May 19, 2024   5:28:27 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นเด่นเล่นสั้นวันนี้
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 14/06/2007 @ 08:56:32
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET
ดัชนียังคงปรับลดลงต่อเนื่องโดยมี gap ทั้งสองแห่งทำหน้าที่เพียงแนวรับระหว่างวัน ทั้งนี้สัญญาณขายจาก RSI และ Stochastic เด่นชัดมากขึ้นซึ่งจะกดดันให้ดัชนีปรับลงต่อ โดยมีเส้นค่าเฉลี่ย 10 สัปดาห์บริเวณ 720 จุดเป็นเป้าหมายการทดสอบคาดว่าดัชนีจะสามารถทรงตัวได้อีกสักระยะหนึ่ง

มุมมองระยะกลาง - CCET
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
หลังจากที่ CCET เสร็จสิ้นการพักฐาน ณ เส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์บริเวณ 3.50 บาทเมื่อ พ.ย. 48 ราคาก็ฟื้นตัวอย่างมีเสถียรภาพตามแนวเคลื่อนตัวของเส้นค่าเฉลี่ย 10 และเส้น 25 สัปดาห์ กระทั่งทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 5.60 บาทเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งนี้การอ่อนค่าจากจุดดังกล่าวถือเป็นการปรับฐานระยะสั้น โดยมีเส้นค่าเฉลี่ย 10 สัปดาห์เป็นแนวรับดังเดิม

หุ้นเด่น เล่นสั้น - LIVE
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
พิจารณาจากกราฟรายวันมี Golden Cross เกิดขึ้น พร้อมกับรูปแบบ Continuation pattern กลับตัวขึ้นอย่างชัดเจน และยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน นอกจากนั้น ยังมีสัญญาณซื้อจาก RSI & Stochastic ดังนั้น ในระยะกลางมีโอกาสที่หุ้นจะขึ้นไปทดสอบบริเวณจุดสูงสุดที่ผ่านมาบริเวณ 3.50 บาท และ แนวต้านถัดไปที่ 4.50 บาท ตามกรอบ Fibonacci @ 161.8 อีกด้วย จึงแนะนำ "ซื้อ" โดยให้แนวรับที่ 2.70 และ 3.00 บาทตามลำดับ สำหรับจุด Stop loss อยู่ที่ 2.68บาท เมื่อหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน

หุ้นเด่น เล่นสั้น - UV
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
พิจารณาจากกราฟรายสัปดาห์ ราคามีรูปแบบการกลับตัว (Reversal pattern) พร้อมกับการสะสมกำลังมาระยะหนึ่ง เพื่อรอการ break up ของราคา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีการปรับฐานของราคา โดยเป็นรูปแบบ inverted hammer เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 สัปดาห์ จึงเป็นโอกาสในการเข้า "ซื้อ" โดยมีแนวต้านบริเวณ neckline 2.60-2.70 บาท โดยให้แนวรับที่ 2.00-2.10 บาท สำหรับจุด Stop loss อยู่ที่1.98 บาท เมื่อหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 75 สัปดาห์


:lol:

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 14/06/2007 @ 13:04:01 :
[b:1ac760b8ca">BLS: คาดได้ประโยชน์มากกว่าเสีย...หลังเซ็นสัญญากับ MS - ซื้อ[/b:1ac760b8ca">

ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น ซื้อ
ถึงแม้อัตรา Commission ที่เรียกเก็บจาก MSAL จะลดลง 0.1% แต่เราเชื่อว่า MSAL จะส่งคำสั่งซื้อขายผ่านบริษัทเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีเพียง 22% ของคำสั่งรวม (PHATRA รับออเดอร์จาก ML สูงถึง 60%) ซึ่งเราประเมินว่าหากส่วนแบ่งตลาดของบริษัทเพิ่มขึ้นจากเดิมเพียง 0.4% รายได้จาก Brokerage ก็จะไม่ได้รับผลกระทบจากคอมมิชชั่นที่ลดลง นอกจากนี้บริษัทก็ไม่จำเป็นต้องชำระค่าธรรมเนียมในการใช้บทวิจัยของ MSAL อีกต่อไป จากประเด็นที่กล่าวมาเราประเมินว่าบริษัทได้รับผลบวกมากกว่าผลลบ ดังนั้นเราจึงปรับคำแนะนำขึ้นจาก "เก็งกำไร" เป็น "ซื้อ"

คาดจะได้รับออเดอร์จาก MSAL เพิ่มขึ้นจากเดิม
ปัจจุบันบริษัทได้รับคำสั่งซื้อขายจาก MSAL ในสัดส่วนเพียง 22% จากลูกค้าทั้งหมด ซึ่งเราคาดว่าการเซ็นสัญญาครั้งนี้ MSAL จะส่งออเดอร์ผ่านบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ทีระดับ 30% - 40% โดยเราประมาณการว่าส่วนแบ่งการตลาดเฉลี่ยปี 50 ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3.8% จาก 3.4% (ส่วนแบ่งการตลาดของบริษัท 3 วันทำการหลังเซ็นสัญญากับ MSAL อยู่ที่ระดับ 5.44%, เทียบกับส่วนแบ่งการตลาด 5 เดือนแรกอยู่ที่ระดับ 3.09%) จากสมมติฐานดังกล่าวเราประเมินว่าบริษัทจะได้รายได้ Brokerage เพิ่มขึ้นจากเดิม

ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 50 ขึ้น 6%
จากประเด็นที่กล่าวมาข้างต้นเราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 50 ของบริษัทเพิ่มขึ้น 6% และปรับราคาตามมูลค่าพื้นฐานเพิ่มขึ้นจาก 14.70 บาท เป็น 15.90 บาท (PER 50 ที่ระดับ 18 เท่า)


 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#2 วันที่: 14/06/2007 @ 13:06:02 :
[b:7f14bd2f02">SHIN : ทิ้งธุรกิจสายการบิน - เก็งกำไร[/b:7f14bd2f02">
ตลาดหลักทรัพย์ฯ

SHIN ขายหุ้นบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น (AA) ซึ่งเป็นโฮลดิ้งคอมปะนี ที่ถือหุ้น 50% ในบริษัทไทยแอร์เอเชีย (TAA) ซึ่งดำเนินธุรกิจให้บริการสายการบินต้นทุนต่ำ ที่ถืออยู่ทั้งหมด 49% ให้กับกลุ่มผู้ถือหุ้น TAA ในราคา 23.50 บาท/หุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 472.1 ล้านบาท โดยคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือน มิ.ย. 50 นี้
ความเห็นนักวิเคราะห์

รับรู้กำไรการขาย AA ในไตรมาส 2/50
SHIN ให้เหตุผลการขายหุ้น AA ว่า เป็นไปตามนโยบายที่ต้องการลดการลงทุนในธุรกิจที่มิใช่ธุรกิจหลัก และจะมุ่งเน้นธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมแต่เพียงอย่างเดียว โดยคาดว่าจะมีกำไรจากการขายหุ้น AA ประมาณ 271 ล้านบาท หรือ 0.08 บาท/หุ้น

เราคาดว่า SHIN จะมีกำไร 6,229 ล้านบาทในปี 50 เพิ่มขึ้น 84% เมื่อปีก่อนหน้า แม้ในไตรมาส 1/50 ที่ผ่านมาจะมีการตั้งสำรองค่าเผื่อด้อยค่าเงินลงทุนใน ITV และ Capital OK ไปกว่า 2.4 พันล้านบาท แต่ก็ชดเชยด้วยกำไรจากการขายเชนนิงตัน 49% ของ SATTEL ซึ่งส่งผลให้ SATTEL พลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ถึง 3.2 พันล้านบาทในปี 50 (และปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐาน SATTEL ขึ้นเป็น 12.95 บาท)

ปรับลดคำแนะนำเป็น "เก็งกำไร" สะท้อนปัจจัย เสี่ยงสภาพคล่องหุ้น
แม้ราคาปัจจุบันของ SHIN จะมีส่วนต่างจากมูลค่าที่เหมะสมตามวิธี NAV ที่ 31.70 อยู่ถึง 14% (คำนวณที่อัตราคิดลด 20%) แต่ก็ใกล้เคียงกับ market NAV ซึ่งถือว่าสะท้อนปัจจัยลบที่ตลาดจูงไปเชื่อมโยงกับข้อกล่าวหาของ คตส. จนนำไปสู่การอายัดทรัพย์สินของอดีตนายกฯ ซึ่งเดิมเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เมื่อผนวกกับอัตราการหมุนเวียนของหุ้นที่เหลือเพียง 3.8% เราจึงปรับลดคำแนะนำลงเป็น "เก็งกำไร"

วราภรณ์ วิบูลคณารักษ์ - No. 2482, warapornw@seamico.co.th

[b:7f14bd2f02">THAI : คาดรายได้ไตรมาส 3/50 สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน - เก็งกำไร[/b:7f14bd2f02">

ผู้บริหารบมจ. การบินไทย (THAI) คาดว่ารายได้ในไตรมาส 3/50(เม.ย. - มิ.ย.) จะสูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน 20% เนื่องจากอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร(Cabin factor) ยังอยู่ในระดับสูง โดยคาดว่า Cabin factor ในไตรมาส 3 ปีนี้จะใกล้เคียงกับเดือน พ.ค. ที่ผ่านมาที่อยู่ในระดับเกือบ 80%

ความเห็นนักวิเคราะห์

คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/50 ดีกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/50
จากข้อมูลที่ผู้บริหาร THAI ให้สัมภาษณ์ ทำให้เราคาดการณ์แนวโน้มการทำกำไรของไตรมาส 3/50 (เม.ย. - มิ.ย.) ที่ดีกว่าไตรมาส 3/49 นอกเหนือจาก Cabin factor ที่คาดว่าจะสูงกว่า (เทียบกับ 74% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน) ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงก็ลดลงเช่นกัน (ราคาเฉลี่ยน้ำมันเครื่องบินเจ๊ท-ตลาดสิงคโปร์ ลดลงราว 4% จาก US cent 203.46/US gallon ในไตรมาส 3/49 เป็น US cent 195/US gallon ในไตรมาส 3/50) อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 3/50 ของ THAI จะชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากผลกระทบทางฤดูกาล ทำให้มีอัตราบรรทุกฯ ต่ำกว่า (Cabin factor ไตรมาส 2/50 อยู่ที่ 83%) รวมทั้งราคาเชื้อเพลิงที่สูงกว่าราว 13%

คงคำแนะนำ "เก็งกำไร"
ราคาหุ้น THAI ที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เป็นไปตามที่เราได้คาดไว้แล้ว นอกเหนือจากปัจจัยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/50 ที่ชะลอตัวลง ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศเริ่มส่งผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวและเป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีน้ำหนักมากขึ้นในช่วงนี้ จากการวิเคราะห์ของเรา การเปลี่ยนแปลงของจำนวนนักท่องเที่ยวทุก 10% หรือ 1.2 ล้านคนจะส่งผลกระทบปริมาณบรรทุกรวม (RTK) และกำไรปกติของ THAI เปลี่ยนแปลง 8% และ 11.78% ของประมาณการปริมาณบรรทุกและกำไรปกติปี 50 ตามลำดับ ดังนั้นเรายังคงคำแนะนำ "เก็งกำไร" โดยให้มูลค่าเหมาะสมปี 50 ที่ 49.25 บาท (3.5X PCF)

ธีรภัทร เมธานุเคราะห์ - No. 17619, terapatrm@seamico.co.th


[b:7f14bd2f02">MAJOR: กองทุนอสังหาริมทรัพย์.. ติดปีกแผนขยายสาขา - ซื้อ[/b:7f14bd2f02">

ศักยภาพการเติบโตแข็งแกร่ง..
เราปรับมูลค่าเหมาะสมของ MAJOR เพิ่มขึ้น 10% จากกระแสเงินสดและศักยภาพการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้นจากการจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ยังคงมุมมองเดิมสำหรับธุรกิจหลัก ซึ่งคาดว่ากำไรปกติจะเติบโต 30% จากจำนวนภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ที่เพิ่มมากขึ้นในปี 50 แนะนำ "ซื้อ" ด้วยมูลค่าพื้นฐาน 21.50 บาท (sum-of-the-part, WACC 11.5%)

กองทุนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มสภาพคล่อง
MAJOR เสนอขายกองทุนอสังหาริมทรัพย์มูลค่า 2,300 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 13-21 มิ.ย. นี้ กองทุนดังกล่าวจะให้ผลตอบแทนราว 8% ซึ่งน่าจะทำให้ MAJOR ประสบความสำเร็จในการขายหน่วยลงทุนได้หมด MAJOR จะมีกำไรพิเศษ 723 ล้านบาท และมีกระแสเงินสดกว่า 721 ล้านบาท (สุทธิหลังภาษี) สำหรับลงทุนในสาขาใหม่

ติดปีกแผนขยายสาขา..""
ในระยะสั้นการตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์จะทำให้ MAJOR มีกำไรจากการดำเนินงานปกติลดลง แต่สภาพคล่องที่เพิ่มขึ้น จะทำให้บริษัทสามารถขยายสาขาใหม่ได้เร็ว ส่งผลดีต่อการเติบโตในระยะยาว ทั้งนี้เราคาดว่า MAJOR จะนำสาขาใหม่ๆ มาระดมทุนในรูปแบบดังกล่าวเพิ่มอีกในอนาคต


 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com