เปิดมุมขาใหญ่มองหุ้นไทยช่วงรอยต่อการเมืองยังเสี่ยง หลังมีการรวมตัวขับไล่ประธาน
คมช. หวั่นเกิดควารุนแรง อาจกระทบตลาดหุ้นในช่วงสั้น 4 นักลงทุนรายใหญ่ บอกตอนนี้ยังไม่รีบ
ร้อนเข้าลุย รอจังหวะดีๆพร้อมเสียบทุนที ประสานเสียงหลังมีการเลือกตั้งตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวชัว
ร์แน่ แต่ต้องจับตานโยบายรัฐบาลใหม่ ด้าน คตส.สั่งอายัดทรัพย์ทักษิณ - คุณหญิงพจมาน 5.2
หมื่นลบ. ใน 21 บัญชีเงินฝาก โดยใช้อำนาจ คปค.ฉบับที่ 30 เซียนหุ้นฟันธง SET INDEX วันนี้
ดิ่งชัวร์ หวั่นเกิดความรุนแรง
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นแรง หลังจากที่ศาลมีคำสั่งเรื่องคดี
การยุบพรรคเมื่อวันที่ 30 พ.ค.50 แต่ดัชนีตลาดหุ้นไทยก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้เพียง 2-3 วันเท่านั้น
และช่วงปลายสัปดาห์ดัชนีตลาดหุ้นไทยก็ปรับตัวลดลง และนักลงทุนต่างประเทศก็ขายสุทธิออกมา
เช่นกัน ปัจจัยหนึ่งมาจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา และการปรับตัวลดลงของตลาด
หุ้นจีน ทำให้เงินบางส่วนถูกโยกมาลงทุนตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียและตลาดหุ้นไทย
แต่เมื่อสถานการณ์การเมืองภายในประเทศไทยยังไม่ความอึมครึม เพราะมีการ
เคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของศาลในคดีการยุบพรรคการเมือง นักลงทุนใน
ประเทศจึงหวาดหวั่นว่าจะเกิดความรุนแรงเกิดขึ้น จึงเทขายหุ้นออกมา ยิ่งเมื่อช่วงวันหยุดที่ผ่าน
มามีการรวมตัวของกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการกว่าหมื่คนรวมตัวกันที่
สนามหลวง และเคลื่อนขบวนไปยังกองทัพบก เพื่อเรียกร้องให้ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่ง
ชาติ(คปค.) ส่งผลให้เช้าวานนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงไปต่ำสุดที่ระดับ 744.67 จุด ลดลง
7.33 จุด ก่อนที่จะรีบาวด์ขึ้นมายืนในแดนบวกปิดตลาดที่ระดับ 754.15 จุด เพิ่มขึ้น 2.15 จุด
มูลค่าการซื้อขาย 15,048.36 ล้านบาท
และผู้สื่อข่าวได้สำรวจปริมาณการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติพบว่า ระหว่างวันที่
1 มิ.ย. และวันที่ 4-6 มิ.ย.50 นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 15,585.43 ล้านบาท แต่ในวันที่ 7-8 มิ.
ย.50 นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 1,161.30 ล้านบาท และในวานนี้(1 มิ.ย.)นักลงทุนต่าง
ประเทศกลับมาซื้อสุทธิ 3,646.93 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 2,726.86 ล้านบาท นัก
ลงทุนสถาบันในประเทศขายสุทธิ 920.07 ล้านบาท

***ศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ มองหุ้นไทยไม่แจ่ม หลังหลายปัจจัยรุมเร้า
นายศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ ในฐานะนักลงทุนรายหนึ่งกล่าวว่า มองแนวโน้มตลาดหุ้นไม่ดี
แม้ว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากที่คดียุบพรรคคลี่คลายนักลงทุนต่างประเทศก็เข้ามาซื้อสุทธิ
มองว่าเป็นการซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างประเทศแถบเอเชียมากกว่า โดยคาดว่าเป็นการเข้ามา
เก็งกำไรระยะสั้น เพราะเป็นจังหวะที่ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลง และเป็นจังหวะที่ตลาดหุ้นไทยราคา
ถูกจึงมีการโยกเงินเข้ามาตลาดหุ้นไทย เนื่องจากพิจารณากราฟทางเทคนิคเคิลพบว่า แนวโน้ม
ระยะสั้นหุ้นไทยยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก ส่งผลให้นักลงทุนประเทศจีน, ไต้หวัน เข้ามาซื้อ
หุ้น และเริ่มเทขายเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
พื้นฐานของประเทศยังไม่น่าเข้ามาเล่น ปีนี้ EPS โต 1-2% เทียบกับเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่าน
มา EPS โต 15-30% แล้วพบว่าราคาหุ้นไทยไม่ได้ถูก เพราะหาก EPS โต 1-2% ค่า P/E
ตลาดหุ้นก็ควรอยู่ที่ 7 เท่า แต่ตอนนี้ P/E ของเรามันสูงกว่านี้ นักลงทุนต่างประเทศที่เข้ามาช่วง
สั้นๆนี้คงไม่เหมือนกับนักลงทุนกลุ่มตะวันตกที่ส่วนใหญ่จะซื้อเพื่อถือลงทุนระยะยาว แต่กลุ่มนักลง
ทุนที่เข้ามาช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาซื้อาทิตยืเดียวแล้วก็ขายออกนายศิริวัฒน์กล่าว
ขณะที่นักลงทุนสถาบันในประเทศเองยังเป็นผู้ขายสุทธิ หมายความว่า ผู้ถือหน่วยมีการไถ่
ถอนหน่วยลงทุน เพราะมองว่าหุ้นไม่ขึ้นจึงขายออก ประกอบกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมที่
ออกมาขับไล่ประธาน คมช. ยิ่งทำให้นักลงทุนต่างประเทศไม่เชื่อมั่นสถานการณ์การเมือง ซึ่งตอน
นี้ทุกคนติดตามว่า วันที่ 24 มิ.ย.ที่จะมีการนักชุมนุมใหญ่นั่น หากมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 5 หมื่นคน
อาจเกิดความรุนแรงได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็ยังเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทยอยู่ เพราะสิ่งที่ต่างประเทศ
กังวลคือ ความมั่นคงทางการเมือง ซึ่งจะนำไปสู่ความมั่นคงของเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี แม้บางคนมองว่า หลังการเลือกตั้งตลาดหุ้นไทยจะดีขึ้น ซึ่งส่วนตัวก็เชื่อว่าเป็น
เช่นนั้น แต่ในระยะยาวต้องมาดูว่า รัฐบาลใหม่ที่เกิดขึ้นเป็นรัฐบาลผสม หรือรัฐบาลเดียว นโยบาย
ของรัฐบาลใหม่เป้นอย่างไร และสามารถปฏิบัติได้จริงอย่างที่ประกาศหรือไม่
ทั้งนี้ ส่วนตัวไม่ได้ซื้อหุ้นมานานแล้ว แต่ก็บริหารพอร์ตการลงทุนให้ลูกค้าบ้าง ในช่วงที่
ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น ก็ไม่ได้เข้าไปซื้อ เพราะมองว่าเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียงช่วงสั้นๆ
เท่านั้น หากจะเข้าไปซื้อหุ้นอีกรอบคงต้องรอดูรัฐบาลชุดใหม่ก่อนว่าเป็นอย่างไร

***เสี่ยป๋อง ระบุตอนนี้ยังไม่พร้อม ขอวอร์มก่อนลุยรอบใหม่
นายวัชระ แก้วสว่าง หรือคนในวงการรู้จักในนาม เสี่ยป๋อง กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่สามารถ
ประเมินตลาดหุ้นไทยได้ เพราะตอนนี้มีการออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้าน แต่เชื่อว่า
หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ดัชนีตลาดหุ้นไทยน่าจะดีขึ้น แต่หากไม่มีการเลือกตั้ง ตลาดหุ้นโดยรวม
คงไม่ขึ้น แต่อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ยังมองพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนยังมี Upside พอสมควร
ตอนนี้ยังรอจังหวะที่จะเข้าลงทุน รอดูสถานการณ์ ผมไม่ได้มองว่าตลาดหุ้นจะแย่ และผม
ไม่ได้ดู SET INDEX แต่ดูจังหวะการเข้าไปซื้อหุ้น ตอนนี้ผมยังถือหุ้นบางตัวอยู่ ไม่ได้ล้างพอร์ต
การลงทุน แต่ก็ยังไม่ได้เข้าไปซื้อเพิ่ม ผมเชื่อว่าหากสถานการ์ดีขึ้น มีการเลือกตั้ง ดัชนีตลาดหุ้น
ไทยน่าจะขึ้น P/E ตลาดหุ้นไทยน่าจะขึ้นไปใกล้เคียงกับตลาดหุ้นต่างประเทศซึ่งส่วนใหญ่ P/E อยู่
ที่ 14 เท่า ขณะที่ P/E ตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 11 เท่า

*** หมอบุญ เตรียมเงิน 50-100 ลบ. กว้านซื้อหุ้นลงทุนอีกในรอบนี้ หลังมองแนวโน้มตลาดหุ้น
ไทยสดใส
นายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานกรรมการโรงพยาบาลปิยะเวท เปิดเผยว่า พอร์ตการลงทุน
ในตลาดหุ้นไทยปัจจุบันมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท โดยมีหุ้นธนาคารพาณิชย์ 2-3 แห่ง หุ้น
กลุ่มพลังงาน เช่น ปตท. รวมถึงหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งในรอบนี้ได้เตรียมเงินอีกประมาณ
50-100 ล้านบาท เพื่อเข้าซื้อหุ้นโดยจะทยอยเข้าไปซื้ออย่างต่อเนื่อง
มองว่าหลังการเลือกตั้งตลาดหุ้นไทยน่าจะดีขึ้น โดยหลังจากที่คดีการยุบพรรคคลี่คลาย
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยดีขึ้น จึงถึงเวลาที่จะเข้าไปซื้อหุ้นเก็บโดยเฉพาะหุ้นที่มีพื้น
ฐานดีและมีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ นายแพทย์บุญ กล่าว
สำหรับพอร์ตการลงทุนในต่างประเทศนั้นยังไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนแต่อย่างใด โดยยังลง
ทุนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศมากกว่า 17 ประเทศ
นายแพทย์บุญ กล่าวต่อไปว่า เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันดีขึ้น เนื่องจากการส่งออกเป็นหลัก
ขณะที่กำลังซื้อและความเชื่อมั่นในประเทศลดลง ซึ่งปัญหาที่รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขในตอนนี้คือการ
เบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้า ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้เพราะรัฐบาลปัจจุบันเป็นรัฐบาลรักษาการอาจ
จะทำอะไรไม่ได้มาก

***เสี่ยปู่ เตรียมเงิน 10-20% ซื้อหุ้นเพิ่มรอบใหม่
นายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล หรือ เสี่ยปู่ กล่าวว่า ยอมรับว่าสถานการณ์การเมืองแรงขึ้น
จากการที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมออกเคลื่อนไหว ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงในช่วง 4-5 วันที่
ผ่านมา โดยส่วนตัวมองว่าในจังหวะที่ราคาหุ้นหลายตัวปรับลดลงมา เป็นจังหวะดีที่จะเข้าไปซื้อ
เนื่องจากหุ้นพื้นฐานที่ดีบางตัวราคาเริ่มถูก ซื้อขายบน P/E ที่ต่ำ หากสถานการณ์ทางการเมือง
พลิกผันตลาดหุ้นน่าจะกลับมาดีขึ้น
ในช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นบางตัวขึ้นไปแรงก็มีการขายออกไปบ้าง รอบนี้ก็มองๆอยู่มีหลาย
ตัวที่น่าสนใจ คงเลือกเล่นเป็นรายตัวไป อย่าง CCET-W ก็น่าสนใจ ต้องรอจังหวะนิดนึง คาดว่าจะ
เข้าไปซื้อเพิ่มประมาณ 10-20% ของมูลค่าพอร์ตการลงทุนจำนวน 2 พันล้านบาทนายสมพงษ์
กล่าว
อย่างไรก็ดี มองว่าสถานการณ์การเมืองอาจเกิดความรุนแรงได้ แต่มองว่าประเด็นดัง
กล่าวเป็นปัจจัยรอง เพราะในการลงทุนพิจารณาพื้นฐานของบริษัทและภาพรวมมากกว่า ส่วนตัวยัง
เชื่อมั่นว่าจะมีการเลือกตั้ง และหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นจริงดัชนีตลาดหุ้นไทยน่าจะปรับตัวขึ้นไป
เกินระดับ 800 จุด

***คตส. อายัดทรัพย์ทักษิณ - คุณหญิงพจมาน 5.2 หมื่นลบ. ใน 21 บัญชีเงินฝาก โดยใช้อำนาจ
คปค.ฉบับที่ 30
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ
(คตส.) มีมติให้อายัดทรัพย์บัญชีเงินฝากของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคุณ
หญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา ทุกบัญชีเงินฝาก ทุกธนาคาร และทุกสถาบันการเงิน โดยอาศัยอำนาจ
ตามความในประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง เนื่องจากมีความประพฤติมิ
ชอบ และพบว่ามีเงินบางส่วนยักย้ายออกไปแล้ว โดยจะมีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่ง
เพิกถอน
อนึ่งบุคคลใดที่มีชื่อยู่ในข้อกล่าวอ้าง สามารถที่จะมายื่นคำร้อง เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์
ว่าไม่เกี่ยวข้องกับการอายัดทรัพย์ดังกล่าว กับ คตส.ได้ภายใน 60 วัน
ทั้งนี้ได้มีการอายัดทรัพย์ของพ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน รวม 21 บัญชีเงินฝาก
เป็นจำนวนเงิน 5.2 หมื่นล้านบาท
ประกาศ คปค.ฉบับที่ 30 เรื่องการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ
ระบุว่า ในกรณีที่เห็นว่าการดำเนินการในเรื่องที่ตรวจสอบมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่ามีการทุจริต
หรือประพฤติมิชอบ และมีพฤติการณ์ว่าบุคคลใดเกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ หรือร่ำ
รวยผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ ให้คณะกรรมการตรวจสอบมีอำนาจสั่งยึดหรืออายัด
ทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องของผู้นั้น คู่สมรสและบุตรซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะของผู้นั้นไว้ก่อนได้
นักวิเคราะห์รายหนึ่ง เปิดเผยว่า ข่าวดังกล่าวอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อจิตวิทยาการลง
ทุนวันนี้ เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่
เผด็จการอาจมีการเคลื่อนไหว เนื่องจากหลายคนตั้งข้อสังเกตว่าเงินทุนที่สนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุม
มาจากกลุ่มทุนการเมืองกลุ่มเดิมที่ถูกอายัดทรัพย์ ดังนั้น สิ่งที่ต้องติดตามคือการเคลื่อนไหวของ
กลุ่มผู้ชุมนุน ำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้รอดูสถานการณ์ โดยประเมินแนวรับไว้ที่ระดับ
745 จุด และแนวต้าน 757 จุด

ใครมีดาวเทียม น่าหาทางปรับพอร์ต หรือระวังๆๆ ไว้บ้างเน๊ออออ....

หวาดเสียวจริงๆๆๆ.... :cry: :cry: