May 19, 2024   2:11:50 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 13/06/2007 @ 11:05:13
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET Index วันอังคารที่ 12 มิถุนายน 2550 ปิดที่ดัชนี 743.42จุด -10.73จุด มูลค่าการซื้อขาย 14,798 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,031.93 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 1,087.89 ล้านบาท
นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 944.04 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ดัชนี 753.78 จุด -0.37 จุด และ Low ที่ดัชนี 743.42 จุด -10.73จุด ปัจจัยการเมืองเข้ามามีผลกระทบโดยตรงต่อตลาดหุ้นไทยในระยะนี้หลังการชุมนุมประท้วงเริ่มแผ่วงขยายเพิ่มขึ้น ทำให้ให้นักลงทุนส่วนใหญ่มีความกังวลและชะลอการลงทุน ส่งผลให้วอลุ่มตลาดเบาบางลงเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่องและดัชนีตลาดวานนี้ทั้งวันคงเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดการซื้อขาย โดยหลังจากเปิดตลาดรอบเช้าดัชนีอ่อนตัวลงเรื่อย ๆ ในระหว่างวัน เป็นการขายหุ้นบิ๊กแคปนำตลาดทั้งพลังงาน แบงค์ เทคโนโลยี และอสังหาริมทรัพย์ ทำให้นักลงทุนหันมาให้ความสนใจในหุ้นเก็งกำไรขนาดเล็ก ๆ แทน โดยเฉพาะตัวที่ K.KRAZIP แนะนำให้จับตาดูต่อจากเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา LIVE ยังแรงต่อไม่หยุด ราคาวิ่งสูงขึ้นเกือบชนเพดานอีกทั้งมีมูลค่าการซื้อขายเข้ามาอย่างหนาแน่นด้วย ทั้งยังรวมถึงหุ้น APURE และ EVER ที่ราคาก็วิ่งสวนทางกับดัชนีเช่นเดียวกัน จากปัจจัยที่กดดันสภาพตลาดในระยะนี้ขอแนะนำว่าซื้อเช้าขายเย็นคงจะเป็นวิธีที่ค่อนข้างปลอดภัยในระยะนี้ แต่หากหุ้นที่มี Fundamental ดีปรับลดลงมามาก ๆ ก็ทยอยรับคืนกันไว้บ้าง เน้นประเภท Dividend สวยจะยิ่งเวิร์ค

ATC
ราคาเปิด 58.50บาท ราคาปิด 57 บาท มูลค่าการซื้อขาย 137.87 ล้านบาท คาดการณ์ผลประกอบการงวด Q2/50 ไว้ที่ 2,605 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 180% YoY และ 3.2% QoQ เนื่องจากมีการขยายกำลังการผลิตสารไซโคเฮกเซนเพิ่มจาก 150,000 ตันต่อปี เป็น 190,000 ตันต่อปี ซึ่งผลจากการขยายกำลังการผลิตนี้จะส่งผลบวกต่อผลการดำเนินงานเต็มไตรมาสนับจากงวด Q3/50 เป็นต้นไป และการควบรวมกับ RRC ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงประมาณอีก 6 เดือนข้างหน้า คาดว่าจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้ ATC ประมาณ 12-15 บาทต่อหุ้น การควบรวมกิจการกับ RRC ปัจจุบันการก่อสร้างส่วนขยายกำลังการผลิตทำได้ถึง 78% แล้ว การควบรวมครั้งนี้จะทำให้เกิดผลประโยชน์กับ ATCขึ้นคิดเป็นมูลค่าประมาณ 100-200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปี ซึ่งเมื่อคิดกลับเป็นมูลค่าต่อหุ้นของ ATC เป็นผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นประมาณ 3 บาทต่อหุ้น K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อ" แนวรับที่ 55.50 บาท แนวต้านที่ 61.00 บาท

BLS
ราคาเปิด 13บาท ราคาปิด 12.80 บาท มูลค่าการซื้อขาย 83.95 ล้านบาท หลังจากที่ BLSเซ็นสัญญาเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในลักษณะคู่ค้ากับสถาบันการเงินระดับโลกอย่าง Morgan Stanley Asia Limited มีผลตั้งแต่ 11 มิ.ย.50 ซึ่งหนุนให้มาร์เก็ตแชร์ของ BLS พุ่งพรวดขึ้น แต่ยังคงมาร์เก็ตแชร์ของ BLS ไว้ที่ 3% ซึ่งผลประโยชน์โดยตรงที่ BLSจะได้รับมี 2 ทาง คือ มาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้น และ know-how ที่จะได้รับการถ่ายทอด
ทั้งด้านงานวิจัยนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ รวมถึงการบริหารความเสี่ยง จากการทำ Sensitivity Analysis เพื่อเทียบกับกรณีฐานปี2550 หลังเซ็นสัญญากับ MSAL เชื่อว่าจะทำให้ BLS กลายเป็นโบรกเกอร์ที่ครบเครื่องมากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดประตูสู่ลูกค้าจากต่างชาติที่อาจหนุนให้ BLS ก้าวขึ้นสู่ทำเนียบโบรกเกอร์ Top 3 ได้ไม่ยากนัก (จากปัจจุบัน 14) นอกจากนั้นการพัฒนาทางด้าน Derivatives &Risk Management ถือเป็นอีกหนึ่ง Synergy ที่น่าจับตามอง ดังนั้น K.KRAZIPแนะนำ ?ซื้อ? แนวรับที่ 12.50 บาท แนวต้าน 13.40 บาท

KSL
ราคาเปิด ? ปิด 9.30 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1.17 ล้านบาท ผลประกอบการ Q2/50 ของ KSL คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 378 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% YoYเนื่องจากคาดว่าปริมาณขายน้ำตาลไตรมาสนี้จะเพิ่มขึ้นถึง 48% เป็น 175,000 ตัน จากผลผลิตอ้อยที่เข้าสู่ระบบมากกว่าที่คาด กอปรกับมีรายได้จากการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น รวมทั้งอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากปริมาณขายน้ำตาลที่ขยายตัว และธุรกิจเอทานอล ยังคงไม่สดใสเท่าที่ควร เนื่องจากยังไม่มีความชัดเจนเรื่องนโยบายส่งเสริมการใช้แก๊สโซฮอล์จากภาครัฐ รวมทั้งใบอนุญาตส่งออกยังไม่มีความคืบหน้า ได้ปรับประมาณการกำไรปี2551 ลดลงประมาณ 5.3% เป็น 1,010 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.2% YoY จากการปรับลดปริมาณขายเอทานอลลงเป็น 18 ล้านลิตร และ 20 ล้านลิตร ในปี 50-51 ตามลำดับ K.KRAZIP แนะนำ ?ซื้อ? แนวรับที่ 9.20 บาท แนวต้านที่ 9.50 บาท

VIBHA
ราคาเปิด 3.18 บาท ราคาปิด 3.04 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2.88 ล้านบาท หุ้น VIBHA ยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แนวโน้มรายได้ในQ2/50 น่าจะดีกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากมีการเพิ่มทีมแพทย์มากขึ้น เพื่อรองรับกับจำนวนผู้ป่วยที่เข้ามาใช้บริการ และได้ทำการเปิดศูนย์ไตเพิ่มจำนวนเครื่องฟอก และล้างไตจากที่มีอยู่ 8 เครื่อง เป็น 40 เครื่อง ซึ่งส่งผลให้สามารถทำรายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ 950-1,000 ล้านบาท ได้อย่างแน่นอน หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 10-15% จากปี 2549 ขณะที่กำไรสุทธิปี2550 คาดว่าจะสามารถทำกำไรได้ประมาณ 100 ล้านบาท สำหรับแผนที่จะก่อสร้างอาคารผู้ป่วยขนาดใหญ่และได้ทำการซื้อที่ดินไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างการออกแบบคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างประมาณปลายQ4/50 คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 600 ล้านบาท สำหรับภาพรวมของธุรกิจโรงพยาบาลในปีนี้ มองว่าภาพรวมน่าจะยังคงมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง
แม้จะมีปัจจัยลบจากภาวะเศรษฐกิจ และปัจจัยการเมืองที่เข้ามากระทบแต่ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่มีความเกี่ยวเนื่องกับชีวิตประจำวันของทุกคนK.KRAZIP แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" แนวรับที่ 3.02 บาท แนวต้านที่ 3.18 บาท

ที่มา ทันหุ้น[/color:0f375a12e6">

 กลับขึ้นบน
innocent
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 729
#1 วันที่: 14/06/2007 @ 21:45:52 :
[b:6b175f17a0">อยากกินน้ำตาล....แต่ตอนนี้กัวขมอ่ะ :cry: [/color:6b175f17a0">[/b:6b175f17a0">
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com