May 5, 2024   6:16:24 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > 5 อันดับหุ้นทะยานแรงสุดในเดือนพฤษภาคม
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 04/06/2007 @ 09:55:20
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

แม้ว่านักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างชาติจะสนใจลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มSET 50 กันอย่างคึกคัก แต่ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นกลุ่มนี้ปรับขึ้นน้อยมากเมื่อเทียบกับหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก เนื่องจากตลาดหุ้นตกอยู่ภายใต้แรงกดดันทางการเมือง ดอกเบี้ย และราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนกลุ่มต่างๆ เลือกลงทุนในลักษณะเล่นเก็งกำไรสั้นๆ กันเป้นส่วนใหญ่

"ข่าวหุ้นธุรกิจ" จึงได้สำรวจความเคลื่อนไหวราคาหุ้น SET50 ในรอบ เดือนระหว่างวันที่( 30 เม.ย. 50 - 31 พ.ค. 2550) พบว่ามีหุ้นที่ปรับราคาเพิ่มขึ้นถึง 35ตัว ลดลง 13 ตัว และไม่เปลี่ยนแปลง 2 ตัว

ทั้งนี้ หุ้นที่มีอัตราการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นสูงสุดในช่วง 1 เดือน คือ CP7-11หรือ บริษัท ซี.พี.เซเว่นอีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน) ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 35.14 % หรือบวกไป 2.60 มาอยู่ที่ 10 บาท จากเดิม 7.40 บาท

ราคาหุ้น CP7-11 เป็นขาขึ้นอย่างร้อนแรงเกิดจากตัวเลขผลประกอบการไตรมาส1 ประจำปี 2550 ทำกำไรได้เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น รวมทั้งมีข่าวเกี่ยวกับการจำหน่ายธุรกิจซุปเปอร์เซ็นเตอร์ในต่างประเทศของบริษัทและบริษัทย่อยของบริษัท โดยอนุมัติให้ CP7-11และ Lotus Distribution Investment Limited (LDI) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของCP7-11

โดยจำหน่ายสินทรัพย์ทั้งหมดใน Shanghai Lotus Supermarket Chain StoreCo., Ltd. (SLS) รวมเรียกว่า "สินทรัพย์ใน SLS" ซึ่งประกอบด้วย (1) สินทรัพย์ที่เป็นส่วนทุน (ส่วนทุนจำนวนร้อยละ 1 ซึ่งถือ โดยตรงโดย CP7-11 และอีกจำนวนร้อยละ 54 ซึ่ง CP7-11 ถือโดยทางอ้อมผ่าน LDI) และ (2) ส่วนของหนี้สินใน SLSที่ CP7-11 และ LDI ลงทุนผ่าน Yangtze Supermarket Investment Co., Ltd.(YSI) (YSI เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจโดยการลงทุนในบริษัทอื่น (Holding Company))ให้แก่ Chia Tai Enterprises International Limited (CTEI) ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 3.91 พันล้านบาท

อันดับ 2 TRUE หรือ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 29.60% หรือบวกไป 1.85 บาท มาที่ระดับ 8.10 บาท จากเดิมอยู่ที่ 6.25บาท เป็นผลมาจากการเข้ามาเล่นเก็งกำไรเรื่องสัญญาสัมปทานที่คาดว่าบริษัทจะได้รับผลดีหากมีการจัดการแกไขสัญญาสัมปทาน

ประกอบกับพื้นฐานเดิมของหุ้นค่อนไปในทางหุ้นเก็งกำไรตามภาวะ และตามข่าวต่างๆที่เข่มากระทบกับตัวบริษัท ส่งผลให้ช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาหุ้นตัวนี้ได้รับความนิยมเล่นเก็งกำไรกันกันอย่างคักคัก จนราคาหุ้นปรับตัวขึ้นเกินพื้นฐานของบริษัทเป็นย่างมาก

อันดับ 3 DELTA บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 20.65% หรือปรับตัวขึ้น 3.20 บาท มาที่ระดับ 18.70 บาท จากเดิมอยู่ที่ 15.50 บาท โดยราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นตามผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่อง โดยไตรมาส 1 ปี 2550 สามารถทำกำไรได้เป็นจำนวน 808.68 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 451.87 ล้าน

หากสังเกตให้ดีจะพบว่า หุ้นตัวนี้มักปรับตัวขึ้นแรงทุกครั้งที่นักลงทุนต่างชาติหวนกลับเข้ามาลงทุน รวมทั้งข่าวผลประกอบที่ออกมาดีก็เป็นแรงจูงใจให้กองทุนต่างๆ เข้ามาไล่เก็บหุ้นอีกครั้ง หลังจากเทขายหุ้นตัดความเสี่ยงออกไปเป็นจำนวนมาก

อันดับ 4 MCOT หรือ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ราคาเพิ่มขึ้น 19.27% หรือปรับตัวขึ้น 5.25 บาท มาที่ 32.50 บาท จากเดิมอยู่ที่ 27.25 บาท โดยสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงขึ้นในกลุ่มผู้นำมาหลายไตรมาส น่าเป็นผลมาจากราคาหุ้นก่อนหน้านี้ปรับตัวลงมาค่อนข้างแรงจากแรงกดดันทางการเมือง แต่พอแรงกดดันเรื่องกล่าวคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น แรงซื้อก็ไหลกลับเข้ามาเป็นจำนวนมาก

อันดับ 5 ADVANC หรือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 19.21% หรือเพิ่มขึ้น 14.50 บาท ก่อนจะมาปิดที่ 90 บาท จากเดิมอยู่ที่ 75.50บาท เป็นผลมาจากราคาหุ้นก่อนหน้านี้ปรับตัวลงตามภาวะการลงทุนที่ผันผวน และข่าวเรื่องสัญญาสัมปทานที่คลุมเครือ แต่เมื่อภาวการณ์ลงทุนมีความชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ นักลงทุนจึงหวนกลับเข้ามาไล่ซื้อหุ้นกันอย่างคึกคัก

หากสังเกตให้ดีจะพบว่า กลุ่มหุ้นใน SET 50 มีการความผันผวนทางด้านราคาค่อนน้อย และที่ผ่านมาก็ไม่เคยติดอันดับหุ้นที่ปรับตัวลงมากที่สุด จึงเป็นกลุ่มหุ้นที่น่าเข้าลงทุนมากสุดตามความคิดของนักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนสถาบัน

โดยเฉพาะบรรยากาศการลงทุนที่กลับมาคึกคักช่วงนี้ SET 50 ถือเป็นกลุ่มหุ้นที่นักลงทุนควรมีติดพอร์ตไว้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะผลตอบแทนที่ได้รับค่อนข้างคุ้มค่ากับการลงทุนนั่นเอง






[/color:6082465164">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com