[b:7f14bd2f02">SHIN : ทิ้งธุรกิจสายการบิน - เก็งกำไร[/b:7f14bd2f02">
ตลาดหลักทรัพย์ฯ
SHIN ขายหุ้นบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น (AA) ซึ่งเป็นโฮลดิ้งคอมปะนี ที่ถือหุ้น 50% ในบริษัทไทยแอร์เอเชีย (TAA) ซึ่งดำเนินธุรกิจให้บริการสายการบินต้นทุนต่ำ ที่ถืออยู่ทั้งหมด 49% ให้กับกลุ่มผู้ถือหุ้น TAA ในราคา 23.50 บาท/หุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 472.1 ล้านบาท โดยคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือน มิ.ย. 50 นี้
ความเห็นนักวิเคราะห์
รับรู้กำไรการขาย AA ในไตรมาส 2/50
SHIN ให้เหตุผลการขายหุ้น AA ว่า เป็นไปตามนโยบายที่ต้องการลดการลงทุนในธุรกิจที่มิใช่ธุรกิจหลัก และจะมุ่งเน้นธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมแต่เพียงอย่างเดียว โดยคาดว่าจะมีกำไรจากการขายหุ้น AA ประมาณ 271 ล้านบาท หรือ 0.08 บาท/หุ้น
เราคาดว่า SHIN จะมีกำไร 6,229 ล้านบาทในปี 50 เพิ่มขึ้น 84% เมื่อปีก่อนหน้า แม้ในไตรมาส 1/50 ที่ผ่านมาจะมีการตั้งสำรองค่าเผื่อด้อยค่าเงินลงทุนใน ITV และ Capital OK ไปกว่า 2.4 พันล้านบาท แต่ก็ชดเชยด้วยกำไรจากการขายเชนนิงตัน 49% ของ SATTEL ซึ่งส่งผลให้ SATTEL พลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ถึง 3.2 พันล้านบาทในปี 50 (และปรับเพิ่มมูลค่าพื้นฐาน SATTEL ขึ้นเป็น 12.95 บาท)
ปรับลดคำแนะนำเป็น "เก็งกำไร" สะท้อนปัจจัย เสี่ยงสภาพคล่องหุ้น
แม้ราคาปัจจุบันของ SHIN จะมีส่วนต่างจากมูลค่าที่เหมะสมตามวิธี NAV ที่ 31.70 อยู่ถึง 14% (คำนวณที่อัตราคิดลด 20%) แต่ก็ใกล้เคียงกับ market NAV ซึ่งถือว่าสะท้อนปัจจัยลบที่ตลาดจูงไปเชื่อมโยงกับข้อกล่าวหาของ คตส. จนนำไปสู่การอายัดทรัพย์สินของอดีตนายกฯ ซึ่งเดิมเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เมื่อผนวกกับอัตราการหมุนเวียนของหุ้นที่เหลือเพียง 3.8% เราจึงปรับลดคำแนะนำลงเป็น "เก็งกำไร"
วราภรณ์ วิบูลคณารักษ์ - No. 2482, warapornw@seamico.co.th
[b:7f14bd2f02">THAI : คาดรายได้ไตรมาส 3/50 สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน - เก็งกำไร[/b:7f14bd2f02">
ผู้บริหารบมจ. การบินไทย (THAI) คาดว่ารายได้ในไตรมาส 3/50(เม.ย. - มิ.ย.) จะสูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน 20% เนื่องจากอัตราการบรรทุกผู้โดยสาร(Cabin factor) ยังอยู่ในระดับสูง โดยคาดว่า Cabin factor ในไตรมาส 3 ปีนี้จะใกล้เคียงกับเดือน พ.ค. ที่ผ่านมาที่อยู่ในระดับเกือบ 80%
ความเห็นนักวิเคราะห์
คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/50 ดีกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/50
จากข้อมูลที่ผู้บริหาร THAI ให้สัมภาษณ์ ทำให้เราคาดการณ์แนวโน้มการทำกำไรของไตรมาส 3/50 (เม.ย. - มิ.ย.) ที่ดีกว่าไตรมาส 3/49 นอกเหนือจาก Cabin factor ที่คาดว่าจะสูงกว่า (เทียบกับ 74% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน) ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงก็ลดลงเช่นกัน (ราคาเฉลี่ยน้ำมันเครื่องบินเจ๊ท-ตลาดสิงคโปร์ ลดลงราว 4% จาก US cent 203.46/US gallon ในไตรมาส 3/49 เป็น US cent 195/US gallon ในไตรมาส 3/50) อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 3/50 ของ THAI จะชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากผลกระทบทางฤดูกาล ทำให้มีอัตราบรรทุกฯ ต่ำกว่า (Cabin factor ไตรมาส 2/50 อยู่ที่ 83%) รวมทั้งราคาเชื้อเพลิงที่สูงกว่าราว 13%
คงคำแนะนำ "เก็งกำไร"
ราคาหุ้น THAI ที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่องในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เป็นไปตามที่เราได้คาดไว้แล้ว นอกเหนือจากปัจจัยผลการดำเนินงานไตรมาส 3/50 ที่ชะลอตัวลง ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศเริ่มส่งผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวและเป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีน้ำหนักมากขึ้นในช่วงนี้ จากการวิเคราะห์ของเรา การเปลี่ยนแปลงของจำนวนนักท่องเที่ยวทุก 10% หรือ 1.2 ล้านคนจะส่งผลกระทบปริมาณบรรทุกรวม (RTK) และกำไรปกติของ THAI เปลี่ยนแปลง 8% และ 11.78% ของประมาณการปริมาณบรรทุกและกำไรปกติปี 50 ตามลำดับ ดังนั้นเรายังคงคำแนะนำ "เก็งกำไร" โดยให้มูลค่าเหมาะสมปี 50 ที่ 49.25 บาท (3.5X PCF)
ธีรภัทร เมธานุเคราะห์ - No. 17619, terapatrm@seamico.co.th
[b:7f14bd2f02">MAJOR: กองทุนอสังหาริมทรัพย์.. ติดปีกแผนขยายสาขา - ซื้อ[/b:7f14bd2f02">
ศักยภาพการเติบโตแข็งแกร่ง..
เราปรับมูลค่าเหมาะสมของ MAJOR เพิ่มขึ้น 10% จากกระแสเงินสดและศักยภาพการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้นจากการจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ยังคงมุมมองเดิมสำหรับธุรกิจหลัก ซึ่งคาดว่ากำไรปกติจะเติบโต 30% จากจำนวนภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ที่เพิ่มมากขึ้นในปี 50 แนะนำ "ซื้อ" ด้วยมูลค่าพื้นฐาน 21.50 บาท (sum-of-the-part, WACC 11.5%)
กองทุนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มสภาพคล่อง
MAJOR เสนอขายกองทุนอสังหาริมทรัพย์มูลค่า 2,300 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 13-21 มิ.ย. นี้ กองทุนดังกล่าวจะให้ผลตอบแทนราว 8% ซึ่งน่าจะทำให้ MAJOR ประสบความสำเร็จในการขายหน่วยลงทุนได้หมด MAJOR จะมีกำไรพิเศษ 723 ล้านบาท และมีกระแสเงินสดกว่า 721 ล้านบาท (สุทธิหลังภาษี) สำหรับลงทุนในสาขาใหม่
ติดปีกแผนขยายสาขา..""
ในระยะสั้นการตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์จะทำให้ MAJOR มีกำไรจากการดำเนินงานปกติลดลง แต่สภาพคล่องที่เพิ่มขึ้น จะทำให้บริษัทสามารถขยายสาขาใหม่ได้เร็ว ส่งผลดีต่อการเติบโตในระยะยาว ทั้งนี้เราคาดว่า MAJOR จะนำสาขาใหม่ๆ มาระดมทุนในรูปแบบดังกล่าวเพิ่มอีกในอนาคต