May 19, 2024   3:04:05 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 18/06/2007 @ 10:24:54
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET Index วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน 2550 ปิดที่ดัชนี 744.25จุด +9.32จุด มูลค่าการซื้อขาย 16,075 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,505.63 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 175.92 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 1,329.72 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ดัชนี 744.25 จุด +9.32 จุด และ Low ที่ดัชนี 737.71 จุด +2.78
จุด ดัชนีตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวที่แดนบวกตลอดวันทำการ ยังคงได้รับแรงหนุนจากทิศทางของทั้งตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดหุ้นในภูมิภาค อีกทั้งราคาน้ำมันดิบดีดตัวสูงขึ้นต่อเนื่องโดยทำ High ในรอบกว่า 9
เดือนที่ผ่านมายิ่งส่งผลให้มีแรงซื้อมากในหุ้นกลุ่มพลังงาน บวกกับแรงซื้อจากหุ้นบิ๊กแคปในกลุ่มธนาคาร และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ด้านกลุ่มหุ้นเก็งกำไรนั้นก็ยังคงคึกคักโดยเฉพาะ LIVE แม้จะยังอยู่ในระหว่างการห้าม Net settlement และ Margin แต่ก็ยังแรงไม่หยุดปิดตลาดบวกไปกว่า 16% และหุ้นอีกตัวที่ใส่สเก็ตวิ่งแซงหน้า LIVE เข้าเส้นชัยไปก่อน CCET-W1 ปิดบวกไปเกือบ 17% ด้วยมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นติด TOP 5 ใน Most Active
เลยทีเดียว ด้านสภาพตลาดโดยรวมนั้นแม้ดัชนีจะปรับขึ้นมากแต่มูลค่าการซื้อขายรวมของตลาดยังคงมีไม่มากนักเมื่อเทียบกับดัชนีที่ปรับเพิ่มขึ้น ระยะนี้คงต้องติดตามประเด็นทางการเมืองไว้ให้ดีเพราะจะส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวโดยตรงต่อตลาดหุ้นบ้านเรา

SCC
ราคาเปิด 248 บาท ราคาปิด 250 บาท มูลค่าการซื้อขาย 772.53 ล้านบาท ข้อมูลจากแบงค์ชาติช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย. 50 ปริมาณปูนซีเมนต์รวมอยู่ที่ 14.8 ล้านตัน ลดลง 0.6% YoY โดยเหตุผลหลักคือความต้องการภายในประเทศตกต่ำ แม้ว่าจะมีการขยายตัวในภาคการส่งออก ซึ่งใน 4 เดือนแรกของปี 50 ปริมาณความต้องการปูนซีเมนต์ภายในประเทศอยู่ที่ 9.6 ล้านตัน ลดลง 3% YoY เนื่องจากความต้องในประเทศลดลง แต่อย่างไรก็ดีการส่งออกปูนซีเมนต์ไทยในรอบ 4 เดือนของปีนี้อยู่ที่ 5.1 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 4.5% YoY เนื่องจากความต้องการในภาคส่งออกที่ฟื้นตัวขึ้นในภูมิภาคเอเชียสามารถชดเชยความต้องการที่ลดลงในสหรัฐอเมริกาได้ ซึ่งในส่วนของ SCC เองนั้นมีธุรกิจที่หลากหลายกำไรที่ดีจากธุรกิจปิโตรเคมีจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากกำไรและความที่ลดต่ำลงในธุรกิจปูนฯ SCC มีมูลค่าพื้นฐานที่ดีและซื้อขายกันอยู่ที่ PE ต่ำกว่าบริษัทอื่นในเอเชีย รวมทั้งมีอัตราการจ่ายเงินปันผลที่สูงถึง 6% ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวรับที่ 246 บาท แนวต้าน 260 บาท

BANPU
ราคาเปิด 246 บาท ราคาปิด 258 บาท มูลค่าการซื้อขาย 494.77 ล้านบาท ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อราคาหุ้น BANPU มาจากปริมาณการผลิตถ่านหินที่จะเพิ่มขึ้นและราคาถ่านหินซึ่งเป็นสินค้าโภคภัณฑ์มีความผันผวนสูงตามดีมานด์และซัพพลาย ซึ่งในช่วง 1-2 เดือน มีดีมานด์สูงมากจากประเทศจีน ราคาจึงขยับขึ้นด้วยเช่นกัน ตั้งแต่ 1 มิ.ย.50 จะยกเลิกภาษีนำเข้าถ่านหิน เพื่อสนับสนุนดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นมากในประเทศ K.KRAZIP มีมุมมองเป็นบวกสำหรับธุรกิจถ่านหิน และให้น้ำหนักการลงทุนใน BANPU จากราคาถ่านหินที่แข็งแกร่ง ผลประกอบการในปี2550น่าจะเติบโตอย่างชัดเจน คาดว่ามีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 5,910 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 21.72 บาท เพิ่มขึ้น63%YoY ขณะที่ BANPU ยังเป็นหุ้นที่อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลกว่า 4.5% และคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลได้ที่ 11 บาทต่อหุ้น ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวรับที่ 250 บาท แนวต้าน 264 บาท

KSL
ราคาเปิด - ปิด9.30 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2.32 ล้านบาท ผลประกอบการQ2/50 มีกำไรสุทธิเติบโตเกือบเท่าตัวจาก Q1/50 เป็น 383.1 ล้านบาท ซึ่งมีปัจจัยกระตุ้นหลักมาจากยอดขายของน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นกว่า 75% จาก Q1/50 และ Q2/49 ประกอบกับยังได้รับผลกระทบแง่บวกจากกลยุทธ์การขายล่วงหน้า จึงทำให้ผลการดำเนินงานธุรกิจน้ำตาลใน Q2/50 ฟื้นตัวโดดเด่น และผลบวกจากการรับรู้ผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงไฟฟ้าเต็มไตรมาส จึงส่งผลให้ KSLมีรายได้รวมและกำไรสุทธิขยายตัวโดดเด่นกว่า 44.4%QoQ และ 97.9%QoQ ซึ่งใน 1H50 มีกำไรสุทธิแล้วกว่า 576.7 ล้านบาท คาดการณ์กำไรสุทธิทั้งปีเติบโต 29.4%YoY ดังนั้น K.KRAZIPแนะนำ ?ซื้อเก็งกำไร? โดยมีแนวรับที่ 9.20 บาท แนวต้าน 9.50 บาท

MPT
ราคาเปิด 2.12 บาท ราคาปิด 1.97 บาท มูลค่าการซื้อขาย 131.90 ล้านบาท ราคาหุ้น MPT พุ่งขึ้นถึง 28.92% ตามราคาของ MIL (บริษัทแม่ในสิงคโปร์) ปรับตัวขึ้น 7.8% ซึ่ง MILกำไรสุทธิQ 1/50 ที่ US$1.3
ล้านเหรียญ ซึ่งรวมถึงกำไรพิเศษ US$1.7 ล้านเหรียญ การขยายกำลังการผลิต 40% ของ WD แสดงให้เห็นว่า WD คือลูกค้ารายใหญ่อันดับสองของ MPT คิดเป็น 20% ของรายรับรวมของ MPT ในขณะที่ยังไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติม
หากข่าวดังกล่าวเป็นความจริงอาจทำให้จำนวนการผลิตแขนจับหัวอ่านเพิ่มอีก 8% ในปี 2551 เชื่อว่ายังเร็วเกินไปที่จะรวมปัจจัยบวกจากข่าวนี้ คาดว่าในปี 50 ยังคงขาดทุน 149 ล้านบาท ในขณะที่การดำเนินงานยังอ่อนแออยู่
และคาดว่าอาจจะเริ่มกำไรได้เร็วที่สุดในช่วงสิ้นปีนี้ ในขณะที่การแทรกตัวเข้าไปในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ของอินเดียเป็นแผนการขยายหลักของ MPT ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" โดยมีแนวรับที่ 1.95 บาท แนวต้าน 2.24 บาท K.KRAZIP 18/06/50

ที่มา ทันหุ้น[/color:d6ae7a8514">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com