Z-Strategy
ดัชนีอาจถูกกดดันด้วยบรรยากาศการลงทุนในตลาดต่างประเทศให้อ่อนตัวลงต่อ แนวรับทางเทคนิค 750 - 755 จุด ซึ่งจะเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นเพิ่ม เน้นหุ้นที่มีแนวโน้มจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ อาศัยจังหวะนี้ปรับพอร์ต เข้าสู่หุ้นที่ยังมี upside จากมูลค่าพื้นฐาน อาทิ ขาย BANPU เข้า PTTEP, ขาย SCB เข้า KBANK หรือ BBL, ขาย STEC เข้า CK เป็นต้น
Technical Analysis
การอ่อนตัวของดัชนีเมื่อวานเป็นการปรับฐานระยะสั้น เกิดเนื่องด้วยภาวะการซื้อมากเกินไป ทั้งใน RSI และ Stochastic คาดว่าจะไม่หลุด gap บริเวณ 755-758 จุด เมื่อเสร็จสิ้นการพักตัวนี้แล้วดัชนีน่าจะดีดกลับถึง Down Trend Line บริเวณ 780 จุดได้
ฦ SIM: สัญญาณซื้อที่พบใน Stochastic รายสัปดาห์ แสดงถึงโอกาสที่ SIM จะดีดตัวครั้งใหม่ ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้สูงมากที่ราคาจะสามารถทดสองจุดสูงสุดเดิมราว 23.00 บาท ได้
ฦ TNITY: สามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 25 75 และเส้น 200 วัน ได้อย่างมั่นคง พร้อมด้วยแท่งเทียนรูปแบบของสัญญาณต่อเนื่อง ทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากสัญญาณซื้อของ RSI ด้วย คาดว่าการดีดกลับนี้จะชะลอตัวลงเมื่อปรับขึ้นถึงแนว Tweezers Top บริเวณ 8.00 บาท
ฦ APURE: Doji ที่เกิดขึ้นเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 25 และเส้น 75 วัน ขณะที่ RSI และ Stochastic เกิดสัญญาณซื้อ แสดงถึง โอกาสที่ APURE จะดีดกลับได้ในไม่ช้า ทั้งนี้ เส้นค้าเฉลี่ย 200 วันที่เคลื่อนผ่าน 1.70 บาท จะเป็นเป้าหมายหลักของการทดสอบ
Z-Focus
News Comment
ฦ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม: ครม. อนุมัติลดภาษีสรรพสามิตอีโคคาร์ - เท่าตลาด
Z-SCAN
Sector Update
ฦ ธุรกิจหลักทรัพย์: กลุ่มหลักทรัพย์....ขึ้นมาเกินพอแล้ว - เท่าตลาด
Statistic Info
ปฏิทินหุ้น, รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร
NVDR, Commodities Move, Warrants
Z-Focus
กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม : ครม. อนุมัติลดภาษีสรรพสามิตอีโคคาร์ - เท่าตลาด
ที่ประชุม ครม. อนุมัติในหลักการให้กำหนดโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ประหยัดพลังงานขนาดเล็ก (อีโคคาร์) ไว้ที่ 17% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 52 โดยอัตราดังกล่าวต่ำกว่าภาษีสรรพสามิตรถยนต์นั่ง ขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 2,000 ซีซี ที่จัดเก็บภาษีในอัตรา 30% ทั้งนี้ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จะหารือในสัปดาห์หน้า เพื่อกำหนดรายละเอียดของมาตรการจูงใจเอกชน ซึ่งคงจะเห็นความชัดเจนของทุกด้านในวันที่ 15 มิ.ย. นี้
ความเห็นนักวิเคราะห์
การสนับสนุนโครงการอีโคคาร์ชัดเจนขึ้นมา
การอนุมัติดังกล่าว เป็นพัฒนาการเชิงบวกต่อการเกิดโครงการรถประหยัดพลังงานที่ยืดเยื้อมาหลายปี ความชัดเจนของมาตรการสนับสนุนจะ ทำให้ค่ายรถยนต์ต่างๆ สามารถศึกษาความเป็นไปได้และวางแผนการลงทุนได้
เป็นข่าวดีต่อ ROJANA
ก่อนหน้านี้ เคยมีการศึกษาว่า หากอัตราภาษีสรรพสามิตลดลงจาก 30% เหลือ 17% จะทำให้รถประหยัดพลังงานราคาจะต่ำลงประมาณ 50,000 บาท เป็น 450,000 บาท แต่ด้วยเงื่อนไขเบื้องต้นในการเข้าร่วมโครงการอีโคคาร์ที่เข้มงวด เช่น จะต้องเป็นการผลิตรถยนต์เครื่องยนต์เบนซินขนาดต่ำกว่า 1,300 ซีซี หรือ เครื่องยนต์ดีเซลต้องต่ำกว่า 1,400 ซีซี, กำลังการผลิตปีละ 1 แสนคัน ในปีที่ 5, อัตราการใช้น้ำมัน 20 กิโลเมตร/ลิตร, การจำกัดปริมาณก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ไม่ให้เกิน 1.0 กรัม/กม. และไฮโดรคาร์บอนไม่ให้เกิน 0.10 กรัม/กม. การได้มาตรฐานความปลอดภัยตามเกณฑ์ของของคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจแห่งองค์การสหประชาชาติสำหรับภาคพื้นยุโรป (UNECE) เป็นต้น ทำให้เราไม่ใคร่มั่นใจถึงความเป็นไปได้ในเชิงพาณิชย์ของตลาดรถยนต์อีโคคาร์ ดังนั้น ผู้ผลิตรถยนต์ที่สนใจทำตลาดคงมีไม่มากรายนัก เว้นแต่จะมีสิทธิประโยชน์เงื่อนไขการขอรับการส่งเสริมจาก BOI เพิ่มเติมที่น่าจูงใจ
จากการประมวลท่าทีของผู้ผลิตรถยนต์ค่ายต่างๆ เราเห็นว่า HONDA มีความสนใจในการลงทุนโครงการนี้ที่สุด ดังนั้น ข่าวนี้จึงน่าจะเป็นประโยชน์ต่อ ROJANA (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 15.5 บาท) เพราะมีโอกาสที่ HONDA จะขยายการลงทุนเพื่อรองรับโครงการนี้ในอนาคต หลังการสนับสนุนโครงการมีความชัดเจน ซึ่งจะเป็นโอกาสการขายที่ดินสำหรับ ROJANA ส่วน HEMRAJ (ซื้อ ราคาเป้าหมาย 1.12 บาท) เป็นอีกบริษัทที่มีโอกาสได้ประโยชน์เช่นกัน เพราะค่ายรถยนต์ฟอร์ด มาสด้า ซึ่งเป็นลูกค้าในนิคมฯ ก็เคยแสดงท่าทีสนใจโครงการนี้เช่นกัน
รุ่งรัตน์ สุนทรปกาสิต - No. 3940, rungrats@seamico.co.th