Toon
สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 973 |  วันที่: 15/06/2007 @ 08:39:05 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 14 มิ.ย. 50 ปิดที่ 734.93 จุด เพิ่มขึ้น 8.33 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 10,884.33 ล้านบาท
หุ้นที่มีการซื้อขายสูงสุดนำโดย PTT ปิด 252 บาท บวก 4 บาท, TOP ปิด 69.50 บาท บวก 3 บาท, BBL ปิด 113 บาท บวก 1 บาท, KBANK ปิด 67.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง และ ADVANC ปิด 82.50 บาท บวก 0.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 296.91 ล้านบาท
ตลาดหุ้นไทยดีดกลับหลังมีการยืนยันว่าจะไม่มีการประกาศเคอร์? ฟิว ขณะที่อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะยังไม่กลับเข้าประเทศในช่วงนี้
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.เคทีบี แนะกลยุทธ์การลงทุนให้ขายทำกำไร หาก ดัชนีรีบาวด์ โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 726 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 742 จุด ด้านฝ่ายวิเคราะห์ บล.นครหลวงไทยแนะกลยุทธ์ให้ลงทุนในหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า เช่น EGCO ด้านเทคนิคประเมินแนวรับไว้ที่ 730 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 739 จุด
ขณะที่ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซีย พลัส แนะกลยุทธ์การลงทุน ให้รอซื้อหุ้นกลุ่มโรงกลั่นหากดัชนีปรับตัวลดลงมาที่แนวรับ 730 จุด นำโดยหุ้น RRC, TOP และหุ้นตัวอื่นๆ เช่น SCC และ BANPU
ส่วนฝ่ายวิเคราะห์ บล.พัฒนสิน คาดว่าต่างชาติน่าจะเข้าซื้อหุ้นพลังงาน หลังราคาปรับตัวลดลงแรง ขณะที่ราคาน้ำมันทรง ตัวในระดับสูง และความสามารถทำกำไรยังคงมีแนวโน้มขยายตัว แนะกลยุทธ์การลงทุนระยะยาว ให้ทยอยซื้อสะสมในหุ้นกลุ่มโรง ไฟฟ้า เพราะเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานและผลตอบแทนปันผลดี
ปิดท้ายมีข่าวจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานระบุว่า ผู้บริหารเฮดจ์ฟันด์สัญชาติสหรัฐฯ แนะนักลงทุนลุยเก็บหุ้นไทยในช่วงที่สถานการณ์การเมืองอึมครึม หากต้องการผลตอบแทนสูงในอนาคต เนื่องจากหุ้นไทยยังถูกสุดในภูมิภาค โดยราคาหุ้นหลายตัวต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน
ขณะที่สถิติในอดีตชี้ว่า หุ้นไทยมีแววร้อนแรง หากการเมืองเริ่มคลี่คลาย!! [/size:930233c533">
ไทยรัฐ ปีที่ 58 ฉบับที่ 18042 วันศุกร์ ที่ 15 มิถุนายน 2550
|
