kaisel สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 3,380 | วันที่: 04/06/2007 @ 09:52:22 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต จับตาหุ้นการเมืองเกี่ยวพันพรรคไทยรักไทยพบบริษัทจดทะเบียนที่โยงใยกันอยู่ไม่ต่ำกว่า 40 บริษัท ด้านโบรกเกอร์ยอมรับช่วงการเมืองรุ่งอาจได้รับการสนับสนุนทางด้านธุรกิจ แต่พอถึงคราวซบ ต้องวัดกันที่พื้นฐานของตัวบริษัท มั่นใจหลายบริษัทโตด้วยตัวเอง ที่ไม่ใช่การเมือง
นายกรณ์ จาติกวณิช รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในช่วงรัฐบาลทักษิณผู้ที่มีโอกาสเข้าถึงกลุ่มการเมืองเท่านั้นจึงจะประสบความสำเร็จทางธุรกิจ โดยจะได้เปรียบจากการที่มีโอกาสรับรู้นโยบายการเมืองก่อนบริษัทที่ไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มการเมือง แต่จากนี้ไปบริษัทจดทะเบียนรายใดเคยพึ่งพาอำนาจการเมืองในยุครัฐบาลทักษิณ จะมีโอกาสทำกำไรได้น้อยลง
"ที่ผ่านมามีหลายบริษัทที่ต้องพึ่งพาอำนาจทางการเมืองหรืออยู่รอดได้เพราะความได้เปรียบจากการใกล้ชิดอำนาจทางการเมืองควรจะลดลง โอกาสหุ้นจะขึ้นด้วยเหตุนี้คงจะลดลงด้วย"
นายกรณ์ กล่าวว่า แนวคิดภาคเอกชนอาศัยกลุ่มการเมืองเติบโตนั้นทำให้เกิดการแข่งขันไม่ยุติธรรม ปิดกั้นโอกาสบริษัทที่ไม่มีเส้นสายทางการเมือง หากปล่อยไปจะทำให้เศรษฐกิจและภาคเอกเชนโดยรวมของไทยอ่อนแอ ไม่สามารถแข่งขันระดับต่างประเทศได้เพราะไม่เกิดการแข่งขันแท้จริงในประเทศ
แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์ กล่าวว่า ภายหลังจากที่ตุลาการรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งตัดสินให้ยุบพรรคไทยรักไทย เมื่อคืนวันที่ 30 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ทำให้หลายฝ่ายจับตาหุ้นที่เป็นของอดีตกลุ่มนักการเมืองพรรคไทยรักไทย
โดยเฉพาะบริษัทจดทะเบียนต่างๆ ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯว่าจะสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้หรือไม่นั้น ถือเป็นเรื่องที่น่าวิตกกังวลในระดับหนึ่ง
เนื่องจากที่ผ่านมามีหลายๆ บริษัท ที่อาศัยความเป็นนักการเมืองในการเอื้อประโยชน์ทางธุรกิจให้กับบริษัทของตนเอง ซึ่งสิ่งที่จะหายไปพร้อมกับการยุบพรรคครั้งนี้ คงไม่พ้นอำนาจต่อรองในเชิงธุรกิจที่เคยมีอยู่ รวมถึงการสนับสนุนในเรื่องของผลประโยชน์ต่างๆ ที่เคยเป็นความได้เปรียบทางธุรกิจจะหายไป ซึ่งสิ่งนี้จะเรียกว่าเป็นผลทางความรู้สึกทางจิตวิทยาก็ได้แต่ทั้งนี้บางประเด็นก็ถือเป็นเรื่องจริงด้วยเช่นกัน
"ผมจะไม่ขอฟันธงไปเลยว่าผลดังกล่าวจะทำให้ธุรกิจของบริษัทจดทะเบียนที่มีผู้บริหารหรือเจ้าของเป็นอดีตนักการเมืองที่เพิ่งถูกยุบพรรคไป ว่าจะเสียหายทุกบริษัท เพราะบางบริษัทก็สามารถที่จะเติบโตได้ด้วยตัวเอง การจะเหมารวมว่าบริษัทจะเสียหายจากการเมืองคงจะมีเพียงบางส่วนเท่านั้น"
ทั้งนี้หุ้นของกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการเมืองได้ปรับตัวลดลงมาตั้งแต่ช่วงมีปฏิวัติวันที่ 19กันยายน 2549 ที่ผ่านมา ซึ่งราคาหุ้นได้รับตัวลงไปเรียบร้อยแล้ว โดยตอนนี้ก็อยู่ที่ระดับราคาพื้นฐานแล้วเป็นส่วนใหญ่ จากนี้ไปคงต้องจับตาดูว่าบริษัทจดทะเบียนเหล่านี้จะสามารถอยู่รอดได้หรือไม่ ถ้าไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง
แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์อีกรายกล่าวว่า หุ้นกลุ่มที่น่าจับตามองที่สุดคงไม่พ้นหุ้นกลุ่มชินเพราะมีโอกาสที่จะถูกเช็กบิลในเรื่องของการแก้กฎหมายเพื่อเอื้อธุรกิจ รวมถึงเกณฑ์การถือหุ้นของนักลงทุนต่างชาติในธุรกิจที่อาจจะมีผลต่อความมั่นคงของชาติ โดยเฉพาะธุรกิจสื่อสารซึ่งเรื่องเหล่านี้ถือเป็นประเด็นเก่าที่ยังไม่มีผลสรุปออกมา เพราะอยู่ระหว่างการตรวจสอบของคตส. และศาล
"ยังมีหุ้นอีกหลายตัวที่ต้องรอการตรวจสอบอย่างกรณีของสนามบินสุวรรณภูมิ ที่ITD รับงานก่อสร้าง หรือแม้กระทั่ง STEC ที่ได้รับงานแอร์พอร์ทเรียลลิงค์ ก็ถือว่าน่าจับตามองเชื่อกัน"
[/color:cf6f86b8e3">
|