kaisel สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 3,380 | วันที่: 05/06/2007 @ 09:44:41 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต *ก่อนอื่น "โมนิก้า" ต้องขอแสดงความยินดีกับนักลงทุนที่รู้จักฉกฉวยโอกาสทองไว้ในกำมือของตนเอง แต่ในขณะเดียวกันก็ขอแสดงความคิดเห็นว่า คนที่เข้าไปไล่ซื้อหุ้นวานนี้อาจตกอยู่ในที่นั่งลำบากสุดๆ เพราะสัญญาณทางเทคนิคฟ้องว่า หุ้นเข้าเขตซื้อมากเกินไปนั่นปะไร
*เดี๊ยนถึงต้องออกมาย้ำกฏการลงทุนที่ว่า นักลงทุนต้องรู้จักเทขายหุ้นในราคาเหมาะสม หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Optimum Profit เพราะทฤษฎีเรื่องการเทขายในจุดราคาสูงสุด หรือ Maximized Profit มันเป็นเพียงแค่คำพูดลอยๆ และไม่เคยมีใครทำสำเร็จจริงๆ ได้สักรายเจ้าค่ะ
*"โมนิก้า" จึงต้องออกมาเตือนสติสตังค์นักลงทุนตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะหลายต่อหลายครั้งต้องทนเห็นนักลงทุนติดหุ้นที่ยอดดอยเป็นประจำ และสุดท้ายมักลงเอยด้วยการตัดขายหุ้นขาดทุนร่ำไป เดี๊ยนถึงไม่ต้องการให้เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก เพราะทำให้นักลงทุนเข็ดขยาดตลาดหุ้นนะซี
*งานนี้ใครจะฟันธงว่า ดัชนีจะขึ้นไปเท่านั้น เท่านี้ "โมนิก้า" ก็ยังยืนยันคำเดิมว่าต้องขายหุ้นเอากำไรมานอนกอดไว้ก่อน ซึ่งเหมือนเช่น บลจ. บางแห่งที่ขายหุ้นตุนผลกำไรไว้แล้วประมาณ 7% และหากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อ ผลตอบแทนที่ได้รับก็จะเพิ่มขึ้นตามเปอร์เซ็นต์ที่หุ้นปรับตัวขึ้นนะจ๊ะ
*น่าจับตามากสุด คือ การปล่อยมาร์จิ้นของโบรกเกอร์ต่างๆ เป็นไปตามกฎระเบียบข้อบังคับหรือไม่ เพราะมีข่าวลือแผลมออกมาว่า โบรกเกอร์บางแห่งปล่อยกู้ให้ลูกค้าแบบไม่สมเหตุสมผล และทางหน่วยงานที่กำกับดูแลตลาดทุนกำลังติดตาม และสอบสวนเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิดนะจะบอกให้
*งานนี้ใครรู้ตัว ทำผิดกฎระเบียบข้อบังคับ ก็พึ่งสังวรณ์ไว้ว่า ไม่มีทางรอดพ้นเงื้อมือหน่วยงานดังกล่าวได้หรอกนะตัวเอง
*วกกลับมาที่กระดานหุ้นกันบ้างดีกว่า เพราะวานนี้ดัชนีวิ่งขึ้นมาปิดที่ 770.61 จุดบวกไป 16.68 จุด พร้อมกับทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบ 1 ปี ไม่ได้ทำให้ "โมนิก้า" รู้สึกระริกระรี่ไปกับนักลงทุนแต่อย่างใด เนื่องจากหุ้นที่ขึ้นแรงในวานนี้ วันนี้อาจปรับตัวลงแรงก็ได้ ใครจะไปรู้ใช่ม๊า...อิอิอิ
*โดยเฉพาะในรายของ PTT พุ่งกระฉูดขึ้นมาปิดที่ระดับ 270 บาท บวกไป 12บาท พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 3 พันล้านบาท ถือเป็นการกลับทิศทางจากการพักฐานเป็นขาขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบ และมีแนวโน้มจะไต่ระดับขึ้นไปอีกเรื่อยๆ...ครั้นมาเจอข่าวการยื่นถอดถอนหุ้นออกจากตลาดที่กำลังจะตัดสินในเร็วๆ นี้ ทำให้ "โมนิก้า" ต้องกลับลำเป็นการด่วน และแนะให้หาจังหวะเทขายหุ้นทำกำไรเป็นการด่วนเลยทีเดียว
*สำหรับหุ้นกลุ่มพลังงานตัวอื่นๆ "โมนิก้า" ก็ยังยืนยันให้นักลงทุนเทขายหุ้นทำกำไรเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นในรายของ PTTEP TOP RRC และ BANPU ล้วนเข้าเขตซื้อมากเกินไปทั้งนั้น จึงไม่มีความจำเป็นต้องเข้าไปไล่ราคาต่อ เพราะหุ้นต้องอ่อนตัวลงมาก่อน ถึงจะเทคตัวขึ้นไปทำ new high ได้นะจ๊ะ
*เช่นเดียวกับในรายของปูนใหญ่ SCC หากวิ่งขึ้นมาปิดถึงระดับ 260 บาทได้สำเร็จจริงเหมือนกับที่พูดกันก่อนหน้านี้ และเป็นการทำราคาสูงสุดในรอบ 2 ปี "โมนิก้า"ก็ไม่แนะนำให้ไล่ซื้ออยู่ดี เพราะมันเห็นกันอยู่ทนโท่ว่า ราคาหุ้นระดับดังกล่าวค่อนข้างร้อนแรงเกินความเหมาะสม...
*งานนี้จึงขึ้นอยู่กับว่า ใครจะบ้าดีเดือดไล่ราคาหุ้นจนไม่ลืมหูตาก็เชิญตามสบาย ส่วนเดี๊ยนและทีมงานขอหลบเข้าข้างทางจิบกาแฟร้อนๆ สักถ้วยให้ชื่นใจก็แล้วกันเจ้าค่ะ
*อ่อนแรงสุดๆ เห็นจะเป็นหุ้นในกลุ่มปิโตรเคมี เพราะชาวบ้านชาวเมืองวิ่งกันไปถึงไหนต่อไหน แต่หุ้นกลุ่มนี้กลับย่ำอยู่ที่ฐานแนวรับหน้าตาเฉย และเมื่อสอบถามความคิดเห็นของกูรูสำนักต่างๆ ก็ได้ใจความว่า ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมากแล้ว เลยโยกเงินไปไล่หุ้นตัวอื่นเป็นการทดแทนเจ้าค่ะ
*ร้อนแรงไม่เลิกต้องยกให้ KEST เพราะราคาหุ้นปรับตัวขึ้นติดต่อกันมาไม่ต่ำกว่า5 วัน รวมเบ็ดเสร็จขึ้นไปเกือบ 40% จะไม่ให้เดี๊ยนบอกว่าร้อนแรงสุดๆ ได้อย่างไรกัน...ในเมื่อราคาสูงสุดครั้งก่อนที่ไต่ระดับขึ้นไปได้อยู่บริเวณ 26 บาทโน้น แต่วานนี้ราคาหุ้นเพิ่งวิ่งขึ้นมาปิดที่ 23.70 บาท บวกไป 1.80 บาท ก็เลยมีแก๊ปให้หุ้นวิ่งต่อนะซี
*ส่วนหุ้นหลักทรัพย์ตัวอื่นๆ แม้ไม่โดดเด่นจนขึ้นมาติดในกระดาน Most Activeแต่เมื่อสำรวจราคาหุ้นแต่ละตัวในกลุ่มนี้ บอกได้คำเดียวว่า แจ๋มแจวไม่แพ้กันเลย แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า คนไหนชอบตัวไหนมากกว่ากันก็เท่านั้นเอง
*ทางด้านหุ้นกลุ่มแบงก์ที่เห็นแตกขบวนลบบ้าง บวกบ้าง คือเครื่องยืนยันที่บอกว่าราคาหุ้นเข้าเขตซื้อมากเกินไป ถึงมีแรงเทขายทำกำไรออกมาเป็นจำนวนมาก จนฉุดหุ้นบางตัวปิดลบ และบางตัวขยับไปต่อไม่ไหว เดี๊ยนจึงไม่ต้องแสดงความคิดเห็นอะไรมากมายเพราะของมันเห็นกันชัดๆ อยู่แล้ว
*ตบท้ายกับที่หุ้นกลุ่มอสังหาฯ สลับคิวกันขึ้นมาติดในกระดาน Most Activeท่ามกลางวอลุ่มหนาแน่น ถือเป็นเรื่องที่ดีมากๆ เพราะเป็นการสลัดภาพหุ้นขาลงได้อย่างเด็ดขาด แถมแต่ละตัวมีข่าวดีรองรับการทะยานขึ้นแตกต่างกันไปแบบนี้ คงขึ้นอยู่กับว่าใครชอบหุ้นตัวไหนก็เท่านั้นเอง
:lol:
|