May 17, 2024   12:53:47 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นเด่น......เล่นสั้น
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 18/05/2007 @ 09:35:20
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET

ช่วงสองวันที่ผ่านมาดัชนีสามารถดีดตัวยืนเหนือ Down Trend Line บริเวณ 720 จุด ขณะเดียวกับที่เกิดสัญญาณซื้อทั้ง RSI และ MACD องค์ประกอบเหล่านี้แสดงถึงทิศทางเชิงบวกในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ณ ระดับปัจจุบันเป็น gap ที่เปิดไว้ช่วง 725-730 จุด อาจจะมีความผันผวนมากทั้งนี้การปรับฐานใดๆ จะเป็นการปรับลงเพื่อดีดขึ้นต่อโดยเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันที่ขณะนี้เคลื่อนตัวผ่าน 715 จุด จะทำหน้าที่แนวรับหลัก

มุมมองระยะกลาง - MAJOR
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
MAJOR เข้าสู่การปรับฐานระยะกลางเมื่อ ธ.ค. 49 โดยปรับลงจาก 17.30 บาท ถึงบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์ ที่ 14.00 บาท หลังจากสร้างฐานนานกว่าสามเดือน ราคาได้ดีดตัวอีกครั้ง โดยสามารถฝ่า Down Trend Line พร้อมด้วยสัญญาณซื้อจาก RSI จึงสันนิษฐานได้ว่าหุ้นกำลังเข้าสู่ขาขึ้นครั้งใหม่ โดยมีเป้าหมายสำคัญของการทดสอบคือจุดสูงสุดที่ 21.00 บาท

หุ้นเด่น เล่นสั้น - BSEC
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
จากกราฟรายวัน ราคามี Continuation pattern กลับตัวขึ้นอย่างชัดเจน และยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน นอกจากนั้น ในกราฟรายวันยังมีสัญญาณซื้อจาก RSI & Stochastic ดังนั้น ในระยะสั้นราคาทดสอบแนวต้านบริเวณdead cross ที่ 2.90-3.00 บาท และเป็น บริเวณ Fibonacci @ 261.8 อีกด้วย จึงแนะนำ ?ซื้อ? โดยให้แนวรับที่ 2.50-2.60 บาท สำหรับจุด Stop loss อยู่ที่ 2.40 บาท เมื่อหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน

หุ้นเด่น เล่นสั้น - SATTEL
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ

พิจารณาจากกราฟรายวันมี Golden Cross เกิดขึ้น พร้อมกับรูปแบบ Continuation pattern กลับตัวขึ้นอย่างชัดเจน และยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน นอกจากนั้นยังมีสัญญาณซื้อจาก RSI & Stochastic ดังนั้น มีโอกาสที่หุ้นจะขึ้นไปทดสอบกรอบแนวต้านบริเวณยอดที่ใกล้ในรอบที่ผ่านมาอยู่ในช่วง 8.50-8.80 บาท จึงแนะนำ ?ซื้อ? โดยให้ แนวรับที่ 7.40-7.70 บาท สำหรับจุด Stop loss อยู่ที่ 7.30 บาท เมื่อหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน



 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 18/05/2007 @ 09:37:13 :
MK : กำไรไตรมาส 1/50 ดีกว่าคาด - ซื้อ

ตลาดหลักทรัพย์ฯ

บริษัทมีกำไรสุทธิไตรมาส 1/50 เท่ากับ 53 ล้านบาท ลดลง 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 75% เมื่อเทียบไตรมาส 4/49

ความเห็นนักวิเคราะห์

กำไรไตรมาส 1/50 ดีกว่าคาดจากค่าใช้จ่ายที่ลดลง
กำไรสุทธิที่ลดลงเป็นผลจากไม่มีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้เช่นในไตรมาส 1/49 หากไม่รวมรายการพิเศษนี้ กำไรปกติเติบโตถึง 79% เป็นผลจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 42% ตามการรับรู้ยอดขายในมือ ขณะที่บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายขายและบริหารลง 17% แม้ว่ารายได้เพิ่มขึ้น หากเทียบไตรมาส 4/49 กำไรจะลดลง 75% ตามยอดรับรู้รายได้จากผลกระทบของฤดูกาลและไม่มีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัทในเครือ

คาดผลประกอบการจะดีขึ้นต่อเนื่องขณะที่ยอดขายจะ ฟื้นตัวเป็นลำดับ ยังแนะนำ "ซื้อ"
จากการรับรู้ยอดขายในมือจำนวน 699 ล้านบาท คาดว่ากำไรไตรมาส 2/50 จะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง แม้อัตราการเติบโตจะไม่โดดเด่นเท่าไตรมาส 1/50 ขณะที่ยอดขายของบริษัทเริ่มแสดงสัญญาณฟื้นตัวในเดือนมี.ค. 50 ซึ่งคาดว่าจะดีขึ้นเป็นลำดับในไตรมาส 2/50 แต่น่าจะชัดเจนในครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะหากการเลือกตั้งมีความชัดเจน ทำให้ความมั่นใจผู้บริโภคดีขึ้น ช่วยให้อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงเริ่มแสดงผล กอปรกับการเปิดโครงการใหม่อีก 3 โครงการ แต่ยอดขายบริษัทจะใช้เวลา 3-8 เดือนในการรับรู้ ทำให้ยอดรับรู้รายได้ปี 50 ยังไม่สะท้อนยอดขายที่ฟื้นตัวนัก เราจึงคาดว่ากำไรปกติจะลดลง 8% เป็น 351 ล้านบาท ก่อนจะฟื้นตัว 14% เป็น 399 ล้านบาทในปี 51 ณ ราคาปัจจุบัน MK ซื้อขายที่ P/E เพียง 6 เท่า ต่ำสุดในธุรกิจที่พักอาศัยใน ZMICO Universe เราจึงยังแนะนำ "ซื้อ" โดยมีราคาพื้นฐาน 2.7 บาท (P/E ปี 50 ที่ 6.5 เท่า และ P/BV 0.5 เท่า) และคาดว่าจะให้ผลตอบแทนเงินปันผล 6.3% ต่อปี

รุ่งรัตน์ สุนทรปกาสิต - No. 3940

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#2 วันที่: 18/05/2007 @ 09:43:43 :
ITD : กำไรไตรมาส 1/50 ฟื้นตัวดีมาก - เก็งกำไร

ตลาดหลักทรัพย์ฯ

บริษัทมีกำไรไตรมาส 1/50 เท่ากับ 277 ล้านบาท เติบโต 36% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และฟื้นตัวอย่างมากจากขาดทุน 752 ล้านบาทในไตรมาส 4/49

ความเห็นนักวิเคราะห์

กำไรไตรมาส 1/50 กลับมาฟื้นตัวแข็งแกร่งจากความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น
กำไรสุทธิไตรมาส 1/50 เติบโต 36% เพราะรายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 18% ตามการรับรู้งานในมือ รายได้อื่นเพิ่มขึ้น 76% และอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นจาก 6.4% เป็น 7.4% หากเทียบไตรมาส 4/49 กำไรฟื้นตัวกลับมา เพราะไม่มีการสำรองเงินลงทุนและค่าเผื่อหนี้สินจำนวนมากเช่นไตรมาส 4/49 ค่าใช้จ่ายลดลง และความสามารถในการทำกำไรที่ฟื้นตัวต่อเนื่องจาก 6.9% เป็น 7.4% โดย EBITDA margin ปรับตัวดีขึ้นมาถึง 9.5% สูงสุดในกลุ่มผู้รับเหมาใหญ่ในไตรมาสนี้

ปรับเพิ่มประมาณการแต่มีความเสี่ยงจากโครงการเอื้ออาทร CTX และสุวรรณภูมิ ยังแนะนำ "เก็งกำไร"
เราปรับประมาณการกำไรปี 50 เพิ่ม 7% เพื่อสะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่าคาด
คาดว่าปีนี้บริษัทจะกลับมาทำกำไร 1.1 พันล้านบาทจากที่ขาดทุน 2.1พันล้านบาท ในปีก่อน และมีศักยภาพในการได้งานเพิ่มทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ อย่างไรก็ตาม บริษัทมีความเสี่ยงเรื่องการชะลอการก่อสร้างโครงการเอื้ออาทร ซึ่งอาจจะมีผลกระทบทำให้งานในมือลดลง 19.7 พันล้านบาท หรือ ลดลง 28.7% (ณ 20 เม.ย. 50 บริษัทมีงานในมือจำนวน 68.7 พันล้านบาท และเป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดอีก 8.3 พันล้านบาท) และมีความเสี่ยงจากปัญหาการถูกตรวจสอบในคดี CTX และยังมีความไม่แน่นอนว่าบริษัทจะต้องรับผิดชอบความเสียหายแท็กซี่เวย์หรือรันเวย์หรือไม่ เราจึงยังแนะนำ "เก็งกำไร" โดยมีราคาพื้นฐานใหม่ 6.6 บาท (P/E ปี 50 25 เท่า เฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง)

รุ่งรัตน์ สุนทรปกาสิต - No. 3940

[/color:f578097309">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#3 วันที่: 18/05/2007 @ 09:46:51 :
NOBLE : กำไรไตรมาส 1/50 ต่ำกว่าคาด - ซื้อ

ตลาดหลักทรัพย์ฯ

บริษัทมีกำไรสุทธิไตรมาส 1/50 เท่ากับ 11 ล้านบาท ลดลง 89% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 84% เมื่อเทียบไตรมาส 4/49

ความเห็นนักวิเคราะห์

กำไรไตรมาส 1/50 ลดลงจากยอดขายบ้านเดี่ยวที่ลดลงและการทำโปรโมชั่น
กำไรสุทธิที่ลดลง 89% เป็นผลจากยอดรับรู้รายได้ที่พักอาศัยที่ลดลง 57% เพราะไม่มีการรับรู้รายได้คอนโดมิเนียม 254 ล้านบาทเช่นไตรมาส 1/49 ขณะที่ยอดขายบ้านเดี่ยวชะลอตัวเช่นเดียวตามความมั่นใจผู้บริโภคที่ลดลง และอัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 36.9% จาก 39.05% เพราะไม่มีคอนโดมิเนียมที่ให้มาร์จิ้นสูงรับรู้ในไตรมาสนี้ กอปรกับบริษัทมีการทำโปรโมชั่น เพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงที่ผ่านมา

คาดจะฟื้นตัวในไตรมาส 2/50 และชัดเจนในครึ่งปีหลัง ยังแนะนำ ?ซื้อ?
เราได้ปรับลดประมาณการกำไรปี 50-51 ลง 3% จากยอดขายที่ลดลงกว่าคาด
จากยอดขายรอรับรู้ในมือจำนวน 3 พันล้านบาท ซึ่งครึ่งหนึ่งจะทยอยรับรู้ในปี 50 ตั้งแต่เดือนพ.ค. 50 เป็นต้นไป จะช่วยผลักดันผลกำไรในไตรมาส 2/50 เริ่มปรับตัวดีขึ้นและคาดว่าจะเห็นชัดเจนในครึ่งปีหลัง ทำให้คาดว่าทั้งปีกำไรสุทธิจะยังเติบโต 23% เป็น 374 ล้านบาท ขณะที่บริษัทยังมีฐานะการเงินมั่นคงมาก Net gearing ต่ำเพียง 0.15 เท่า ปัจจุบัน NOBLE ซื้อขายที่ P/E เพียง 5.9 เท่า และ P/BV เพียง 0.66 เท่า เราจึงยังแนะนำ ?ซื้อ? โดยมีราคาพื้นฐาน 5.8 บาท (P/E ปี 50 ที่ 7 เท่า และ P/BV 0.8 เท่า) และคาดว่าจะให้ผลตอบแทนเงินปันผล 4.2% ต่อปี

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#4 วันที่: 18/05/2007 @ 09:50:21 :
TMT : ปรับประมาณการกำไรปี 50 ลดลงอีก 16% เป็น 218 ล้านบาท - ขาย

ประชุมนักวิเคราะห์

ผู้บริหาร ชี้แจงผลการดำเนินงานไตรมาส 1/50 มีปริมาณขายลด 12% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เป็น 84,916 ตัน (เป็นสินค้าที่ผ่านกระบวนการผลิต 65% และไม่ผ่านกระบวนการผลิต 25%) เป็นไปตามภาวะตลาดเหล็กในประเทศที่ซบเซา และคาดว่าช่วงที่เหลือ 3 ไตรมาสของปีนี้ตลาดจะซบเซาลงไปจากไตรมาส 1 ที่เป็นช่วงฤดูกาลขาย ทำให้มีแนวโน้มที่บริษัทจะปรับลดประมาณการยอดขายปี 50 ลงจากเดิมที่เคยคาดว่าจะโต 10-15% เป็น 0%

ความเห็นนักวิเคราะห์

ประมาณการเบื้องต้นไตรมาส 2/50 กำไรลด 62% จากช่วงเดียวกันปีก่อน-ปริมาณขายและอัตรากำไรลด
แม้ราคาขายในประเทศจะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ราคาขายเฉลี่ย 21.08 บาท/กก. เป็น 21.50-22.0 บาท/กก. ในไตรมาส 2/50 ตามราคาเหล็กรีดร้อนที่สูงขึ้นในตลาดโลก และบริษัทมีวัตถุดิบคงคลังต้นทุนต่ำที่ค้างจากไตรมาสก่อนประมาณ 1 เดือน ซึ่งทำให้อัตรากำไรในไตรมาส 2/50 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจาก 7% ในไตรมาส 1/50 แต่ด้วยปริมาณขายที่มีแนวโน้มจะลดลงต่อเนื่องจากไตรมาส 1 ซึ่งเป็นฤดูกาลขายที่ดีที่สุดแล้ว เราประมาณการเบื้องต้นว่าไตรมาส 2/50 จะมีกำไร 46 ล้านบาท ลด 5% จากไตรมาสก่อนหน้า (ยอดขายลด 13% อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นเป็น 7.5%) และลดลงถึง 62% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (ยอดขายลด 6% แต่อัตรากำไรขั้นต้นลดลงอย่างมีนัยจาก 13.2% ในไตรมาส 2/49 เป็น 7.5%)

ปรับประมาณการกำไรจากการดำเนินงานสุทธิปี 50 ลดลงจากเดิม 16% เป็น 218 ล้านบาท
ฝ่ายวิจัยปรับลดประมาณการยอดขายปี 50 ลงจากเดิม 11% เป็น 6.85 พันล้านบาท (+4% จากปี 49) เพื่อสะท้อนปริมาณขายของบริษัทที่ลดลงในครึ่งปีแรกตามภาวะตลาดโดยรวม และคาดว่าจะซบเซาลงอีกในครึ่งปีหลัง และอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงจากเดิม 7.3% เป็น 7.1% ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 50 ลดลงจากเดิม 16% เป็น 218 ล้านบาท (-24% จากปี 49)

ระยะสั้นปรับลดคำแนะนำจาก ?ซื้อ? เป็น ?ขาย?
แม้เราจะปรับลดประมาณการกำไรปี 50 ไปแล้วหลังบริษัทแจ้งงบฯไตรมาส 1/50 แต่ข้อมูลที่ได้รับเพิ่มเติมจากการประชุมนักวิเคราะห์ โดยเฉพาะเรื่องยอดขายปี 50 ที่บริษัทคาดว่าจะต้องปรับลดเป้าหมายการเติบโตเป็น 0% ทำให้เราต้องปรับลดประมาณการกำไรปี 50 ลงอีกครั้ง และปรับลดมูลค่าพื้นฐานเป็น 3.60 บาท (PER ปี 50 ที่ 7 เท่า ลดลงจากเดิม 8 เท่า) ดังนั้นระยะสั้นจึงปรับลดคำแนะนำจาก ?ซื้อ? เป็น ?ขาย? เพราะแนวโน้มกำไรปี 50 ที่ลดลงมากกว่าการคาดหมายเดิมและ outlook ใน 3 ไตรมาสที่เหลือของปีที่ยังไม่สดใส ทำให้ TMT ดูไม่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในระยะ 6 เดือนข้างหน้า (ความน่าสนใจลงทุนใน TMT จะกลับมาอีกครั้งช่วงที่บริษัทจะพิจารณาจ่ายเงินปันผลประจำปีประมาณต้นปี)


[/color:1c0440761b">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#5 วันที่: 18/05/2007 @ 09:51:02 :
SSI: คาดไตรมาส 2/50 จะพลิกกลับมามีกำไรจากราคาขายที่สดใส - เก็งกำไร

สัมภาษณ์ผู้บริหาร

ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/50 มีปริมาณผลิตและขายเท่ากับ 0.4 ล้านตัน เป็นการขายสินค้า Premium 61% (เพิ่มจาก 45% ในไตรมาสก่อนหน้า) และส่งออกสินค้า 26% (ตลาดหลักคือ ตะวันออกกลาง 43% เวียดนาม 44% EU 10% และอื่นๆ 3%) แต่ด้วยตลาดเหล็กรีดร้อนในประเทศที่เพิ่งเริ่มฟื้นตัวปลาย ก.พ. กอปรกับการผลิตสินค้า premium เพิ่มขึ้น (บริษัทจะรับคำสั่งซื้อล่วงหน้าประมาณ 2-3 เดือน) ทำให้อัตราการใช้กำลังผลิตต่ำเพียง 40% และเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ทำให้ต้นทุนการแปลงสภาพ (Conversion cost) เพิ่มจากระดับกว่า 50 เหรียญ/ตัน เป็น 60-70 เหรียญ/ตัน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 1/50 ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า และมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานสุทธิ

ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าคงคลัง (วัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูป) ประมาณ 4 เดือน ซึ่งลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทพยายามบริหารจัดการสินค้าคงคลังโดยเฉพาะวัตถุดิบ (Slab) ด้วยความระมัดระวัง ซึ่งในไตรมาส 1/50 มีการนำเข้าวัตถุดิบ 0.3 ล้านตัน และคาดว่าจะใกล้เคียงในไตรมาส 2/50 ซึ่งเป็น Slab สำหรับการผลิตเหล็กรีดร้อน premium เป็นหลัก

ความเห็นนักวิเคราะห์

ความต้องการเหล็กรีดร้อนที่สูงในเวียดนาม ทำให้ยังเป็นตลาดส่งออกที่มีศักยภาพ
ความต้องการบริโภคเหล็กในเวียดนามที่สูงในอัตราโตเฉลี่ย 10.5% ต่อปีในระยะ 11 ปีที่ผ่านมาจาก 2 ล้านตัน ในปี 38 เป็น 6 ล้านตัน ในปี 49 ซึ่งเป็นเหล็กรีดร้อนถึง 2 ล้านตัน และมีแนวโน้มว่าความต้องการเหล็กในเวียดนามจะเพิ่มขึ้น 10% ต่อปี เป็น 10 ล้านตัน ในปี 52 โดยเหล็กรีดร้อนเป็นสินค้าที่ต้องการมากที่สุด เนื่องจากไม่มีการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศ (บริษัท Essar group และ VSC ในเวียดนามวางแผนจะสร้างโรงรีดร้อนกำลังการผลิต 2 ล้านตัน ในปี 52) ทำให้เวียดนามยังคงเป็นตลาดส่งออกเหล็กรีดร้อนคุณภาพสูงที่มีศักยภาพสำหรับ SSI ในระยะ 1-2 ปีข้างหน้าก่อนที่เวียดนามจะมีโรงงานผลิตเองในประเทศ

โครงการก่อสร้างจำนวนมากในตะวันออกกลาง จึงมีความต้องการนำเข้าเหล็กรีดร้อนในราคาที่เต็มใจจ่าย นอกจากนี้ SSI เริ่มขยายตลาดส่งออกไปอินเดีย
ปริมาณความต้องการใช้เหล็กที่แข็งแกร่งในตะวันออกกลาง จากโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่มูลค่า 1-2 หมื่นล้านเหรียญ ในเวลา 4-5 ปี ทำให้ตะวันออกกลางมีความต้องการนำเข้าเหล็กรีดร้อนคุณภาพสูง เพื่อการก่อสร้างเป็นจำนวนมาก และเป็นตลาดที่ให้ราคาค่อนข้างดี โดยราคาส่งออกของ SSI ไปตลาดนี้ปรับเพิ่มจาก 600 เหรียญ/ตัน เมื่อปลาย ม.ค. เป็น 680 เหรียญ/ตัน ต้น พ.ค. 50 และด้วยโครงการก่อสร้างที่อยู่ใน Pipeline จำนวนมากของตะวันออกกลาง ทำให้ตลาดนี้ยังเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญของ SSI นอกจากนี้ บริษัทได้เริ่มขยายตลาดส่งออกไปยังอินเดีย และได้รับคำสั่งซื้อเข้ามาบ้างแล้วในไตรมาส 2/50

แนวโน้มไตรมาส 2/50 คาดราคาขายเฉลี่ยและอัตรากำไรจะสดใสขึ้น - แม้ Demand ในประเทศยังซบเซา แต่บริษัทจะเน้นตลาดส่งออกที่ให้ราคาดี
ตลาดในประเทศที่เริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ปลาย ก.พ. 50 จากการกลับมาเริ่มซื้อของ Trader ในประเทศ ทำให้ราคาในประเทศปรับขึ้นตามราคาในตลาดโลก (แต่ Demand ในประเทศยังคงซบเซาและคาดว่าจะไม่เห็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับปีนี้) รวมกับยอดสั่งซื้อจากตลาดส่งออกโดยเฉพาะตลาดตะวันออกกลางที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จึงคาดว่าบริษัทจะมียอดขายสินค้า premium ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 2/50 และน่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/50 ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญจากราคาขายเฉลี่ยที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า ในขณะที่บริษัทมีต้นทุนวัตถุดิบที่นำเข้ามาเพิ่มในไตรมาส 1/50 ใกล้เคียงกับช่วงปลายปี จึงคาดว่าอัตรากำไรในไตรมาส 2/50 จะดีขึ้นจากไตรมาส 1/50

คงประมาณการปี 50 ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 2.06 พันล้านบาท
ภายหลังการสัมภาษณ์ผู้บริหาร เรายังคงประมาณการปี 50 ตามเดิมที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 2.06 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการโอนกลับขาดทุนจากการลดมูลค่าสินค้าคงเหลือ 418 ล้านบาท และกำไรจากการดำเนินงานสุทธิ 1.64 พันล้านบาท แม้ตลาดเหล็กรีดร้อนในประเทศจะไม่สดใส แต่บริษัทมีศักยภาพในการผลิตสินค้า Premium ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดจีนและตะวันออกกลางและมีราคาสูงกว่าเกรดทั่วไป จึงคาดว่า SSI จะมีสัดส่วนส่งออกเพิ่มจาก 23% ในปี 49 (0.39 ล้านตัน) เป็น 25% ในปี 50 (0.47 ล้านตัน +20% จากปี 49) และมีสัดส่วนการขายสินค้า premium 55% (ไตรมาส 1/50 ขายสินค้า premium ถึง 61%) เพิ่มจาก 53% ในปี 49

แนะนำ "เก็งกำไร"
แม้ราคาหุ้นปัจจุบันจะมี discount เพียง 2% จากมูลค่าพื้นฐานปี 50 ที่เราประเมินไว้ที่ 1.10 บาท (PER ปี 50 ที่ 7 เท่า) แต่ด้วยแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/50 ที่จะฟื้นตัวอย่างมีนัย จึงคงคำแนะนำ "เก็งกำไร"


 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com