May 19, 2024   4:38:32 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กัมพูชา กางแผนเปิดตลาดหุ้นปี2009จับตา"ทุนนอก"ทะลัก
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 11/06/2007 @ 21:47:07
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

กัมพูชา ประกาศแผน เปิดตลาดหุ้น ในปี 2009 หวังเป็นทางเลือกใหม่ในการลงทุนระดับภูมิภาคอาเซียน หลังเอสแอนด์พี ประทับตรา B+ พร้อมจับตา นักกลงทุนต่างชาติเตรียมหอบเงินลงทุนทะลัก ส่งผลให้ตัวเลขเศรษฐกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด คล้ายเวียดนาม จนทำให้ดัชนีตลาดหุ้นวิ่งแซงหุ้นไทยชนิดไม่เห็นฝุ่น

รายงานข่าวต่างประเทศระบุว่า กัมพูชามีแผนเปิดตลาดหลักทรัพย์ในปี 2009 เพื่อเป็นแหล่งลงทุนทางเลือกใหม่ระดับอาเซียน และมีเป้าหมายเป็นแหล่งลงทุนต้นทุนต่ำสำหรับภาคธุรกิจในประเทศ
โดยในรายงานข่าวบนเว็บไซท์เวียดนามเน็ทบริดจ์ระบุว่า นายกรัฐมนตรีฮุน เซ็นของกัมพูชา ประกาศจะจัดตั้งตลาดหลักทรัพย์ในปี 2009 หลังภาคการเงินของประเทศขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากในปีที่ผ่านมาที่การฝากเงินและการปล่อยสินเชื่อใหม่ขยายตัว 40%
ตลาดทุนและตลาดเงินเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับการพัฒนาประเทศ และยังเป็นการเพิ่มช่องทางการลงทุนให้กับผู้มีเงินออมในประเทศไปจนถึงนักลงทุนในภูมิภาค อีกทั้งยังเป็นแหล่งระดมทุนสำหรับโครงการสาธารณูปโภคและการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอีกด้วย นายกรัฐมนตรีกัมพูชากล่าว

ทั้งนี้ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา กัมพูชาได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือแสตนดาร์ดแอนด์พัวร์ส หรือ เอสแอนด์พีเป็นครั้งแรก โดยได้รับการจัดอันดับอยู่ที่ B+ ซึ่งนับเป็นก้าวแรกที่สำคัญสำหรับการพัฒนาตลาดเงินและตลาดทุนของประเทศ

นักวิเคราะห์รายหนึ่งเปิดเผยว่า การที่ประเทศกัมพูชา ได้ประกาศแผนเปิดตลาดหุ้นในปี 2009 คงทำให้นักลงทุนไทยและต่างชาติเฝ้ารอคอยให้ตลาดหุ้นเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการ ขณะที่หลายประเทศได้กระโดดเข้าไปลงทุนแล้ว เพราะประเมินว่า เป็นโอกาสในการลงทุนที่มีผลตอบแทนที่ดีในอนาคต แม้จะมีความเสี่ยงก็ตาม แต่ก็ถือคุ้มค่า อันเป็นผลจากมีภาคการเมืองที่มีความเข้มแข็ง ซึ่งปีหน้า ประเทศกัมพูชา จะมีการเลือกตั้ง โดยก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีฮุน เซ็นของกัมพูชาเชื่อมั่นว่า พรรคซีซีพี จะชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย

"แผนการเปิดตลาดหุ้นของกัมพูชา คงจะเดินหน้าได้ ถ้าพรรคซีซีพีชนะเลือกตั้งและเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ"นักวิเคราะห์กล่าว

นักวิเคราะห์อีกรายกล่าวว่า หากตลาดหุ้นกัมพูชา เปิดให้ซื้อขายได้ คาดว่า นักลงทุนไทย คงจะเข้าไปซื้อขายหุ้นกันอย่างคึกคัก เนื่องจากเป็นตลาดที่เปิดใหม่และที่ผ่านมา ตลาดหุ้นเปิดใหม่ มักจะสร้างผลตอบแทนที่เป็นกอบเป็นกำ ดั่งเช่น เวียดนามและจีน ขณะที่ตลาดหุ้นไทย ยังมีตัวแปรที่มีอิทธิพลต่อการลงทุน โดยเฉพาะปัจจัยการเมืองที่คอยกดดันตลาดเวลา
เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.50 ดัชนีตลาดหุ้นโฮจิมินห์ปิดที่ 1,060.02 จุด เพิ่มขึ้น 14.73 จุด หรือ 1.41% ส่วนวานนี้(8มิ.ย.) ดัชนีตลาดปิดที่ 752 จุด ลดลง 6.83 จุด

นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า การที่ประเทศกัมพูชามีแผนที่จะเปิดตลาดหุ้น ถือว่า เป็นตลาดเกิดใหม่ในแถบอินโดจีนที่อาจจะได้รับความสนใจ แต่ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าจะได้รับความสนใจมากหรือน้อย เพราะต้องดูการขยายตัวของเศรษฐกิจและการลงทุนของกัมพูชา เพราะจะเป็นตัวสะท้อนอัตราการเติบโตของตลาดหุ้น

"ตลาดหุ้นกัมพูชาจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับศักยภาพและการปรับตัวว่าจะดึงดูดนักลงทุนต่างประเทศหรือไม่ ทั้งในแง่ของการขยายตัวของเศรษฐกิจและการใช้ทรัพยากรภายในประเทศ"นายสุกิจ กล่าว

อย่างไรก็ดีคาดว่าลักษณะของตลาดหุ้นกัมพูชาที่กำลังจะเกิดขึ้นน่าจะคล้ายคลึงกับตลาดหุ้นเวียดนามที่เพิ่งเปิดการซื้อขายไม่ถึง 10 ปี เพราะโครงสร้างเศรษฐกิจคล้ายคลึงกัน โดยในส่วนของประเทศเวียดนามนั้นกว่าที่ตลาดหุ้นจะขยายตัวได้เท่าปัจจุบัน ต้องใช้เวลานานเช่นกัน โดยตลาดหุ้นเวียดนามเปิดทำการตั้งแต่ปี 2543 และดัชนีตลาดหุ้นมาปรับตัวเพิ่มขึ้นแรงเมื่อปี 2548 เพราะการขยายตัวของเศรษฐกิจมีสูง ทั้งภาคเกษตรกรรม และภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการส่งออก โดยโครงสร้างเศรษฐกิจได้ปรับเปลี่ยนจากภาคเกษตร ปรับสู่ภาคอุตสาหกรรม ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวสูงมาก จึงเป็นธรรมดาของประเทศที่กำลังเกิดใหม่ มูลค่าทางเศรษฐกิจต่ำ อัตราการเติบโตจึงดูสูง

ดังนั้นจึงเชื่อว่าตลาดหุ้นกัมพูชาเองก็ต้องใช้เวลาพอสมควรที่จะสร้างความน่าสนใจให้กับนักลงทุนได้ เพราะขณะนี้กัมพูชาเพิ่งอยู่ในช่วงของการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ
ในส่วนของตลาดหุ้นไทยเองมองว่ายังมีความน่าสนใจอยู่ และไม่ควรนำตลาดหุ้นไทยไปเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นเวียดนาม เนื่องจากอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในเวียดนามที่ขยายตัวสูง เป็นเพราะเติบโตจากฐานที่ต่ำ เมื่อเศรษฐกิจเติบโตได้ดี ทำให้อัตราการเติบโตของกำไรมีตามไปด้วย ส่งผลให้ค่า P/E ของตลาดหุ้นเวียดนามสูงกว่าตลาดหุ้นไทย ขณะที่ตลาดหุ้นไทยเองได้ผ่านช่วงสูงสุดมาแล้ว และขณะนี้ประเทศไทยมีปัญหาด้านการเมืองกดดันอยู่ จึงทำให้เศรษฐกิจและตลาดหุ้นชะลอตัวลงไปบ้าง แต่ในระยะยาวเมื่อสถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายก็น่าจะส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยกลับมาน่าสนใจเหมือนเดิม

***กัมพูชา คาดจีดีพีปีนี้จะขยายตัว 8.5% ชะลอลงจากปีก่อนที่ขยายตัว 10.5% เหตุภาคส่งออกสิ่งทอส่อแววทรุด

กระทรวงเศรษฐกิจการคลังกัมพูชาคาด ปีนี้จีดีพีจะขยายตัวในอัตรา 8.5% ชะลอลงจาก 10.5% ในปีก่อนหน้า หลังคาดว่า ภาคส่งออกสิ่งทอจะได้รับกระทบจากการแย่งส่วนแบ่งตลาดโดยเวียดนาม ซึ่งได้ประโยชน์จากการเข้าเป็นสมาชิกดับบลิวทีโอ ขณะเดียวกันยังได้รับผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯด้วย
รายงานข่าวต่างประเทศระบุว่า กระทรวงเศรษฐกิจการคลังแห่งกัมพูชา คาดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของกัมพูชาปีนี้จะอยู่ที่อัตรา 8.5% ชะลอลงจากปี 2006 ที่ขยายตัวในอัตรา 10.5%

โดยในแถลงการณ์บนเว็บไซท์ของกระทรวงเศรษฐกิจฯระบุว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะชะลอตัวลงในปีนี้เป็นผลจากการชะลอตัวของภาคส่งออกสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม หลังถูกเวียดนามแย่งส่วนแบ่งตลาดอันเป็นผลจากการเข้าเป็นสมาชิกดับบลิวทีโอ

นอกจากนี้ การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯยังเป็นปัจจัยที่กดดันให้อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มและสิ่งทอส่งออกได้ลดลงเช่นกัน

จากการสำรวจข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลแห่งชาติกัมพูชาพบว่า ณ สิ้นปี 2006 มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของกัมพูชาอยู่ที่ 6.85 พันล้านดอลลาร์ รายได้ต่อประชากรอยู่ที่ระดับ 458 ดอลลาร์ จำนวนประชากรประมาณ 15 ล้านคน ส่วนภาคเศรษฐกิจที่สำคัญได้แก่ :ภาคกสิกรรมคิดเป็นสัดส่วน 32.3% ของจีดีพี มีพื้นที่เพาะปลูก 12 ล้านเอเคอร์ ผลิตภัณฑ์หลักได้แก่ข้าว ยางพารา ข้าวโพด เนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ น้ำตาล และแป้ง ภาคอุตสาหกรรมคิดเป็นสัดส่วน 25.3% ของจีดีพี อุตสาหกรรมที่สำคัญได้แก่สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม โรงสีข้าว ยาสูบ ประมงและการเลี้ยงสัตว์น้ำ ป่าไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ ผลิตภัณฑ์ยางบางประเภท กระดาษและอาหาร ภาคบริการคิดเป็นสัดส่วน 37% ของจีดีพีได้แก่ การท่องเที่ยว โทรคมนาคม ขนส่ง และก่อสร้าง
ขณะที่หุ้นส่วนทางเศรษฐกิจสำคัญประกอบด้วย ไทย สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง เวียดนาม ไต้หวัน และสหรัฐฯ ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2006 อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินรีลของกัมพูชาอยู่ที่ 4,114 รีลต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

นายทอง คอน รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชาเคยระบุว่า มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปท่องเที่ยวในกัมพูชาเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีที่แล้ว โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวเกือบ 710,000 คน มีทั้งนักท่องเที่ยวจากไทยและเวียดนาม ซึ่งจำนวนนักท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น ร้อยละ 38 ขณะที่นักท่องเที่ยวเวียดนามเพิ่มขึ้นร้อยละ 70

ก่อนหน้านี้ เหงียน ตัน ดุง นายกรัฐมนตรีเวียดนามเห็นชอบให้เวียดเทล รัฐวิสาหกิจโทรคมนาคมแห่งชาติ เข้าไปดำเนินธุรกิจและให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบจีเอมเอ็มในกัมพูชา และเวียดเทลได้รับอนุญาตจากรัฐบาลเวียดนามเข้าไปให้บริการอินเทอร์เน็ทในกัมพูชา

ทั้งนี้ เวียดเทลจะใช้เงินทุนในการดำเนินธุรกิจในกัมพูชาประมาณ 27 ล้านดอลลาร์
โดยสำนักข่าวเอพีรายงานว่า ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ 4 แห่งของจีนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อลงทุนสำรวจและผลิตแร่เหล็กในกัมพูชาปีนี้ เพื่อกระจายการพึ่งพาแหล่งนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งบริษัทร่วมทุนดังกล่าวจะถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 50% โดยหวูฮานสตีล ตามด้วยเป่าสตีล 20% อันซานไอรอนแอนด์สตีล 15% และโซวกังไอรอนแอนด์สตีล 15% แต่ยังไม่มีการเปิดเผยมูลค่าบริษัทร่วมทุนดังกล่าว ขณะที่เหมืองแร่ที่ผู้ประกอบการจีนจะลงทุนสำรวจและผลิตอยู่ในจังหวัดพระวิหาร

นอกจากบริษัทต่างชาติแล้ว บริษัทของคนไทยออย่างบริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน)(SAMTEL) ได้จัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศกัมพูชา ภายใต้ชื่อบริษัท สามารถเทเลคอมมิวนิเคชั่น (แคมโบเดีย) จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับกิจการด้านการให้บริการโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ต (VoIPและการให้บริการแบบครบวงจรทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสารโทรคมนาคมในลักษณะ Outsourcing Services มีทุนจดทะเบียน 200,000 USD แบ่งเป็น 2,000 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 100 USD

บริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) จะชำระเงินลงทุนด้วยเงินสด โดยบริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้นใหม่จะจดทะเบียนครั้งแรก 30,000 USD ชำระทุนเต็ม 100% และส่วนที่เหลืออีก 170,000 USD จะเพิ่มทุนเมื่อบริษัทมีความจำเป็นต้องใช้ทุนหมุนเวียน



:lol:

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com