May 6, 2024   2:10:48 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ
 

thaihoon
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 14,583
วันที่: 04/06/2007 @ 12:19:12
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET Index วันศุกร์ที่ 1 มิถุนายน 2550 ปิดที่ดัชนี 753.93จุด +16.53จุด มูลค่าการซื้อขาย 40,378 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 8,141.22 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 92.35 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 8,048.88 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ดัชนี 754.76 จุด +17.36จุด และ Low ที่ดัชนี 741.28 จุด +3.88จุด เริ่มต้นเดือนใหม่กันด้วยสีเขียวสดใสหลังคดียุบพรรคเสร็จสิ้นแม้จะยุบหายไปพรรคการเมืองหนึ่งแต่ก็ทำให้ภาพของการเมืองเริ่มมีความชัดเจนขึ้นซึ่งกำลังที่จะเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่ได้ในไม่ช้านี้บวกกับปัจจัยบวกนอกบ้านที่ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ต่างปรับตัวขึ้น อีกทั้งราคาน้ำมันก็ดีดตัวสูงขึ้นอีกด้วยยิ่งหนุนให้หุ้นกลุ่มพลังงานมีแรงซื้อเข้ามามากอย่างต่อเนื่อง ยิ่งหุ้นกลุ่มธนาคารที่ที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นน้อยกว่ากลุ่มพลังงานก็ได้ฤกษ์กลับมาวิ่งกระฉูดได้อีกครั้ง
รวมถึงหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์หลังจากที่ห่อเหี่ยวมานานงานนี้ได้อานิสงค์แบบรับกันไปเต็ม ๆ ด้วยมูลค่าการซื้อขายรวมกว่า 4 หมื่นล้านบาท ทำให้ SET Index วันแรกของเดือนใหม่ New High ในรอบปีเศษ (ตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมปีก่อน) ด้านแนวโน้มตลาดสัปดาห์นี้ K.KRAZIP คาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลเข้าอย่างต่อเนื่องซึ่งจะทำให้ดัชนีปรับตัวขึ้นได้ต่อไปอีก แต่อย่างไรก็ตาม SET ก็อาจจะมีการพักฐานบ้างในระยะเวลาสั้นๆ ควรรอซื้อตอนย่อลงมา ซึ่งSET อาจอ่อนตัวลงมาปรับฐานก่อนจะทะยานขึ้นอีกครั้งไปทดสอบแถว ๆ แนวต้านที่ 780 จุด

BANPU
ราคาเปิด 230 บาท ราคาปิด 236 บาท มูลค่าการซื้อขาย 944.06 ล้านบาท การที่ราคาหุ้น BANPU ปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มพลังงานที่มีแรงซื้อเข้ามาอย่างหนาแน่น หลังจากสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย ประกอบกับราคาถ่านหินปรับตัวสูงขึ้น ในขณะเดียวกันประเมินว่าราคาถ่านหินยังแข็งแกร่ง จากความต้องการใช้ในประเทศจีนที่เพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการใช้ภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจโรงไฟฟ้าถ่านหินที่มีอัตราการขยายตัวที่สูงขึ้นมากตามทิศทางของการขยายตัวทางเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมถึงการขยายตัวในประเทศอินเดีย สำหรับการเข้าประมูลโรงไฟฟ้าใน IPP รอบใหม่ของ RATCH ซึ่งถือหุ้นในสัดส่วน 15% ซึ่งหาก RATCH ชนะการประมูลโรงไฟฟ้าได้ทุกๆ 700 เมกะวัตต์ จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ BANPU อีก 6 บาทต่อหุ้น ตามสัดส่วนการลงทุนและโครงการโรงไฟฟ้าหงษ์สาในประเทศลาว ขนาดกำลังการผลิต 1,800 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ BANPU ได้อีก 18 บาทต่อหุ้น ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวรับที่ 228 บาท แนวต้าน 248 บาท

EMC
ราคาเปิด 3.38 บาท ราคาปิด 3.30 บาท มูลค่าการซื้อขาย 129.64 ล้านบาท ข่าวดีสำหรับหุ้นEMC หลังจากที่ได้รับงานก่อสร้าง 2 โครงการมูลค่ารวม 209.35 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการ THE LINK สุขุมวิท 50 มูลค่า 150 ล้านบาท โครงการ เทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส จำนวน 50 สาขา มูลค่า 58.85 ล้านบาท ผู้บริหารของ BBLกล่าวว่าถึงการขายหุ้น EMC ออกไปแล้ว 5% และเหลือสัดส่วนอยู่ที่กว่า 9% และยังไม่มีนโยบายจะรีบขายหุ้นที่เหลืออยู่ออกไปอีก เพราะมองว่า EMCยังสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางธุรกิจให้กับธนาคารได้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้บริการสินเชื่อ ซึ่งจะทำให้ธนาคารมีรายได้จากดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม ซึ่งจะส่งผลดีต่อแบงก์ในอนาคต แสดงว่าEMC ยังมีงานเข้ามาเรื่อยๆ ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวรับที่ 3.26 บาท แนวต้าน3.50 บาท

PLE
ราคาเปิด 6.85 บาท ราคาปิด 7 บาท มูลค่าการซื้อขาย 83.12 ล้านบาท แม้ผลประกอบการ Q1/50 จะไม่โดดเด่นนักเนื่องจากหลายโครงการเพิ่งเริ่มเข้าพื้นที่ก่อสร้างทำให้ค่าใช้จ่ายสำหรับเตรียมงานสูงขึ้น แต่ก็คาดว่า PLE จะมีผลประกอบการกลับมาดีขึ้นในช่วง 2H50 เนื่องจากหลายโครงการเริ่มรับรู้รายได้ และปีนี้รายการพิเศษจากการตั้งสำรองหนี้น่าจะลดลง ขณะที่หนี้เก่าเริ่มได้รับคืนบางส่วน ซึ่งคาดว่ากำไรสุทธิปี2550จะอยู่ที่ประมาณ 445 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 268% YoY ในปัจจุบัน PLE มี Backlog 2.75หมื่นล้านบาท แต่การชะลอตัวของงานก่อสร้างในประเทศ PLE เน้นรับงานก่อสร้างในต่างประเทศมากขึ้นโดยเฉพาะในตะวันออกกลางที่มีงานก่อสร้างจำนวนมาก และ PLE มีประสบการณ์หลังได้รับงานก่อสร้างโครงการใหญ่อย่างปาล์มลากูน่ามูลค่ากว่า 11,000 ล้านบาท คาดว่ารายได้ของปีนี้ประมาณ 10,780 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 39%YoY K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" โดยมีแนวรับที่ 6.80 บาท แนวต้าน 7.40 บาท

PREB
ราคาเปิด 1.72 บาท ราคาปิด 1.74 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1.85 ล้านบาท ผู้บริหารเปิดเผยการร่วมลงนามกับบริษัท พี. ซี. แลนด์ จำกัด เพื่อรับงานก่อสร้างอาคารพาณิชย์พร้อมที่จอดรถยนตร์ของโครงการ Complex Mall ขนาด 5 ชั้น ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 13 เดือน มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท จะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2 เป็นต้นไป ปัจจุบันมี Backlog ในมือประมาณ 1,400 ล้านบาท และจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 80%
และในปีนี้คาดว่าจะได้รับงานเพิ่มอีก 500 ล้านบาท ซึ่งจุดเด่นของPREBอยู่ที่สามารถทำงานที่ยากๆได้ อีกทั้งสามารถ Design ได้เองและนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วย สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในปีนี้นอกจากกลุ่มเดิมแล้ว โรงงานและอาคารศูนย์การค้า ซึ่งยังเปิดกว้างและมีโอกาสที่จะได้รับงานเพิ่มขึ้น จากที่ต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาไม่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากสามารถปรับราคารับเหมาขึ้นได้ตามความเป็นจริง ทำให้ไม่ต้องแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น สำหรับผลการดำเนินในปี2550 คาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 2,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปี2549 ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวรับที่ 1.70 บาท แนวต้าน 1.85 บาท

ที่มา ทันหุ้น[/color:e4fc8cfc9f">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com