May 5, 2024   7:00:03 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 01/06/50
 

??????
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
วันที่: 01/06/2007 @ 11:26:54
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

แกว่งตัวผันผวน ขึ้นขาย รอซื้อ 720 จุด
โดดเด่นเหนือตลาดหุ้นภูมิภาค ขานรับเชิงบวกกรณียุบพรรค
SET ขานรับแนวโน้มเชิงบวกต่อผลคำตัดสินของตุลาการรัฐธรรมนูญ
ซึ่งลากยาวถึงกว่า 10 ชั่วโมง หลังเริ่มอ่านคำพิพากษา ก็มีแรงซื้อต่อเนื่อง
ดันดัชนีขึ้นไปแตะระดับสูงสุดของวันที่ 739 จุด ก่อนจะมีการเทขายทำกำไร
แต่ท้ายที่สุด SET ก็สามารถปิดเพิ่มขึ้น 9.61 จุด ที่ 737.40 จุด
( เป็นครั้งแรกที่ปิดเหนือดัชนีก่อนประกาศมาตรการกันสำรอง 30% )
สวนทางตลาดหุ้นในภูมิภาค ที่ต่างปรับตัวลง
(ยกเว้นตลาดหุ้นเกาหลี) กังวลผลกระทบจากการเก็บค่าธรรมเนียมสำหรับการซื้อขายหุ้นของจีน
นักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบันในประเทศผนึกกำลังซื้อสุทธิรวมกันกว่า 1.59 พันล้านบาท

แกว่งตัวผันผวน อาจมีแรงขายท้ายตลาด รอดูความเคลื่อนไหวช่วงสุดสัปดาห์
การเคลื่อนไหวของดัชนีวันนี้ มีแนวโน้มแกว่งตัวผันผวน
อันเป็นผลจากความเห็นที่แตกต่างต่อกรณีความชัดเจนของผลการตัดสินในภาพรวม
และกรณีผลการตัดสิน ซึ่งยุบทุกพรรค ยกเว้นพรรคประชาธิปัตย์
พร้อมเพิกถอนสิทธิทางการเมืองคณะกรรมการบริหารพรรค
ทำให้ยังไม่อาจตัดประเด็นความวุ่นวายทางการเมือง ในเรื่องคลื่นใต้น้ำ และการเคลื่อนไหวชุมนุม
โดยเฉพาะกลุ่ม PTV ซึ่งอาจพัฒนาการทางลบจนเกิดความรุนแรงได้ จึงมีความเป็นไปได้ที่อาจมีการขายทำกำไร
หลังดัชนีปรับขึ้นมารับข่าวคดียุบพรรคแล้วกว่า 2.5% ในช่วงระยะเวลา 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี เรามองว่า การเลือกตั้งปลายปีนี้ยังมีความเป็นไปได้
ดัชนีช่วงก่อนการปรับขึ้น บริเวณ 720 จุด น่าจะเป็นจุดรับที่เหมาะสำหรับการสะสมหุ้นอีกครั้ง
แต่กรอบการปรับขึ้นจะจำกัด (ไม่เกิน 750 จุด) เพราะถูกกดดันจากการเคลื่อนไหวทางการเมือง
ซึ่งอาจเชื่อมโยงไปถึงการผ่านประชามติรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วย

กลยุทธ์การลงทุนระยะนี้ ทยอยขายทำกำไร แล้วรอสะสมเมื่อดัชนีอ่อนตัวแถว 720 จุด
พอร์ตการลงทุน ยังเน้นหุ้นที่อิงกับการบริโภคในประเทศ
แต่เน้นหุ้นที่มีความปลอดภัย ( defensive) มากขึ้น
อาทิ กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP, GLOW) กลุ่มพาณิชย์ (HMPRO, CP7-11)

คำวินิจฉัยละเอียด ครอบคลุมทุกประเด็น
ตุลาการรัฐธรรมนูญใช้เวลากว่า 10 ชั่วโมงในการอ่านคำพิพากษาคดียุบพรรคการเมือง 5 พรรค
ซึ่งเนื้อหาครอบคลุมและมีความชัดเจนในทุกประเด็นที่อาจนำไปสู่ข้อโต้แย้งในภายหลังได้
ตั้งแต่อำนาจในการพิจารณาพิพากษาคดี รวมไปถึงประเด็นการเพิกถอนสิทธิทางการเมือง

ยกคำร้องพรรคประชาธิปัตย์ทุกข้อกล่าวหา
ตุลาการรัฐธรรมนูญยกคำร้องทุกข้อกล่าวหาของพรรคประชาธิปัตย์
ทั้งการใส่ร้ายพรรคไทยรักไทย และขัดขวางการลงสมัครรับเลือกตั้ง
ในขณะที่พรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า ซึ่งออกหนังสือรับรองการเป็นสมาชิกพรรคอันเป็นเท็จ
ถือเป็นการกระทำผิด พรบ. เลือกตั้ง มาตรา 66
จึงมีคำสั่งให้ยุบพรรค และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคเป็นเวลา 9 ปี

 กลับขึ้นบน
จันทรา
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 1,898
#1 วันที่: 01/06/2007 @ 11:39:39 :
ยุบพรรคไทยรักไทย และเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค 5 ปี

ตุลาการรัฐธรรมนูญทั้ง 9 ท่าน ยังมีความเห็นพ้องกัน
กรณีความร่วมมือของ รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย
(พล.อ. ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา และนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล)
กับพรรคพัฒนาชาติไทย และเจ้าหน้าที่ฝ่ายคอมพิวเตอร์ คณะกรรมการการเลือกตั้ง
ในการแก้ไขฐานข้อมูลสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทย เพื่อให้มีคุณสมบัติสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้
อีกทั้งยังมีการจ่ายเงินให้พรรคเล็กไปลงสมัคร เพื่อหลีกเลี่ยงเกณฑ์ 20%
โดยเป็นการกระทำเพื่อผลประโยชน์ของพรรคไทยรักไทย
จึงเชื่อได้ว่าน่าจะได้รับความเห็นชอบจากกรรมการบริหารพรรค
จึงมีมติให้ยุบพรรคไทยรักไทย พรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทย
พร้อมเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคทั้ง 3 พรรค เป็นเวลา 5 ปีนับตั้งแต่วันที่มีคำสั่ง

เรามีความเห็นว่า ความละเอียดของคำวินิจฉัย น่าจะช่วยลดข้อโต้แย้งเรื่องข้อเท็จจริงของคดีได้มาก
ดังจะเห็นได้จากผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชน
ของทั้งสวนดุสิตโพล และศูนย์วิจัยเอแบคโพลก็เป็นในทางบวก
แต่อาจมีข้อโต้แย้งการวินิจฉัยที่เพิกถอนสิทธิทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรค
โดยให้มีผลย้อนหลัง ตามประกาศ คปค. ฉบับที่ 27
(ตุลาการรัฐธรรมนูญเองก็มีการถกเถียงประเด็นนี้
ดังจะเห็นได้จากการที่ ตุลาการ 3 ใน 9 ท่าน ไม่เห็นด้วยเป็นเป็นเอกฉันท์เหมือนกับการพิจารณาความผิด)
ซึ่งอาจจะเป็นชนวนในการเรียกร้องเพื่อทวงสิทธิ
ทั้งในแง่ของการอุทธรณ์ทางกฎหมาย หรือไม่เป็นทางการ
ในรูปของการกลับมารวมตัวของกลุ่มก้อนที่แตกออกไป
เพื่อกดดัน คมช. และรัฐบาล หรือการเคลื่อนไหวชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมต่างๆ
ซึ่งอาจพัฒนาการไปสู่ความขัดแย้งครั้งใหม่ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้

อุปสงค์ในประเทศเริ่ม ผงกหัว
ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในเดือน เม.ย. 50 ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อน
โดยได้แรงหนุนจากการขยายตัวของรายได้เกษตรกร (+29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน)
และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่เร่งตัวขึ้น 6.7% เทียบกับ 3.9% ในเดือนก่อนหน้า
ด้วยแรงหนุนของภาคการส่งออก นอกจากนี้ เครื่องชี้อุปสงค์
ทั้งดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน และดัชนีการลงทุนภาคเอกชน ยังมีสัญญาณบวก
แม้จะยังปรับลดลง 0.4% และ 2.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
แต่ลดระดับลงจาก 1.4% และ 3.9% ในเดือนก่อนหน้า

แต่ที่ผิดความคาดหมายเล็กน้อยคงจะเป็นดุลการค้า
ที่พลิกขาดดุลเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน จำนวน 97 ล้านดอลลาร์
เนื่องจาก ธปท. รวมมูลค่าการนำเข้าเครื่องบิน 2 ลำมูลค่า 215 ล้านดอลลาร์เข้าไว้
หากไม่นับรวม ก็จะเกินดุลการค้าอยู่ราว 118 ล้านดอลลาร์
แต่มีแนวโน้มว่าเกินดุลการค้าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว
ช่วยลดแรงกดดันการแข็งค่าของเงินบาทได้ในระดับหนึ่ง

ล่าสุดเงินบาทซื้อขายที่ระดับ 34.62 บาท/ดอลลาร์
ดุลบริการเดือน เม.ย. 50 ยังเกินดุล 141 ล้านดอลลาร์
แต่เมื่อหักกลบกับการส่งกลับกำไรและเงินปันผลของภาคเอกชน
ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลเหลือเพียง 44 ล้านดอลลาร์

เศรษฐกิจสหรัฐไตรมาส 1/50 ชะลอตัวมากกว่าคาด
กระทรวงพาณิชย์ สหรัฐอเมริกา เปิดเผยคาดการณ์อัตราการเติบโตเศรษฐกิจ
ไตรมาส 1/50 เหลือเพียง 0.6% เทียบกับไตรมาสก่อน ลดจากคาดการณ์ 1.3% ครั้งก่อน
และเป็นระดับต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 0.8%
(เศรษฐกิจสหรัฐเติบโต 1.9% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 2/46)
อย่างไรก็ดี ตัวเลขการผลิตที่แข็งแกร่ง (Chicago PMI เพิ่มจาก 52.9 ในเดือน เม.ย. เป็น 61.7)
การใช้จ่ายภาคก่อสร้างที่ยังเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือน เม.ย.
และตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสัปดาห์ล่าสุดลดลงเหลือ 310,000 คน
เทียบกับ 314,000 คนในสัปดาห์ก่อนหน้า ช่วยชดเชยความเสี่ยงการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
เมื่อผนวกกับรายงานประชุมเดือนล่าสุดของเฟด
ที่ยังคงมีความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ มากกว่าการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์
ช่วยเพิ่มความคาดหวังที่เฟดจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไปปลายเดือน มิ.ย. 50



** บล.ซีมิโก้ **
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com