May 19, 2024   1:31:24 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > DTAC ประชานิยม..ด้วย "People IPO
 

????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,238
วันที่: 10/06/2007 @ 14:01:40
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ก้าวรุกต่อไปของ DTAC ในการออกขายหุ้นไอพีโอ ภายใต้นโยบาย "ประชานิยม" หรือ People IPO ด้วยวิธีกระจายหุ้นไอพีโอให้แก่นักลงทุนรายย่อยถึง 65% จากไอพีโอ 222 ล้านหุ้น และยิ่งทำให้ DTAC กำลังถูกนำไปเทียบกับพลังเก่า AIS ทั้งในเชิงปริมาณ "จำนวนผู้ใช้" และผลตอบแทนจากการลงทุน ใน "ตลาดหุ้น"


"ซิคเว่ เบรคเก้" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) เปิดเผยว่า บริษัทกำหนดช่วงราคาเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (ไอพีโอ) ไว้ในช่วง 35-42 บาทต่อหุ้น โดยจะสามารถสรุปหาราคาสุดท้ายเพื่อเสนอขายได้ในวันที่ 13 มิถุนายน นี้

โดยคาดว่า หุ้น DTAC จะเข้าไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันแรกได้ ในวันที่ 22 มิถุนายน และหลังจากนั้นจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ในการ SWAP กับหุ้นยูไนเต็ด คอมมูนิเกชั่น อินดัสตรี (UCOM) ก่อนที่จะเพิกถอนหุ้น UCOM ออกไป

ถ้าหากราคาหุ้นไอพีโอ...สรุปออกมาที่หุ้นละ 42 บาท ก็ยังต่ำกว่าราคาหุ้นดีแทคที่ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ซึ่งเทรดกันอยู่ประมาณ 44-45 บาท (1.28 ดอลลาร์สหรัฐ) และถือว่าเป็นราคาที่มีส่วนลดอยู่เล็กน้อย

โดยราคาไอพีโอที่ 42 บาท นี้ ยังเทียบเป็นสัดส่วน พี/อี ได้เพียง 14 เท่า ซึ่งถือว่าไม่สูง เมื่อเทียบกับ พี/อี ของหุ้นในอุตสาหกรรมสื่อสารในภูมิภาค (Reginal Communication) จะอยู่ที่ระดับ 17 เท่า โดยปัจจุบันหุ้น ADVANC ก็เทรดอยู่ที่ พี/อี ประมาณ 17-18 เท่า

หมายความว่า ย่อมมีโอกาสที่สัดส่วน พี/อี ของหุ้น DTAC จะไปถึงตรงนั้น (17 เท่า) ได้ในอนาคตอันใกล้ นี่คือการกำหนดกลยุทธ์ซ่อนเอาไว้

ทั้งนี้ บนสมมติฐานว่า หากคิดสัดส่วน พี/อี ของหุ้น DTAC จากระดับ 17 เท่า...ราคาหุ้นมือถือตัวนี้ ย่อมจะมีค่าเท่ากับ 51 บาท หรือมีอัพไซด์อีกถึง 20% จากราคาไอพีโอ 42 บาท

หรือถ้าไอพีโอสรุปราคา..ออกมาต่ำกว่า 42 บาท ก็ย่อมมีอัพไซด์เพิ่มขึ้นอีก

"ซิคเว่ เบรคเก้" ชี้แจงต่อว่า ดีแทคจะได้เงินจากการเสนอขายหุ้นไอพีโอระหว่าง 7,800-9,300 ล้านบาท (ขึ้นอยู่กับราคาสุดท้าย) โดยจะนำเงินไปใช้ในเรื่องของการขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ..โดยเฉพาะตามพื้นที่ห่างไกลทางภาคเหนือและภาคใต้

"ต่อไปนี้..จะไม่ใช่เพียงเอไอเอสเท่านั้นที่จะมีเครือข่ายในพื้นที่ห่างไกล เพราะดีแทคก็จะเข้าไปตรงนั้น" ซิคเว่กล่าวอย่างท้าทาย

พร้อมทั้งระบุด้วยว่า วิธีกระจายหุ้นครั้งนี้ อาจเรียกได้ว่าเป็นนโยบาย "ประชานิยม" เพราะเราใช้ทฤษฎี "People IPO" ที่กระจายให้แก่นักลงทุนรายย่อยถึง 65% จากหุ้นทั้งหมด 222 ล้านหุ้น

โดยนักลงทุนรายย่อย จะสามารถจองหุ้นได้ขั้นต่ำคนละ 500 หุ้น แต่หากรายใดที่ต้องการจองหุ้นมากกว่านี้ ต้องรอผลการสุ่มเลือก (Random) หรือหากใครไม่ได้ ก็ยังสามารถไปหาซื้อบนกระดานได้

ซีอีโอดีแทค มองว่า "ตอนนี้ถือเป็นช่วง "ไคลแมกซ์" ของดีแทคจริงๆ" หลังจากที่บริษัทเริ่มมาจากแบรนด์ที่ติดลบเมื่อช่วง 4 ปีก่อน แต่ตอนนี้ "ดีแทค" กลับเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มสื่อสาร หลังจากที่พยายามสร้างพัฒนาการของแบรนด์มาอย่างต่อเนื่อง

และอุตสาหกรรมนี้ก็ยังมีโอกาสที่จะเติบโตอีกมาก เพราะปัจจุบันด้วยจำนวนผู้ใช้เพียง 70% เทียบกับจำนวนประชากรทั้งประเทศ ตลาดมือถือจึงยังสามารถเติบโตต่อไปอีก อย่างน้อยๆ ก็อีก 2-3 ปี ซึ่งถึงเวลานั้น สัดส่วนผู้ใช้มือถือในประเทศจะขึ้นไปถึง 90% ของจำนวนประชากร

ซิคเว่คุยว่า ส่วนฐานะการเงินของดีแทคก็แข็งแกร่ง และมีความสามารถที่จะจ่ายเงินปันผลของงวดปี 2550 ได้ และบริษัทยังมีหนี้อยู่เพียง 36,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นหนี้สินต่อทุน (ดี/อี) เพียง 0.8 เท่า และยังถือว่าเป็นมูลหนี้ที่บริษัทจะสามารถบริหารจัดการได้อย่างสบายๆ

อย่างไรก็ตาม การที่ดีแทคเลือกเข้าตลาดหุ้นในช่วงนี้ โดยความจริงแล้วเราไม่ได้ไปหาจังหวะที่ดีในการเข้าตลาด แต่มันเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับเรามากกว่า

"ตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด การเมืองเป็นใจ ผลประกอบการของเราดีเยี่ยม และตลาดหุ้นตอนนี้...ต้องการจุดเปลี่ยนที่จะมากระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่งดีแทคเองก็ถือเป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่จะมีมาร์เก็ตแคปกว่า 75,000 ล้านบาท และจะเข้าไปอยู่ใน TOP RANK 15 หุ้นแรก ของ SET 50 ด้วย"

ปัจจุบัน "ดีแทค" มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 31% จากจำนวนฐานลูกค้า 13 ล้านเลขหมาย และปีนี้คาดว่ารายได้ของดีแทคจะสามารถเติบโตได้อีก 10-15% เทียบกับปี 2549 ที่มีรายได้ 48,473 ล้านบาท และมีกำไร 4,937 ล้านบาท

ขณะที่ไตรมาส 1 ที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้แล้ว 16,163 ล้านบาท และมีกำไร 2,833 ล้านบาท

"การเติบโตที่มองไว้ จึงไม่น่ามีปัญหา"

ซิคเว่ยังคาดการณ์ด้วยว่า ในปีนี้ ทั้งอุตสาหกรรมจะเติบโตอีกถึง 10 ล้านเลขหมาย จากปัจจุบัน 35 ล้านเลขหมาย และบริษัทตั้งเป้าที่จะทำส่วนแบ่งตลาดปีนี้ให้ถึง 35% คือต้องขายเบอร์ใหม่ให้ถึง 3.5 แสนเลขหมาย

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com