May 5, 2024   10:59:42 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 21/06/2007 @ 10:44:19
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET Index วันพุธที่ 20 มิถุนายน 2550 ปิดที่ดัชนี 777.10จุด +13.32จุด มูลค่าการซื้อขาย 22,115 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,121.95 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 283.30 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 3,405.26 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ดัชนี 777.72 จุด +13.94จุด และ Low ที่ดัชนี 765.27 จุด +1.49 จุด ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ทะยานขึ้นอีกครั้งหลังจากเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาสภาพตลาดดูไม่ค่อยดี อันเนื่องมาจากปัจจัยทางการเมืองกดดันอยู่ซึ่งประเด็นหลักตอนนี้เป็นเรื่องการกลับมาเมืองไทยของ
พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกฯ ที่ท่านจะต้องกลับมาชี้แจงในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบริษัท SC ทำให้ประเด็นนี้กลายมาเป็นความเสี่ยงของตลาด แต่ตลาดเมื่อวานนี้เปิดทำการดัชนี Rebound ขึ้น โดยในช่วงเช้าดัชนียังคงเคลื่อนไหวในกรอบที่ไม่กว้างมากนักซึ่งมาถึงกระทั่งตลาดเปิดช่วงบ่ายดัชนีดีดตัวขึ้นแรงเพราะได้แรงหนุนจากแรงซื้อที่มีเข้ามากในหุ้นกลุ่มธนาคาร ส่งผลให้หุ้นหลักในกลุ่มอื่นมีแรงซื้อกลับเข้ามากเช่นกัน โดย K.KARZIP
คาดว่าตลาดคงได้ผลบวกจากการที่ประธาน กกต.ระบุหลังหารือร่วมกับนายกฯ ว่าหากทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญได้ในวันที่ 19 ส.ค. นี้จะสามารถร่นวันเลือกตั้งให้เร็วที่ 25 พ.ย. ได้

THAI
ราคาเปิด43.75 บาท ราคาปิด 44.25บาท มูลค่าการซื้อขาย 94.35ล้านบาท จากข่าวเกี่ยวการไม่จัดซื้อเครื่องบินรุ่นแอร์บัส A330-300 เพราะเป็นเครื่องรุ่นเก่าซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพในด้านการประหยัดน้ำมันหรือค่าใช้จ่ายด้านซ่อมบำรุงในระยะยาวไม่ดีเท่าการจัดซื้อเครื่องบินในรุ่นใหม่กว่านั้นน่าจะดีสำหรับบริษัทแต่สำหรับการให้ส่วนลดในการจัดซื้อเครื่องบินของบริษัทแอร์บัส เพื่อชดเชยการส่งมอบเครื่องแอร์บัส A 380
ที่ล่าช้าน่าจะเจรจาเพื่อรับประโยชน์จากเงื่อนไขการเช่าซื้อที่ดีขึ้นซึ่งคาดว่าจะได้รับส่วนลดที่ดีและราคาที่ถูกลงและเมื่อดูผลประกอบใน Q3/50 คาดว่าจะยังคงเติบโตตัวดีขึ้นมาอยู่ในระดับประมาณ75.4% และขณะที่
ในด้านต้นทุนน้ำมันเทียบปี/ปี เชื่อว่ายังลดลงเนื่องจากราคา Jet Oil ในตลาดสิงค์โปร์ใน Q3/50 ลดลง และสำหรับผลประกอบการในช่วง Q4/50 จะเริ่มกลับมาได้รับปัจจัยสนับสนุนการจากกลับมาเข้าสู่ High Seasonและระดับราคาน้ำมันน่าจะเริ่มอ่อนตัวลง ดังนั้น K.KARZIPแนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวรับที่ 43.50 บาท แนวต้าน 46 บาท

SEAFCO
ราคาเปิด8.25 บาท ราคาปิด8.35 บาท มูลค่าการซื้อขาย 37.01ล้านบาท จากที่บริษัทรับงานแรกที่สิงคโปร์ได้เม็ดเงิน 28 ล้านบาท เป็นการประเดิมงานแรกที่ดีและบริษัทยังรอผลการประมูลอีก 2-3
โครงการทยอยบันทึกรายได้ 3/50 ทางด้านบริษัทกล่าวว่าถ้าตลาดสิงคโปร์สำเร็จลุยดูไบต่อเห็นว่าแม้งานที่ได้รับจะมีมูลค่าที่ยังไม่มาก แต่ตลาดสิงคโปร์นั้นน่าสนใจตามที่บริษัทได้ให้ข้อมูลพบว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โต
40% และมีงานใหญ่ๆ รอประมูลอีกมาก เห็นว่าการที่บริษัทรุกไปยังงานต่างประเทศก็เพื่อการเติบโตต่อเนื่องในปี 51 เพราะโอกาสที่จะทำรายได้ตามประมาณการปี 50 นั้นไม่ยากแล้วเพราะมีงานในมือที่มีอยู่ตั้งแต่ต้นปี 50แล้ว
เมื่อดูจากงานจากต้นปีแลัวก็ยังมีงานมาตลอดจนสิ้นปีและยังมีงานต่อไปอีกถึงปีหน้าอีกด้วยโดยคาดว่าปีนี้บริษัทจะมีกำไรที่มากกว่าปีก่อนประมาณ21% และคาดการอัตราปันผลปลายปีก็น่าจะอยู่ในระดับดีอีกด้วย ดังนั้น
K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวรับที่ 8.10บาท แนวต้าน 8.50บาท

SAT
ราคาเปิด 11.60 บาท ราคาปิด 11.50 บาท มูลค่ากาณซื้อขาย 20.22 ล้านบาท จากการประชุมบอร์ดเพื่อขออนุมัติซื้อโรงเหล็กหล่อมูลค่า 200 ล้านบาท อนุมัติการเข้าซื้อโรงเหล็กหล่อเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 1,200ตัน/เดือน ในการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ คาดว่าSAT จะใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน ลงทุนซื้อโรงงานได้โดยไม่กระทบต่อการจ่ายปันผลแต่อย่างใด การซื้อเข้าซื้อโรงงานจะทำให้ GPM ในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 19.9% จาก 19.0% ในปีก่อน และกำไรขั้นต้นจะเพิ่มจาก807 ล้านบาท เป็น 918 ล้านบาท เติบโต 13.7% YoY สูงกว่ายอดขายที่คาดจะเพิ่มขึ้น 8.5% YoY การเข้าไปบริหารโรงงานหล่อเหล็กครบวงจรจะทำให้การประกอบชิ้นส่วนเข้าด้วยกัน จะทำได้อย่างประสิทธิภาพมากขึ้น และจะสามารถสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าญี่ปุ่นรายหนึ่งสามารถตัดสินใจจ้าง SAT ผลิต Module นี้ให้ซึ่งจะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีกปีละ 1,200 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 24% เป็นเวลา 7 ปีติดต่อกัน ดังนั้นK.KRAZIP แนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวรับที่ 11.30 บาท แนวต้าน 12 บาท

RRC
ราคาเปิด 19.40 บาท ราคาปิด 19.60 บาท มูลค่าการซื้อขาย 294.25 ล้านบาท ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้คัดเลือกหุ้น RRC เข้าไปคำนวณใน SET 50แทน TISCO ที่ถูกถอดออก มีผลตั้งแต่ 1 ก.ค.50 เป็นบวกกับหุ้น RRC เพราะการถูกเลือกเข้าคำนวณใน SET 50 จะทำให้นักลงทุนประเภทสถาบันให้ความสนใจลงทุนใน RRC มากขึ้น โดยเฉพาะกองทุนที่มีการลงทุนตามรูปแบบของ SET 50 ซึ่งตามปัจจัยพื้นฐานของ

RRC
ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง และคาดผลประกอบการในQ2/50 แข็งแกร่ง เพราะเป็นช่วงที่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นกันมากในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค ยังส่งผลให้ค่าการกลั่นจะอยู่ในระดับสูง และคาดว่าผลประกอบการของ Q2/50 จะสูงสุดในปีนี้ และคาดการณ์ Dividend Yield ปี 2550 เท่ากับ 5% ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวรับที่ 18.90 บาท แนวต้าน20 บาท

ที่มา ทันหุ้น[/color:a69f68abec">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com