May 19, 2024   3:58:09 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นเด่น......เล่นสั้น
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 08/06/2007 @ 09:23:25
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET
เมื่อวานนี้ดัชนีปรับลดลงเล็กน้อยทดสอบ gap ที่ 755-758 จุด อีกครั้งหนึ่ง ส่งผลให้แท่งเทียนเกิด Doji อีกหนึ่งตัว ขณะเดียวกันดัชนีก็ยังยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันอย่างมั่นคง คาดว่าภายหลังจากที่ทรงตัว ณ ระดับปัจจุบันสักระยะหนึ่งแล้ว จะสามารถดีดตัวทดสอบทดสอบ Down Trend Line บริเวณ 780 จุดได้ต่อไป

มุมมองระยะกลาง - SOLAR
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
ตั้งแต่ มิ.ย. 48 เป็นต้นมา SOLAR ประสบกับแรงขายอย่างต่อเนื่อง ยังผลให้ราคาปรับลงจาก 17.20 บาท สู่จุดต่ำสุดบริเวณ 2.60 บาท แม้ว่าภาวะดังกล่าวจะแสดงถึง แนวโน้มขาลง อย่างสมบูรณ์ แต่หากพิจารณาในแง่ของความเสี่ยงต่อการที่ราคาจะปรับลงทำจุดต่ำใหม่มีน้อยมาก เนื่องจากทั้ง RSI และ Stochastic ต่างก็เคลื่อนตัวในลักษณะ Bullish Divergence นอกจากนั้นยังพบรูปแบบ Tower Bottom เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 และเส้น 25 สัปดาห์ อันเป็นการยืนยันถึงการเปลี่ยนแนวโน้มด้วย การดีดกลับหนนี้มีเส้นค่าเฉลี่ย 75 สัปดาห์ที่ 5.20 บาทเป็นเป้าหมายสำคัญของการทดสอบ

หุ้นเด่น เล่นสั้น - MME
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
จากกราฟรายวัน ราคามีรูปแบบการกลับตัว (Reversal pattern) ยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน พร้อมกับการสะสมกำลังมาระยะหนึ่ง เพื่อรอการ break up ของราคา นอกจากนั้นยังมีสัญญาณซื้อจาก RSI & Stochastic อีกด้วย ดังนั้น แนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวต้านที่เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน ณ บริเวณ 3.30-3.40 บาท โดยให้แนวรับที่ 2.90-3.00 บาท สำหรับจุด Stop loss อยู่ที่ 2.84บาท เมื่อหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน

หุ้นเด่น เล่นสั้น - PT
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
พิจารณาจากกราฟรายวันมี ราคารูปแบบการกลับตัว (Reversal pattern) ยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน พร้อมกับการสะสมกำลังมาระยะหนึ่ง เพื่อรอการ break up ของราคา นอกจากนั้นยังมีสัญญาณซื้อจาก RSI & Stochastic อีกด้วย ดังนั้น แนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวต้านบริเวณ neck line ที่ 5.20 บาท และแนวต้านถัดไปบริเวณจุดสูงสุดในรอบที่ผ่านมาที่ 6.35 บาท โดยให้แนวรับที่ 3.80-3.90 บาท สำหรับจุด Stop loss อยู่ที่ 3.70บาท เมื่อหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน



 กลับขึ้นบน
P_aud
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 531
#1 วันที่: 08/06/2007 @ 09:50:13 :
[b:640a04799c"> :lol: วิชาการดีค่ะ เอาแบบ วิชาเกิน มั่งนะคะ

หุ้นเด่นเล่นสั้น bland-w1 syntec samart

acl iec gen-w1 tapac [/color:640a04799c">


[img:640a04799c">http://www.zalim-code.th.gs/web-z/alim-code/picture/PIC/emoticon/161149_2730892.gif[/img:640a04799c">[/b:640a04799c">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#2 วันที่: 08/06/2007 @ 10:04:55 :
Z-Strategy
ดัชนียังแกว่งตัว ตลาดหุ้นต่างประเทศไม่เอื้อ ยังกังวลดอกเบี้ยขาขึ้น เทคนิคบอกยังเก็งกำไรได้ ปลุกชีพหุ้นเล็ก นักลงทุนระยะกลางรอสะสมหุ้นเมื่อดัชนีอ่อนตัวแถว 755 จุด หุ้นพลังงานเด่นสุด

Technical Analysis
วานนี้ดัชนีปรับทดสอบ gap 755-758 จุดอีกครั้งทั้งยังปรากฏ Doji อีกหนึ่งตัว แสดงถึงการมีเสถียรภาพระดับหนึ่ง คาดว่าดัชนีจะพักตัวสักระยะก่อนที่จะดีดกลับสู่ Down Trend Line บริเวณ 780 จุดได้ต่อไป
ฦ SOLAR: ทั้ง RSI และ Stochastic เคลื่อนตัวในลักษณะ Bullish Divergence ขณะที่เกิด Tower Bottom เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 และเส้น 25 สัปดาห์นั้น แสดงถึง การเปลี่ยนแนวโน้มครั้งใหญ่ โดยเป้าดีดกลับรอบนี้ที่เส้นค่าเฉลี่ย 75 สัปดาห์ (5.20 บาท)
ฦ MME: พบสัญญาณซื้ออย่างชัดเจนจาก RSI ขณะที่ราคาหุ้นฝ่าเส้นค่าเฉลี่ย 10 25 และเส้น 75 วันได้สำเร็จ คาดว่าจะเกิดการดีดกลับอย่างรวดเร็ว และอาจปิด gap ช่วง 4.00-4.20 บาท
ฦ PT: ยังติดอยู่ที่เส้นค่าเฉลี่ย 75 วัน อย่างไรก็ตาม คาดว่าน่าจะฝ่าขึ้นไปได้สำเร็จ เนื่องจากเกิด RSI เกิดสัญญาณซื้อ การดีดกลับนี้มี Tweezers Top ที่ 6.00 บาท เป็นแนวต้านหลัก

Z-Focus
Company Visit
ฦ AI: โอกาสเติบโตจากธุรกิจไบโอดีเซล - เก็งกำไร
News Comment
ฦ SYNTEC: ระยะสั้นถูกกดดันจากแรงขายหุ้นของ N-PARK - ซื้อ

Statistic Info
ปฏิทินหุ้น, รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร
NVDR, Warrants


Z-Focus

AI : โอกาสเติบโตจากธุรกิจไบโอดีเซล - เก็งกำไร

บริษัทฯ

ผู้บริหาร AI กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทฯ ในปี 50 จะฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับปีก่อน (ปี 49 บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 31 ล้านบาท ลดลง 95% จากปี 48) ที่ได้รับผลกระทบจากการอนุมัติงบประมาณล่าช้าของภาครัฐ ในขณะที่ปีนี้บริษัทฯ จะรับรู้รายได้ทั้งจากลูกถ้วยไฟฟ้าและธุรกิจรับเหมาที่เลื่อนมาจากปี 49 เมื่อรวมกับงานที่ได้เพิ่มขึ้นในปีนี้ทำให้บริษัทฯเตรียมลงทุนอีก 35 ล้านบาทเพื่อขยายกำลังการผลิตลูกถ้วยไฟฟ้าจากปัจจุบันที่มีอยู่ 9,000 ตัน/ปี เป็น 12,000 ตัน/ปี คาดว่าจะเสร็จในช่วงไตรมาส 2/51 ส่วนธุรกิจรับเหมาบริษัทฯ มีมูลค่างานในมือ (backlog) ประมาณ 500 ล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ 400 ล้านบาท

ผู้บริหารฯ คาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ AI Energy (AI ถือหุ้นสัดส่วน 75%) จะสามารถเริ่มผลิตไบโอดีเซลในเชิงพาณิชย์ได้ โดยมีกำลังการผลิต 500,000 ลิตร/วัน ใช้น้ำมันปาล์มดิบเป็นวัตถุดิบ บริษัทฯอยู่ระหว่างรอประกาศอย่างเป็นทางการจากกระทรวงพลังงานที่จะอนุญาตให้บริษัทน้ำมันนำไบโอดีเซลมาผสมน้ำมันดีเซลในสัดส่วนไม่เกิน 2% (ก่อนบังคับใช้ในวันที่ 1 เมย.51) ซึ่งจะทำให้บริษัทฯสามารถทำสัญญาขายฯกับบริษัทน้ำมันได้

ความเห็นนักวิเคราะห์

กำไรฯปี 50 ฟื้นตัว...แต่การเติบโตขึ้นอยู่กับธุรกิจไบโอดีเซล
การฟื้นตัวของกำไรสุทธิในปี 50 ของ AI เป็นไปตามที่เราคาดไว้แล้วทั้งในตัวธุรกิจลูกถ้วยไฟฟ้าและธุรกิจรับเหมา แต่อัตราการเติบโตขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานธุรกิจไบโอดีเซลของ AI Energy ว่าจะสามารถผลิตในเชิงพาณิชย์ได้เมื่อใด เนื่องจากการรับรู้รายได้ของ AI Energy ช้ากว่าที่เราคาดไว้จากเดิมที่จะผลิตได้ในเดือนเมย.ปีนี้ เราจึงปรับสมมติฐานมาเป็นเดือน ก.ค. ส่งผลให้ประมาณการรายได้ไบโอดีเซลปี 50 ของบริษัทฯ ลดลงจาก 2.3 พันล้านบาท เป็น 2.0 พันล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังไม่สามารถดึงเมทานอลซึ่งเป็นวัตถุดิบในขบวนการผลิตออกมาได้ตามแผน (จากที่ตั้งเป้าไว้ในอัตรา 15% แต่ทำได้ 7% ทำให้กำไรต่อหน่วยหายไป 1.40 บาท/ลิตร) ส่งผลให้กำไรของธุรกิจไบโอดีเซลลดลงจากประมาณการเดิมที่ 236 ล้านบาทเป็น 110 ล้านบาท ในขณะที่รายได้จากการขายลูกถ้วยไฟฟ้าและธุรกิจรับเหมาในปีนี้ยังคงใกล้เคียงกับประมาณการเดิมที่ 1.4 พันล้านบาท เราจึงปรับประมาณการกำไร ปกติฯ ปี 50 ของ AI ลดลงจากเดิม 440 ล้านบาท เป็น 266 ล้านบาท

เป็นบริษัทเดียวในตลาดฯที่ได้รับผลบวกจากนโยบายภาครัฐในการใช้ไบโอดีเซล
แม้ว่าจะมีการปรับลดแนวโน้มกำไรลง แต่ความน่าสนใจของหุ้นนี้ คือ AI เป็นบริษัทเดียวในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่จะได้รับผลบวกจากนโยบายภาครัฐในการนำไบโอดีเซลมาใช้เป็นพลังงานทดแทนน้ำมันดีเซล และบริษัทฯ มีความได้เปรียบคู่แข่งด้านต้นทุนการผลิตจากความยืดหยุ่นในการใช้วัตถุดิบ (โรงงานไบโอดีเซลของ AI สามารถใช้ได้ทั้งน้ำมันปาล์มดิบและสเตอรีน) และมีกองเรือและท่าเรือเป็นของตนเองในการขนส่งผลิตภัณฑ์และวัตถุดิบ เราจึงยังคงคำแนะนำ "เก็งกำไร" โดยให้มูลค่าเหมาะสมในอีก 12 เดือนข้างหน้าที่ 8.65 บาท (9X Norm. PER)

ธีรภัทร เมธานุเคราะห์ - No. 17619

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#3 วันที่: 08/06/2007 @ 11:40:40 :
[b:c2ab1a704f">ASPแนะถือ?LONG?ทยอยทำกำไร เตรียมล้างสถานะคงค้างก่อนหมดอายุ [/b:c2ab1a704f">

ที่มา : ทันหุ้น
รายงานจากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP เปิดเผยว่า กลยุทธ์การลงทุนสัปดาห์นี้นักลงทุนระมัดระวังการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นทั่วโลก มาจากปัจจัย 2 ประการคือ ประการที่หนึ่ง ความกังวลจากการปรับฐานขนาดใหญ่ของตลาดหุ้นจีนหลังออกมาตรการลดความร้อนแรงการเก็งกำไร
ส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงราว 13% แต่สามารถดีดตัวปรับขึ้นมาได้

ประการที่สอง แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยทรงตัว หลังธนาคารกลางยุโรปปรับ เพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้นจาก 3.75% เป็น 4% กระตุ้นให้มีแรงเทขายทำกำไรในตลาดหุ้น ทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นในเอเชีย จากความวิตกกังวลของนักลงทุนที่กู้ยืมเงินสกุลเยนญี่ปุ่น เพื่อทำธุรกรรม Carry Trade เนื่องจากได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ เพื่อนำไปลงทุนในตลาดหุ้นและสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง อาจมีต้นทุนทางการ เงินสูงขึ้น
หากธนาคารกลางญี่ปุ่นปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น ตามธนาคารกลางยุโรป หุ้นกลุ่มพลังงานยังแข็งแกร่ง จากราคาน้ำมันหนุน ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ยังคงมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้อีกในสัปดาห์หน้า โดย ราคาน้ำมันดิบ

เบรนท์ ICE ส่งมอบเดือน ก.ค.ล่าสุดอยู่ที่ระดับ 71.02 ดอลลาร์ต่อ บาร์เรล และมีโอกาสยืนในระดับสูงเหนือ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากปัจจัยความต้องการบริโภคน้ำมันของจีนและอินเดียที่ยังคงมีอยู่ตามแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยความเสี่ยงของตลาดน้ำมันล่าสุดมาจาก กระแสข่าวความวิตกว่ากองทัพตุรกี อาจรุกเข้าไปในภาคเหนือของอิรัก เพื่อปราบปรามกลุ่มกบฏชาวเคิร์ด และสถานีส่งออกน้ำมันและก๊าซของโอมาน
ต้องหยุดดำเนินการเป็นเวลา 2 วัน หลังถูกถล่มจากพายุไซโคลนโกนู ซึ่งมีกำลังแรงเทียบเท่ากับเฮอริเคนระดับ 5

เพื่อเป็นการเตือนว่าเริ่มเข้าสู่ฤดูพายุไซโคลนแล้ว ขณะที่ปัญหาจากแหล่งผลิต 1 ใน 3 ของไนจีเรีย ต้องหยุดลงจากปัญหา กลุ่มกบฏได้ก่อเหตุโจมตีโรงงานน้ำมันในไนจีเรียอย่างต่อเนื่องรวมทั้งปัญหาความขัดแย้งและมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านจากโครงการนิวเคลียร์สัปดาห์ที่ผ่านมา
ในสัปดาห์นี้ ฝ่ายวิจัย ASP ยังคงแนะนำผู้ที่ถือสัญญา ?LONG? โดยเฉพาะผู้ถือสัญญาส่งมอบเดือนมิถุนายน S50M07 ทยอยทำกำไร ด้วยคำ สั่ง ?SHORT? เนื่องจาก SET50 อยู่ในช่วงปรับฐานตามตลาดหุ้นเอเซีย ขณะที่กระแสการเมืองภายในเริ่มร้อนแรง สำหรับนักลงทุนที่ต้องการมีสถานะ ?LONG? ต่อ หลังการทำกำไรใน สัปดาห์ที่ผ่านมาแล้วนั้น สัปดาห์นี้คาดว่าหุ้นกลุ่มพลังงานโดยเฉพาะ PTT, PTTEP, TOP, RRC ยังมีโอกาสดีดตัวขึ้นได้อีก

ดังนั้นฝ่ายวิจัย ASP จึงแนะนำให้นักลง ทุน ?ROLL OVER? สถานะ ?LONG? เพิ่มในสัญญาส่งมอบเดือนกันยายน S50U07 เนื่องจากคาดว่าจะได้ราคาถูก 2-3 จุด และมีอายุสัญญาคงเหลือยาวกว่าสัญญาส่ง มอบเดือนมิถุนายน S50M07

บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ CNS เปิดเผยว่า SET50 INDEX ให้น้ำหนัก ขายทำกำไรระยะสั้น จากสัญญาณทางเทคนิคระยะสั้นบางเครื่องมือเข้าเขตซื้อมากเกินไป ซึ่งสัญญาณทางเทคนิคระยะสั้นบางเครื่องมืออ่อนตัวจากเขตซื้อมากเกินไป ดังนั้นความคิดเห็นทางเทคนิค คือแนวโน้ม SET 50 วันนี้ คาดว่ามีภาพ SWING ลง

ทั้งนี้วางกรอบแนวรับและเป้าหมายดังนี้ SET50 สามารถเปิดยืน 538 จุด คาดว่าการดีดตัวโดยยังไม่มี NEW HIGH ซึ่งไม่ผ่านแนวต้านไม่เปลี่ยนแปลงจากฉบับที่แล้ว 544/551 จุด จะมีภาพอ่อนตัวต่อเนื่อง โดยลงมาทดสอบ 534/529 จุด คำแนะนำ คือ ขายทำกำไรในช่วงไม่ผ่านเป้าหมายที่ 544/551 จุด ขณะที่การรอจังหวะซื้อ/ ซื้อลุ้นเก็งกำไรกลับ พิจารณาแนวรับที่ 534/529 จุด ระยะกลาง

สำหรับแนวโน้มระยะกลาง มีการปรับฐานในกรอบของ SHORT-TERM UPTREND
โดยดัชนีระยะกลางจะมีเป้าหมายที่จะขึ้นทดสอบอยู่ที่ 557/564 จุด จึงแยกความเป็นไปได้รายสัปดาห์ และรายเดือน
ดังนั้นภาพระยะสั้นเมื่อดัชนีปรับฐาน (ยังอยู่ในกรอบ SIDEWAY UP มีแนวรับที่ยกฐานสูงขึ้นคาดว่า ?รับอยู่ในภาวะปกติอยู่ที่ 534/525 จุด? ขณะที่เป้าหมายคาดว่าอยู่ที่ 548/553 จุดคำแนะนำ รอซื้อเมื่ออ่อนตัว ระดับเป้าหมายรายเดือนมิถุนายน 2550 คาดว่าภาพรวมยังมีลักษณะ SIDEWAY UP โดยให้น้ำหนัก

SET50 มีความต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ?ผลตอบแทนจะให้น้ำหนักไม่มากเท่ากับเดือนพฤษภาคม) จึงวางเป้าหมายไว้ที่ 557/564 จุด (บริเวณดังกล่าวเมื่อถึงเป้าหมาย / ใกล้เคียง คาดว่าจะมีภาพปรับฐาน / การขายทำกำไร
เนื่องจากสัญญาณทางเทคนิคบางเครื่องมือของ WEEKLY CHART ทอยเตือนในเขตซื้อมากเกินไป) ดังนั้นจึงให้น้ำหนักเป็น SLIGHTLY POSITIVE (เป็น SHORT-TERM IMPLUSIVE WAVE รอบท้ายๆ)โดยพิจารณาในลักษณะ SELECTIVE BUY (เหตุผลคือหุ้น BIG CAP 50 หลักทรัพย์ จะถูกเลือกซื้อเป็นรายหลักทรัพย์มากกว่าจะถูกการกระจายยกแผงทั้งหมดนั่นเอง) ทำให้พอร์ตการลงทุนจะอยู่ประมาณ 50%-60% ของเม็ดเงินการลงทุน SET 50 INDEX (FUTURE)

1. การกลับมาพิจารณา SHORT POSITION ซึ่งเกิดจากดัชนีเปิดตลาดยืน 538 จุด โดยการดีดตัว (ไม่มี NEW HIGH) คาดว่าอยู่ที่ 542.5.5/547.2 จุด (บริเวณดังกล่าวยังไม่สามารถผ่านได้ คาดว่ามีการทยอยปิด POSITION และกันความเสี่ยงไปบางสัญญา)

2. การพิจารณา LONG POSITION กลับ ดัชนีมีความผันผวน/ มีแรงขายทำกำไรตาม ส่งผลให้ดัชนีหลุด 536 จุด จึงมีช่วงการอ่อนตัวลงมาทดสอบ 534/527.1 จุด ความคิดเห็น แนะนำเลือกพิจารณาความเป็นได้ในข้อแรกก่อน S50U07 ดัชนีวานนี้ เป็นไปตามข้อ 1 คือ พิจารณาในด้าน LONG POSITION

โดยดัชนีลงมาใกล้เคียงที่วางไว้ 537.4 จุด (ดัชนีปิดแดนลบ 537.2 จุด)
1. การกลับมาพิจารณาด้าน LONG POSITON เกิดจากดัชนีเปิดตลาดยืน 537 จุด (ถอยไม่ควรต่ำกว่า 533 จุด) คาดว่าจะมีภาพดีดตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายตามเส้น RESISTANCE LINE ที่542.1/545 จุด
2. การพิจารณาด้าน SHORT POSITION ต่อเมื่อ ดัชนีมีความผันผวน และมีแรงขายกดดันอีกครั้ง ส่งผลให้หลุดระดับแนวรับ 533 จุด มีช่วงการอ่อนตัวลงมาทดสอบ 531.5/525 จุด (เมื่อถึงแนวรับ/ ใกล้เคียง
และเริ่มนิ่ง คาดว่าสามารถรอจังหวะเพื่อเข้ามา LONG POSITION บางส่วน)

กลยุทธ์การลงทุน: สัญญา S50M07 ราคาเคลื่อนไหวเมื่อวาน (H 547.2 L 534 C
538.3) และ S50U07 (H 545.5 L 533 C 537) โดยสัญญาเดือน มิ.ย. และ สัญญาเดือน ก.ย. เมื่อวานปรับสูงขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 547 ตามคาด สำหรับแนวโน้มวันนี้ CNS คาดว่าดัชนี SET50 แกว่งตัวผันผวน ในกรอบ sideway down ดังนั้น การลงทุนระยะสั้น แนะนำการเปิดสถานะ Short บริเวณแนวต้านที่กำหนด โดยการรีบาวด์ S50M07 และ S50U07 มีเป้าหมายที่ 542.5/547.2 และ 542.1/545 จุด
ตามลำดับ

ในส่วนการลงทุนระยะสัปดาห์แนะนำรอเปิดสถานะ Long กลับ โดยพิจารณาการปรับฐานของ ดัชนี SET50 ที่แนวรับบริเวณ 534 -525 จุด โดยปัจจัยสนับสนุนการปรับฐานของ S50M07 1.Upside gain จากราคาพื้นฐานจำกัด 2. การล้างสถานะคงค้างบางส่วนก่อนหมดอายุสัญญา

บริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด หรือ SCIBS กล่าวว่า ภาวะตลาดอนุพันธ์ ราคา Futures ปรับตัวลดลงต่อเนื่องโดยลดลงมากกว่าการเคลื่อนไหวของ SET50 สถานะคงค้างโดยรวมลดลงค่อนข้างมาก โดยเป็นการปิดสถานะจากสัญญา S50M07 เนื่องจากสัญญาจะหมดอายุสิ้นเดือน มิ.ย. นี้ นักลงทุนต่างประเทศยังคงเปิดสถานะ Short เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปริมาณการซื้อขาย ปัจจัยที่มีอิทธิพลวันนี้ SET50 Down ประเมินว่าตลาดหลักทรัพย์มีแนวโน้มแกว่งตัวลง เนื่องจาก ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวลดลงกว่า 130 จุด เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อและการขึ้นอัตราดอกเบี้ยกลับมาอีกครั้ง

ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาด Spot เบาบางลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 อีกทั้งยังขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ ที่ชัดเจนเข้ามากระตุ้นระดับดัชนี SET50

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ Open Short position ลูกค้าสถาบัน แนะนำให้เปิดสถานะ Short เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการลงทุนใน Spot ลูกค้ารายย่อย แนะนำ Open Short position ใน S50M07 ในระดับ 538-537 จุด กรอบการเคลื่อนไหว SET50 เคลื่อนไหวในกรอบ 532-542 จุด S50M07 ระหว่าง 530-540 จุด


:lol:
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#4 วันที่: 08/06/2007 @ 11:42:21 :
[b:ec8a98af6d">ATC : คาด Spread ไตรมาส 2/50 เพิ่มเป็น 198 เหรียญ/ตัน - ซื้อ[/b:ec8a98af6d">
สัมภาษณ์ผู้บริหาร

จากการสัมภาษณ์ผู้บริหาร Spread ของผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ยังสดใส โดย Spread ของพาราไซลีนทรงตัวสูงและเพิ่มจากไตรมาสก่อนมาอยู่ที่ 600 เหรียญ/ตัน และ Spread ของเบนซีน ปรับเพิ่มขึ้นจาก 400 กว่าเหรียญ/ตัน ในไตรมาส 1/50 เป็น 500 เหรียญ/ตัน ในปัจจุบัน นอกจากนี้ จากการคาดการณ์ของ PCI ล่าสุด คาดว่าอัตราการใช้กำลังการผลิต (OR rate) ของโรงงานอะโรเมติกส์ทั่วโลกในระยะ 5 ปีข้างหน้า (2549-54) จะทรงตัวในระดับสูงกว่า 85% เพราะโรงงานใหม่ของอินเดียและตะวันออกกลางเลื่อนดำเนินการออกไป ส่งผลให้กำลังผลิตใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใกล้เคียงกับความต้องการที่เพิ่ม ตลาดจึงอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างตึงตัว จึงคาดว่า Spread ของอะโรเมติกส์จะมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง

ความเห็นนักวิเคราะห์

คาดไตรมาส 2/50 มีกำไรจากการดำเนินงานสุทธิโต 150% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เป็น 2.4 พันล้านบาท
ด้วยแนวโน้ม Spread รวมที่คาดว่าจะดีขึ้นจาก 109 เหรียญ/ตันในไตรมาส 2/49 และ 191 เหรียญ/ตันในไตรมาส 1/50 เป็น 198 เหรียญ/ตันในไตรมาส 2/50 และการปรับปรุงประสิทธิภาพ Reformer ที่เสร็จ มี.ค. 50 ทำให้บริษัทมีปริมาณผลิตภัณฑ์หลักเพิ่ม 4% จากไตรมาสก่อน รวมทั้งการขยายกำลังผลิตไซโคลเฮกเซนเพิ่ม 30% จาก 1.5 แสนตัน เป็น 1.95 แสนตัน/ปี ที่เริ่มเดินเครื่องผลิตตั้งแต่ต้นไตรมาส 2/50 และผลิตได้เต็มกำลังตั้งแต่ พ.ค. 50 ทำให้นอกจากบริษัทจะมีปริมาณขายเพิ่มแล้ว ยังมีปริมาณขายผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม คือ ไซโคลเฮกเซนเพิ่มขึ้นด้วย รวมทั้ง Spread ที่ดีขึ้นดังกล่าว จึงคาดว่า ATC จะมีกำไรจากการดำเนินงานสุทธิ 2.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 150% จากช่วงเดียวกันปีก่อน

แนวโน้ม Spread ยังสดใส - กำลังผลิตใหม่เพิ่มในอัตราใกล้เคียงกับความต้องการที่เพิ่ม นอกจากนี้ คาดว่าตลาดเอเชียจะเกิดภาวะตึงตัวของพาราไซลีนอีกครั้งในปี 53
การเพิ่มขึ้นของกำลังผลิตอะโรเมติกส์ในระยะ 5 ปีข้างหน้า (2549-54) ที่ใกล้เคียงกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น (พาราไซลีนมีกำลังผลิตเพิ่ม 6.2% และความต้องการเพิ่ม 6.9% ส่วน เบนซีนกำลังผลิตเพิ่ม 3-4% และความต้องการเพิ่ม 3.3%) ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังผลิตของโรงงานทั่วโลกยังอยู่ในระดับสูงกว่า 85% อีกทั้งล่าสุดโรงงานอะโรเมติกส์ใหม่ในจีน (ดราก้อน อะโรเมติก์ กำลังผลิต 0.8 ล้านตัน/ปี )ต้องย้ายสถานที่ก่อสร้างโรงงานใหม่ ทำให้กำลังผลิตใหม่ส่วนนี้ต้อง delay ออกไปอีก 1 ปี จากปลายปี 52 เป็นต้นปี 54 ในขณะที่โรงงาน PTA (ใช้พาราไซลีนเป็นวัตถุดิบในอัตราส่วน 1PTA = 0.67Paraxylene) ใหม่ของบริษัทเซี่ยงลู่ในกลุ่มเดียวกัน ซึ่งมีกำลังผลิต 1.5 ล้านตันยังคงดำเนินการต่อเนื่องและเริ่มผลิตปี 52 จึงคาดหมายว่าจะเกิดภาวะตึงตัวของพาราไซลีนอีกครั้งในปี 53 ทำให้โรงงานอะโรเมติกส์ในเอเชียจะมีอัตราการใช้กำลังผลิตสูงกว่า 90% จึงมีแนวโน้มที่ Spread ของอะโรเมติกส์จะ Peak อีกครั้งในปี 53

ปรับมูลค่าพื้นฐานขึ้นเป็น 68 บาท
ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 51 ได้ 68 บาท (DCF, WACC 9.8%) ซึ่งปัจจุบันราคาหุ้นยังมี upside อยู่ 12% จึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็น "ซื้อ"

พรศรี ลายสนิทเสรีกุล, no. 17621

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#5 วันที่: 08/06/2007 @ 11:43:33 :
[b:33a09da0af">BEC ร่วง 1.73% โบรกฯชี้กังวลผลกระทบเชิงลบรายการ"ฉ","น" [/b:33a09da0af">

หุ้น BEC ลบ 1.73% อยู่ที่ 22.70 บาท ลดลง 0.40 บาท เมื่อเวลา 10.28 น.โดยเปิดตลาดที่ 20.00 บาท ราคาปรับขึ้นสูงสุดที่ 22.80 บาท และราคาปรับลงต่ำสุดที่ 20.00 บาท
น.ส.ธาริษา ชัยสุนทรโยธิน นักวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า หุ้น BEC ปรับลงต่อจากวานนี้ น่าจะเป็นเรื่องได้รับผลกระทบในเชิงลบจากเรื่องที่มีการจัดเรตติ้งรายการ

"ราคาหุ้นปรับลงอาจจะเป็นการตื่นตระหนกตกใจในระยะสั้นก่อนเพราะบริษัทออกมาพูดเองว่าได้รับผลกระทบแน่ๆ โดยทางผู้บริหารออกมาพูดทั้ง 2 คนว่าแย่แน่ในระยะสั้น อาจจะทำให้นักลงทุนกังวลได้ อย่างไรก็ตาม มองว่าการปรับตัวน่าจะทำได้ แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบรายละเอียดสัดส่วนของรายการดังกล่าวเป็นเท่าไร" น.ส.ธาริษา กล่าว

อย่างไรก็ตาม ต้องมาดูก่อนว่าแท้ที่จริงแล้วผลกระทบมากแค่ไหน เพราะการจัดเวลาแบบนั้นทางสถานีคงต้องปรับตัวรายการก่อน ซึ่งตอนนี้ยังไม่รู้ว่ารายการไหนของ BEC เป็นประเภท "ฉ" และยังไม่รู้สัดส่วน แต่ช่อง 7 กับช่อง 3 เป็นตัวที่น่าระมัดระวังในแง่ของมีรายการประเภท "ฉ" มากกว่าช่องอื่นเมื่อเทียบกับช่อง 9 ช่อง 11 ช่อง 5 ในภาพใหญ่คงดูเป็นผลกระทบเยอะ แต่ถ้าจะลงรายละเอียดขนาดนั้นต้องดูว่าสัดส่วนของรายการตรงนั้นมากน้อยแค่ไหน และตอนนี้เวลาตรงไหนที่จะถูกย้ายไปอยู่หลัง 22.00 น.จริงๆ ซึ่งถ้าจะถูกย้ายจริงอย่างแรกบริษัทน่าจะปรับตัวเองก่อน คือปรับไม่ให้เป็น "ฉ" เช่น ละครถ่ายทำทุกวันอยู่แล้วน่าจะปรับได้

แนะ"ขาย"เพราะความกังวลต่อไปคือถ้าเป็นรายการ "ฉ" เยอะจริงและย้ายไปหลัง 22.00 น.จริง ความต้องการเวลาโฆษณาในช่วง 20.00-22.00 น.จะลดลง ขณะเดียวกันถ้าย้ายไปหลัง 22.00 น.คนดูจะลดลงเพราะดึกแล้ว คนที่ต้องการเวลาโฆษณาตรงนั้นที่คิดว่าจะมีคนดูเยอะก็ลดความสนใจลง ก็จะไม่ซื้อเวลาในช่วงนั้นแน่นอน เพราะฉะนั้นดีมานด์ในช่วงปกติก็ลด ความสามารถในการขึ้นราคาของ BEC ในระยะสั้นที่คิดว่าจะขึ้นได้ก็ทำได้ยากมากขึ้น ให้ราคาพื้นฐานที่ 23.35 บาท upside ไม่เยอะแล้ว



:lol: [/color:33a09da0af">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#6 วันที่: 08/06/2007 @ 11:44:47 :
[b:8b3cbcc403">BGH บวก 2.41% โบรกฯชี้งวด Q2 ดีขึ้นจากปรับค่าบริการ-ค่ายา/ผู้ป่วยเพิ่ม [/b:8b3cbcc403">

หุ้น BGH บวก 2.41% อยู่ที่ 42.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท เมื่อเวลา 11.10 น.โดยเปิดตลาดที่ 41.75 บาท ราคาปรับขึ้นสูงสุดที่ 42.75 บาท และราคาปรับลงต่ำสุดที่ 41.75 บาท
นางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัยหลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า หุ้น BGH บวกขึ้นเช้านี้ มองว่า เมื่อตลาดโดยรวมลงจากหุ้นมาร์เก็ตแคป ก็หันมาเล่นหุ้นที่เป็น Defensive stock และผลประกอบการไตรมาส 2 ของโรงพยาบาลจะดี คาดว่าคนไข้จะมากขึ้น เนื่องจากปีนี้ฤดูฝนมาเร็ว จึงป่วยกันมาก ขณะเดียวกัน BGH ก็เพิ่งจะมีการปรับราคาค่าบริการ ค่ายาใหม่ด้วยคงเป็นประเด็นนี้
แนะซื้อให้ราคาเป้าหมาย 45 บาท

:lol:
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#7 วันที่: 08/06/2007 @ 11:45:35 :
[b:7e1e913c11">SATTEL บวกสวนตลาด-คึกคัก หลังได้ลูกค้าใหม่เกาหลี-จะได้ลูกค้าญี่ปุ่นอีก [/b:7e1e913c11">

หุ้น SATTEL ราคาขยับขึ้น 1.69% มาอยู่ที่ 12 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท มูลค่าซื้อขาย 112.86 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.45 น. โดยเปิดตลาดที่ 11.70 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 12.10 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 11.60 บาท

นสพ.เช้านี้ระบุว่า ชินแซทเซ็นสัญญากับ OCL ประเทศเกาหลีและเตรียมเซ็นสัญญากับโอเปอเรเตอร์โทรศัพท์พื้นฐานและมือถืออันดับ 3 ในญี่ปุ่นในเดือนมิ.ย.นี้ เพื่อให้บริการไอพีสตาร์ทั้งในด้านระบบสื่อสารและการแพร่ภาพกระจายเสียง ในลักษณะทดแทนระบบวี-แสทเดิม และใช้เป็นระบบแบ็กอัพกรณีเกิดภัยพิบัติ รวมทั้งการส่งสัญญาณภาพบนไอพีและการถ่ายทอดสดในลักษณะ SNG คาด 2 ประเทศทำรายได้ให้ไอพีสตาร์ 2 พันล้านบาท

น.ส.ศลยา ณ สงขลา ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้น SATTEL ปรับตัวสูงขึ้น ด้วยวอลุ่มเทรดที่เข้ามาอย่างคึกคัก คาดว่าจะเป็นการเข้ามาเล่นเก็งกำไรของนักลงทุน ภายหลังจากที่มีข่าว SATTEL จะเซ็นสัญญากับลูกค้าใหม่ในเกาหลี และคาดว่าจะสรุปดีลกับญี่ปุ่นในเดือนนี้(มิ.ย.) นอกจากนี้ ในไตรมาส 3/50 จะยังมีการขยายตลาดไอพีสตาร์อีกหลายแห่ง ทั้งนี้ แนะนำให้"ซื้อเก็งกำไร"โดยให้เป้าหมายที่ 13.85 บาท

ด้านบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.สินเอเซีย แนะ"ซื้อ"หุ้น SATTEL เมื่ออ่อนตัวที่ราคาเป้าหมาย 14.50 บาท ประเมิน SATTEL มีแผนที่จะเจาะตลาด เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการเข้าเจาะตลาดในเฟส 2 โดยปัจจุบันทั้งเกาหลีและญี่ปุ่นมีการพัฒนาด้านบอร์ดแบนด์ไปมากแล้วจึงเหลือ Upside ไม่มากนัก แต่หลังจากนี้ไปคาดว่า SATTEL จะมีข่าวดีออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้เซ็นสัญญากับ OCL เทเลคอมโอเปอร์เรเตอร์รายใหญ่ของเกาหลีใต้ไปแล้ว และกำลังอยู่ในช่วงเจรจากับพันธมิตรในญี่ปุ่นอยู่

ถึงแม้ Upside จะไม่มาก แต่ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และเพิ่มความท้าทายในการรุกตลาดอื่นต่อไป โดยรายได้จากทั้ง 2 ตลาด คาดว่าจะรับรู้เข้ามาในปี 51 โดยช่วงแรกจะรับรู้เข้ามาปีละ 200 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นตัวช่วยเพิ่มยอดขาย User Terminal และ Utilization rate ของ IPSTAR ที่คาดว่าจะเพิ่มเป็น 15-20% ในปี 51 และหลังจากที่สถานะทางการเงิน
แข็งแกร่งขึ้นจากการขาย SHEN ออกไป โดยจะนำเงินส่วนใหญ่มาชำระหนี้ที่มีอยู่กว่า 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้ปีนี้มีการรับรู้กำไรเข้ามาเป็นรายการพิเศษราว 3,378 ล้านบาท



[/color:7e1e913c11">
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com