท บริษัทคาดว่าจะขายสินทรัพย์มูลค่าขาย 500 ล้านบาทให้กับกองทุนอสังหาฯในไตรมาส 3/2550 อย่างไรก็ตามได้มีการปรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2550 และ 2551 ลดลง 19% และ 16% จากแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงจากเดิม คงคำแนะนำซื้อ แม้ปรับกำไรสุทธิลดลงเป็น 423 ล้านบาทในปี 2550 แต่ก็ยังฟื้นตัวดีขึ้นมาก เทียบกับปี 49 ที่มีกำไรสุทธิเพียง 12 ล้านบาท
ซื้ออ่อนตัวRCLเป้าหมาย 33 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด (มหาชน) แนะนำ ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว RCL อัตราค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ที่มีโอกาสที่ปรับขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ภายหลังจาก Clarkson ได้ปรับประมาณการอุปสงค์ในปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโต 9.7% เป็น 11.3% ทำให้สามารถดูดซับอุปทานที่เติบโต 12.9% ได้มากขึ้น ช่วงห่วงระหว่างอุปสงค์และอุปทานลดลง ทั้งนี้เราคาดว่าค่าระวางเฉลี่ยทั้งปีเท่ากับ 218 เหรียญฯต่อ TEU ปริมาณขนส่งตู้สินค้ามีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยในเดือนเมษายนปริมาณขนส่งตู้สินค้าเติบโต 11.7% จากปีก่อนเป็น 210,090 แสนตู้สั้น รวมงวด 4 เดือนแรกของปีนี้ปริมาณขนส่งรวมเท่ากับ 853,482 ตู้สั้นหรือเติบโตขึ้น 11.8% จากปีก่อน คาดว่าปีนี้จะเติบโตในระดับ 10% ตามปริมาณการค้าโลกที่ขยายตัว อย่างไรก็ตามในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น RCL ได้ปรับเพิ่มขึ้นมาตามการปรับตัวของกลุ่มเดินเรือคอนเทนเนอร์ในภูมิภาค (Graph 1, 2) แม้ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นมามากแล้วแต่มีมุมมองที่เป็นบวกกับ RCL เนื่องจากบริษัทฯมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งดังจะเห็นได้จากค่า PEG ของ RCL ที่อยู่ในระดับ 1.01 เท่า (คำนวณจาก Analyst Consensus) ยังต่ำกว่าของ TTA 1.05 เท่า
ที่มา ทันหุ้น[/color:61851beecc">
|
