May 19, 2024   2:11:15 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > อย่าหลงระเริงไป หุ้นขึ้นยามนี้แค่สุขชั่วคราว
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 18/06/2007 @ 23:13:47
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ตะลึง 4 วันทำการหุ้นขึ้นเกือบ 40 จุด หลังการเมืองสอแววไม่ยุ่งเหยิง หารู้ไม่ยังมีประเด็นที่รอจุดชนวนอีกเพียบทั้งคดีที่ดินรัชดาฯ อสส.เตรียมฟ้อง 21 มิ.ย.นี้-วันนี้ DSI สรุปสำนวนคดี SC พร้อมคุณหญิงอ้อเดินทางแจงการซื้อขายหุ้น SHIN - การชุมนุมในัวนที่ 24 มิ.ย.นี้ แถมยังต้องลุ้มการทำประชามติร่างพ.ร.บ.ใหม่วันที่ 19 ส.ค.ว่าจะผ่านหรือไม่ หากไม่ผ่านการเลือกตั้งสะดุดแน่ วงการชี้อย่าวางใจหุ้นขึ้นได้หลายปัจจัยหนุน ต้องจับตาการเคลื่อนไหวทางการเมือง-การทำประชามติ แนะเลือกเล่นหุ้นพื้นฐานปลอดภัยสุด
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นช่วง 1-2 วันทำการที่ผ่านมา(14-15 มิ.ย.50) ค่อนข้างสดใสแม้ว่ามูลค่าการซื้อขายจะเบาบาง แต่ดัชนีตลาดหุ้นไทยกลับปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่นักลงทุนคลายความกังวลว่าสถานการณ์การเมืองเริ่มคลี่คลาย เพราะรัฐบาลและ คมช.ต่างออกมายืนยันหนักแน่นว่าจะไม่มีการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินแน่นอน แม้ว่าการชุมนุมในวันที่ 15 มิ.ย.และ16 มิ.ย.จะเป็นเช่นไร พร้อมทั้งยืนยันว่าจะไม่มีการปฎิวัติซ้อนเช่นกัน และการชุมนุมในวันที่ 16 มิ.ย.ก็ผ่านไปอย่างราบรื่น เนื่องจากฝนฟ้าเป็นใจตกลงมากลางที่ชุมนุม ทำให้การชุมนุมต้องยกเลิกและหยุดการเคลื่อนไหวไปยังหน่วยงานสำคัญต่างๆ

แต่นั่นก็ไม่อาจการันตีได้ว่า การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ(นปก.) ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 มิ.ย.นี้จะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น เพราะระหว่างที่จะไปถึงการชุมนุมนั่น มีประเด็นที่อาจเป็นชนวนให้การชุมนุมร้อนระอุอีกครั้งทั้งเรื่องการที่ อสส.เตรียมยื่นฟ้องพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร คดีโกงที่ดินรัชดา 33 ไร่ ในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ และในวันนี้ DSI จะสรุปสำนวนคดีโครงสร้างผู้ถือหุ้นว่าเข้าข่ายปกปิดข้อมูลหรือไม่ นอกจากนี้ ยังต้องจับตาว่า คุณหญิงพจมาน ชินวัตร จะเดินทางไปให้ข้อมูลเรื่องการ ซื้อขายหุ้น SHIN แก่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) หรือไม่ เพราะเหตุการณ์เหล่านี้มีผลต่อการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุม

แถมท้ายประเด็นที่หลายคนเชื่อว่า หากเกิดการเลือกตั้งในเดือนธันวาคมนี้จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทยแน่นอน แต่อย่าลืมว่า หากการทำประชามติร่างพ.ร.บ.ไม่ผ่านการเลือกตั้ก็จะไม่เกิดขึ้น และปัญหาต่างๆก็จะตาม ซึ่งประเด็นเหล่านี้เป็นสิ่งที่บรรดานักวิเคราะห์และผู้บริหารบริษัทเอกชนหลายแห่งกังวลใจ เพราะนี่จะเป็นสิ่งกำนหดทิศทางตลาดหุ้นและการลงทุน รวมทั้งเศรษฐกิจของไทยด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วง 4 วันทำการ(13 มิ.ย.-18 มิ.ย.50) พบว่า เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.50 ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดตลาดที่ระดับ 726.6 จุด เปรียบเทียบกับวานนี้(18 มิ.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดตลาดที่ระดับ 766.2 จุด เพิ่มขึ้น 39.6 จุด หรือเปลี่ยนแปลง +5.45%

***19 ส.ค.รู้ผลได้เลือกตั้งเร็วขึ้นหรือไม่

พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่จะร่นการจัดเลือกตั้งให้เร็วขึ้น จากเดิม ที่คาดว่าจะมีขึ้นในวันที่ 16 หรือ 23 ธ.ค.นี้หากการทำประชามติสามารถดำเนินการได้ในวันที่ 19 ส.ค.นี้
ก่อนหน้านี้ สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) เห็นชอบให้เลื่อนการลงประชามติจากช่วงต้นเดือนก.ย.นี้ เป็น 19 ส.ค.
พล.อ.สุรยุทธ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อเรียกร้องทางการเมือง โดยใช้ชื่อกลุ่มว่า กลุ่มพลังเงียบ เพิ่มขึ้น จะไม่ส่งผลกระทบให้ปัญหาทางการเมืองขยายวง หรือทวีความรุนแรงมากขึ้น และการชุมนุมของกลุ่มพลังเงียบก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ หากไม่ผิดกฎหมายและดำเนินการทุกอย่างตามกรอบที่กฎหมายกำหนด
ทั้งนี้ หน่วยงานด้านความมั่นคงก็จะระมัดระวังในเรื่องของการชุมนุมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบอย่างใกล้ชิด

***อสส.เตรียมฟ้อง "ทักษิณ-พจมาน" โกงที่ดินรัชดาฯ 21 มิ.ย.นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้(18มิ.ย.) ศาลมีคำสั่งยกคำร้องคดีที่ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายนาม ยิ้มแย้ม ประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) นายอุดม เฟื่องฟุ้ง ประธานอนุ คตส. คดีที่ดินรัชดา ฯ , คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา , นาย จิรนิติ หะวานนท์ , นายบรรเจิดสิงคเนติ , นายกล้าณรงค์ จันทิก , นายแก้วสรร อติโพธิ , นายวิโรจน์ เลาหะพันธ์ , นายสัก กอแสงเรือง , นางเสาวนีย์ อัศวโรจน์ , นายอำนวย ธันธรา ซึ่งเป็นกรรมการ คตส. , น.ส.กัญญานุช สอทิพย์ อธิบดีกรมบังคับคดี , นางพวงจันทร์ เหล่าสุทธิวงษ์ , นายศตบรรณ พันธุวัน , นางเรวดี แทนวันชัย , นางดวงกมล ดุลยฤทธิ์ และน.ส.ชมพูนุช ลิ้มมณีวิจิต เจ้าหน้าที่ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-17 ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่ง ผู้ใด กรณีร่วมกันกลั่นแกล้งมีมติชี้มูลความผิดให้ดำเนินคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
และ คุณหญิงพจมาน ภริยา ในการซื้อที่ดินบริเวณเทียนร่วมมิตร รัชดาภิเษก จากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาสถาบันการเงิน เป็นเงินจำนวน 772 ล้านบาท อันเป็นการกระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วย ป.ป.ช.พ.ศ.2542 มาตรา 100

ทั้งนี้ คดีดังกล่าวคุณหญิงพจมาน ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 50 โดยศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีดำหมายเลขที่ 2160/2550 แต่อย่างไรก็ดี ศาลพิเคราะห์คำฟ้องโจทก์แล้ว เห็นว่าเป็นการฟ้องเกี่ยวกับการใช้อำนาจหน้าที่ของคตส. ซึ่งเมื่อพิจารณาการกระทำของจำเลยตามฟ้องโจทก์แล้ว มิได้เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ คดีจึงไม่มีมูล จึงมีคำสั่งให้ยกคำฟ้องโดยมิต้องไต่สวนมูลฟ้องโจทก์

นายพชร ยุติธรรมดำรง อัยการสูงสุด กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา กระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 มาตรา 100 และ 122 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 152 และ 83 แล้ว วานนี้จึงมีคำสั่งให้ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ตามสำนวนชี้มูลความผิดของ คตส. โดยมอบหมายให้นายเศกสรร บางสมบุญ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ นำคดีไปยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ เวลา 10.00 น. โดยท้ายคำฟ้องอัยการจะขอให้ศาลมีคำสั่งยึดที่ดินรัชดาฯ ที่เป็นข้อพิพาทจำนวน 33 ไร่มูลค่ารวมทั้งสิ้น 772 ล้านบาทให้ตกเป็นของแผ่นดินด้วย

****ลุ้นวันนี้ "พจมาน" ยกข้อมูลแจงซื้อขายหุ้น SHIN

นายสัก กอแสงเรือง โฆษก คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงกรณีที่ นายกรณ์ จาติกวณิช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ระบุตั้งข้อสังเกตว่า ในคณะกรรมการ คตส.มีไส้ศึกที่นำข้อมูลภายในไปบอก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้รู้ข้อมูลล่วงหน้าเป็นเหตุมีการยักย้ายถ่ายโอนเงินในบัญชี รวม 2.9 หมื่นล้านบาท ก่อนที่จะมีคำสั่งอายัดทรัพย์ว่า ส่วนตัวเห็นว่า ไม่น่าจะมีเพราะการพูดถึงการอายัดทรัพย์ก็สามารถอยู่ในความคาดหมายมานานพอสมควรแล้ว เพราะมีแนวคิดที่เสนอต่อ คตส.ให้ทำมาตั้งแต่ต้นแล้ว
ดังนั้น การตรวจสอบของ คตส.ไม่น่าจะมีอะไรที่แพร่งพรายออกไป และไม่อยู่เหนือการคาดหมาย เพราะการตรวจสอบช่วงหลังค่อนข้างเข้มข้น โดยเฉพาะจากสถาบันการเงินต่างๆ โอกาสที่จะทราบข้อมูลจากการตรวจสอบบัญชีเงินฝากในบัญชีต่างๆ ของทุกธนาคารอยู่แล้ว ตนจึงมั่นใจในคณะกรรมการ คตส.ทั้ง 11 คน เพราะการประชุมเป็นการประชุมลับ แม้แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรการประจำห้องประชุมเองก็ไม่ได้อยู่ในห้องประชุมในช่วงที่ประชุมลับ
ส่วนจะมีการสั่งอายัดทรัพย์เพิ่มอีกหรือไม่ นายสัก ตอบว่า ?ขึ้นอยู่กับคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ประธานอนุกรรมการตรวจสอบติดตามทรัพย์สินที่ถูกอายัดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าจะได้รายงานข้อมูลการตรวจสอบเข้าสู่ที่ประชุมหรือไม่ อย่างไร แต่ในหลักการหากมีการเคลื่อนไหวเงินจากใน 21 บัญชีที่ถูกสั่งอายัดไว้ก่อนหน้านี้ ก็สามารถติดตามต่อไปได้ ตามคำสั่งเดิม เพราะเป็นมติที่สั่งให้อายัดทรัพย์จาก 21 บัญชี ดังนั้น หากมีการเคลื่อนไหวไปจาก 21 บัญชีที่สั่งอายัดไว้แล้ว ก็สามารถอายัดต่อได้?

เมื่อถามต่อว่า คุณหญิงพจมาน ชินวัตร จะมาชี้แจงในกรณีการซื้อขายหุ้นชินคอร์ป และแอมเพิลริช ในวันที่ 19 มิ.ย.นี้ ตามกำหนดที่ คตส.เชิญไปหรือไม่ นายสัก ตอบว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานใดๆ ว่า มีการติดต่อกลับมาแต่อย่างใด

****วันนี้ DSI ชี้ชะตา SC

นายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI) เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ เวลา 13.30 น. ดีเอสไอจะแถลงผลการสอบสวนกรณีข้อมูลโครงสร้างผู้ถือหุ้นบมจ.
เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น(SC) หลังจากที่มีการสรุปสำนวนและรายละเอียดเรียบร้อยแลว และพร้อมที่จะแจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้ที่เข้าข่ายกระทำความผิดในกรณีดังกล่าวแล้วแต่จำนวนบุคคลที่เกี่ยวข้องมีเท่าใดนั้น จะเปิดเผยในวันพรุ่งนี้

ทั้งนี้ การสอบสวนข้อมูลโครงการผู้ถือหุ้น SC เกิดขึ้น หลังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ได้ส่งเรื่องให้ดีเอสไอสอบสวนหา
ข้อเท็จจริงเพื่อดูว่า มีการกระทำที่เข้าข่ายปกปิดข้อมูลโครงสร้างผู้ถือหุ้นและอาจผิดต่อพ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือไม่

****เซียนหุ้นเตือนสติ SET INDEX ขึ้นแค่ช่วงสั้น แนะจับตา 19 ส.ค.ประชามติชี้ชะตาตลาดหุ้นไทย

นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงนี้เป็นระยะสั้นๆ เนื่องจากยังคงมีปัจจัยที่ต้องติดตามอีกหลายประเด็น เช่นปัจจัยทางการเมือง ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก การเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในต่างประเทศ รวมทั้งการทำประชาพิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 19 สิงหาคม 2550 เพราะปัจจัยดังกล่าวข้างต้นอาจจะเป็นตัวแปรหลักที่ชี้นำการเคลื่อนไหวของดัชนีฯ ได้

" ที่ตลาดหุ้นบวกขึ้นมาแรงในวันนี้ เพราะนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการชุมนุมเมื่อวันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากที่ไม่มีความรุนแรงกิดขึ้น และช่วงนี้ก็ประเมินว่าดัชนีฯ ขึ้นมาในระยะสั้นๆ เท่านั้น ไม่น่าจะไปได้ไกล เพราะมีปัจจัยที่น่าจะมีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นอีกหลายอย่างที่ต้องติดตาม" นายภูวดล กล่าว

กลยุทธ์การลงทุนแนะนำเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคารพาณิชย์ โรงพยาบาลและอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น เพราะหุ้นในกลุ่มดังกล่าวมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี และให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมออีกด้วย

ด้านนางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี เปิดเผยว่าดัชนีฯ ที่ปรับเพิ่มขึ้นในระยะนี้เป็นช่วงสั้นๆ หลังจากที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการชุมนุมเมื่อวันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ส่วนในระยะยาวคาดว่าดัชนีฯ ยังคงมีโอกาสที่จะปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากตลาดหุ้นไทยยังคงมีความสนใจและให้ผลตอบแทนที่ดี หากปัจจัยทางการเมืองคลี่คลายก็เชื่อว่าจะทำให้บรรยากาศการลงทุนสดใสขึ้นและดัชนีฯ มีโอกาสขึ้นไปแตะ 787 จุด ในปีนี้ได้

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยทางการเมือง รวมทั้งการทำประชาพิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม เนื่องจากอาจจะมีอิทธิพลและส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุนได้ ส่วนกลยุทธ์การลงทุนแนะนำเลือกซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงาน ธนาคารพาณิชย์และอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานดี
" ตลาดหุ้นที่ขึ้นมาในช่วงนี้คงจะไม่ใช่ระยะยาวอย่างแน่นอน เพราะว่ายังมีปัจจัยทางการเมืองที่ต้องติดตามอยู่ หากปัจจัยนี้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญก็อาจจะส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวได้ " นางสาวสุภากร กล่าว

***วิสิฐ มองครึ่งปีหลังการลงทุนในหุ้นจะให้ผลตอบแทนดีกว่าตราสารหนี้ หลังแนวโน้มดอกเบี้ยขาลง


นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังการลงทุนในตลาดหุ้นจะได้รับผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดตราสารหนี้ เนื่องจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยปรับลดลง ในขณะนี้หุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีและมีขนาดใหญ่ยังคงมีผลประกอบการที่ดี ซึ่งย่อมให้ผลตอบแทนที่ดีแก่ผู้ลงทุน

เชื่อว่าครึ่งปีหลังทุกอย่างดูดีขึ้น ความไม่มั่นใจเริ่มบรรเทา ซึ่งปัจจัยในการตัดสินใจลงทุนมองว่าครึ่งปีหลังการลงทุนในหุ้นจะได้ผลตอบแทนดี ซึ่ง P/E ตลาดต่างประเทศไปไกลแต่ในไทยยังต่ำอยู่ ทำให้เกิดส่วนต่างมาก ส่วนหุ้นใหญ่พื้นฐานดี หรือหุ้นบลูชิพยังมีผลประกอบการที่ดี เพราะฉะนั้นเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะเข้าลงทุนส่วนตราสารหนี้มองว่าในอีก 12 เดือนข้างหน้า ผลตอบแทนคงไม่ดี ปีหน้าจะหนักใจ เพราะดอกเบี้ยลงทำให้ผลตอบแทนต่ำ ซึ่งซื้อลงทุนในหุ้นดีกว่านายวิสิฐ กล่าว




 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com