Source - กระแสหุ้น
Monday, 18 June 2007 04:06

หุ้นใหญ่ขยับตัวแน่ เช่นเดียวกับ Warrant ที่ยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เซียนหุ้นประเมิน กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ CCET SVI DELTA และกลุ่มเกษตร CPF TUF มีเสน่ห์ในระยะสั้น ขณะที่ระยะยาวกลาง BBL CP7-11 EGCO MAJOR สอบผ่าน ตามภาวะตลาดที่มีโอกาสรีบาวด์

สัปดาห์ที่ผ่านมาภาวะการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้มีความผันผวนไปตามกระแสข่าวการเมืองค่อนข้างมาก โดยเฉพาะนักลงทุนไทย และนักลงทุนสถาบันในประเทศที่ขายออกมาจากความไม่เชื่อมั่น ส่วนนักลงทุนต่างประเทศยังคงเชื่อมั่นการลงทุนในไทย หรืออาจเป็นเพราะในช่วงนี้ราคาหุ้นในประเทศไทยได้ปรับตัวลงมาค่อนข้างมากพอสมควร โดยแรงซื้อขายส่วนใหญ่จะอยู่ในหุ้นขนาดเล็ก และ Warrant ซึ่งจากจุดนี้ทำให้ต้องประเมินต่อไปว่าการซื้อขายในสัปดาห์นี้จะออกมาในรูปแบบใด เพื่อเป็นข้อมูลต่อนักลงทุนประกอบการพิจารณาการลงทุนให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

นายสิทธิเดช ประเสริฐรุ่งเรือง รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท หลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KSEC กล่าวให้ความเห็นว่า ตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้น่าจะมีโอกาสรีบาวด์ขึ้นได้ จากมุมมองในเชิงบวกในการมองสถานการณ์การเมืองไม่รุนแรงจนก่อให้เกิดความเสียหาย จากข่าวการชุมนุมประท้วงขับไล่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ประกอบกับประเด็นอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรของสหรัฐอเมริกาที่น่าจะ Side Way มากกว่าที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากไม่มีแรงกดดัน

ทั้งนี้ จากมุมมองดังกล่าวทำให้ฝ่ายวิเคราะห์ทำการปรับกลยุทธ์การเลือกหุ้นที่เหมาะสมกับการเข้าเล่นของนักลงทุนทั้งระยะสั้น และระยะกลาง เช่น การลงทุนระยะสั้นที่เหมาะสมจะเป็นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เช่น CCET SVI และ DELTA กลุ่มเกษตร CPF TUF ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มนี้น่าจะได้ประโยชน์ในเรื่องของค่าเงินบาทที่คาดว่าจะอ่อนค่าลง หลังแนวโน้มดอลลาร์สหรัฐฯจะแข็งค่าขึ้น

โดยหุ้นที่น่าลงทุนระยะกลาง 3 เดือน จะเน้นในเรื่องของผลประกอบการ และอัตราผลตอบแทนในเรื่องของเงินปันผลที่ค่อนข้างดีต่อเนื่อง ได้แก่ ธนาคาร BBL ขนส่งและโลจิสติกส์ BECL โรงพยาบาล BGH KH อิเล็กทรอนิกส์ CCET พาณิชย์ CP7-11 พลังงาน EGCO อสังหาริมทรัพย์ PS สื่อและสิ่งพิมพ์ MAJOR MCOT SE-ED อาหารและเครื่องดื่ม MINT

ขณะที่ในส่วนของ Warrant ที่ได้รับความสนใจ และนิยมซื้อขายในสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น มองว่าเป็นไปตามปกติที่จะมีการเล่นทุกครั้งที่ตลาดเป็นขาลงและกำลังจะกลับมาเป็นขาขึ้น เนื่องจากถ้าประเมินถึงส่วนต่างระหว่างราคาตัวแม่และตัวลูกจะมีราคาถูกกว่าค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตาม ถ้าตลาดพลิกมาเป็นขาลงหุ้น Warrant จะปรับตัวลงมาแรงกว่าตัวแม่ แต่เชื่อว่าในสัปดาห์นี้นักลงทุนจะยังให้ความสนใจหุ้น Warrant อย่างต่อเนื่องเช่นเดิม

นอกจากนี้ ฝ่ายวิเคราะห์มองว่านักลงทุนน่าจะสนใจเข้าซื้อขายหุ้นหลักขนาดใหญ่มากกว่าหุ้น Warrant เนื่องจากขณะนี้ราคาหุ้นขนาดใหญ่ได้มีการปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมาก ซึ่งน่าสนใจต่อการซื้อขาย แต่ราคาของหุ้น Warrant ยังมีกำไรสูงกว่าอุตสาหกรรมโดยรวม

อย่างไรก็ตาม สำหรับปัจจัยเสี่ยงในสัปดาห์นี้ยังเป็นในส่วนของต่างประเทศ ได้แก่ อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐฯที่อาจจะมีการปรับขึ้นก็เป็นได้ ซึ่งถ้ามีการปรับขึ้นจริงน่าจะส่งผลให้นักลงทุนหันไปสนใจมากกว่าการซื้อขายในตลาดหุ้น โดยจะต้องจับตาควบคู่ไปกับเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ AYS ให้ความเห็นว่า ตลาดหลักทรัพย์ น่าจะมีการรีบาวด์ขึ้นได้ แต่เชื่อว่าดัชนีจะไม่ไปไกลมากกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยประเด็นการเมืองยังถือเป็นประเด็นสำคัญที่เป็นตัวกดดันให้ความเชื่อมั่นในการลงทุน แต่ยังคงมีหุ้นที่ไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวมากนัก ได้แก่ บริษัทที่มีการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ เช่น LANNA TUF CPF กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อย่าง DELTA HANA CCET

ส่วนการเล่นหุ้น Warrant สัปดาห์ที่ผ่านมามีการเข้าซื้อขายค่อนข้างมากนั้น โดยส่วนตัวแล้วมองว่าขึ้นอยู่กับการเล่นของนักลงทุนมากกว่า เพราะการเล่นหุ้น Warrant จะนิยมเล่นในช่วงขาขึ้นของตลาด โดยหุ้น Warrant จะไม่มีฟิลลิ่งในการลงทุน สามารถขึ้นได้ทีละ 50 -100% แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงหากตลาดผันผวนเป็นขาลง ดังนั้น จึงมองว่าหุ้น Warrant เหมาะสมกับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้ค่อนข้างมาก

ขอบคุณคับ ขอให้ขยับไปจริง ๆ 8)