May 17, 2024   5:13:06 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 17/05/2007 @ 11:31:43
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET Index วันพุธที่ 16 พฤษภาคม 2550 ปิดที่ดัชนี 721.66จุด +8.39จุด มูลค่าการซื้อขาย 16,201 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,365.93 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 615.09 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 1,981.03 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ระดับ 723.84 จุด +10.57 จุด และ Low ที่ระดับ 714.91จุด +1.64จุด และแล้วดัชนีก็สามารถปรับตัวขึ้นผ่านแนวต้านแรก 718 จุด ที่ K.KRAZIP ให้ไว้ได้อย่างฉลุยแต่ก็ยังไม่ถึงต้านสองที่ 725 จุดซึ่งก็จะกลายมาเป็นแนวต้านสำคัญของวันนี้ต่อซึ่งหากเปิดตลาดแล้วยืนได้ ต้องมาลุ้นต้านสำคัญ ณ ระดับ 728 จุดกัน โดยเมื่อวานนี้ตลาดหุ้นไทยได้รับอานิสงค์จากตลาดต่างประเทศที่ปรับขึ้น บวกกับราคาน้ำมันดิบก็ได้ปรับตัวขึ้นต่อ ส่งผลให้หุ้นกลุ่มน้ำมันบวกนำตลาดโดยเฉพาะหุ้นพี่บิ๊กที่มีวอลุ่มอันดับ 1 ของตลาดแล้วยังทำราคาสูงสุดใหม่ของรอบนี้ด้วยที่ 238 บาทรวมถึงหุ้นครอบครัวเดียวกันอย่าง PTTEP ก็ปรับขึ้นทำ New high ของรอบนี้ด้วยเช่นกันที่ 98 บาท ทั้งยังมีแรงซื้อมากจากหุ้นบิ๊กแคปในกลุ่มอื่น ๆ อีกไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ แบงค์ ขนส่ง และเทคโนโลยี

SEAFCO
ราคาเปิด 8.35 บาท ราคาปิด 8.30 บาท มูลค่าการซื้อขาย 31.14 ล้านบาท ในQ1/50 มีกำไรสุทธิ 60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 99%QoQ และ 90% YoY เนื่องจากรายได้จากการรับจ้าง 710 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13%QoQ และ 77%YoY จากโครงการ Millennium Residence เป็นงานฐานราก และโครงการเซ็นทรัลพลาซ่า SEAFCO มีงานในมือรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องและยังมีแนวโน้มเติบโต จากจุดเด่นความชำนาญงานฐานรากและเสาเข็มเจาะ ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตจากการสร้างตึกสูงใกล้ Mass transit ขณะนี้มีงานในมือรอการรับรู้รายได้ 801ล้านบาท SEAFCOมีแผนการขยายงานต่อเนื่องไปยังต่างประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างรอผลการประมูลงานโดยมีมูลค่าโครงการรวมประมาณ 900 ล้านบาท ในขณะเดียวกันSEAFCOให้ความสนใจงานการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นในประเทศแถบ Middle East คาดว่าผลประกอบการปี 2550จะมีรายได้จากการรับจ้าง 2,586 ล้านบาทเติบโต 12.28% กำไรสุทธิ 173 ล้านบาท และคาดว่าจะจ่ายปันผลที่ 0.38 บาทต่อหุ้น ดังนั้น K.KRAZIP ยังคงแนะนำ ?ซื้อ? โดยมีแนวรับที่ 8.20 บาท แนวต้านที่ 8.50 บาท

IRPC
ราคาเปิด 5.95 บาท ราคาปิด 6.05 บาท มูลค่าการซื้อขาย 217.81 ล้านบาท ผู้บริหารเปิดเผยถึงแนวโน้มธุรกิจของโรงกลั่นในปีนี้น่าจะยังปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากยังไม่มีโรงกลั่นเปิดใหม่ รวมทั้งในปีนี้ทางบริษัทฯ ยังไม่มีแผนที่จะปิดโรงกลั่นเพื่อซ่อมบำรุง ในภาพรวมของธุรกิจปิโตรเคมีตอนนี้ยังดีอยู่ ซึ่งหลังจากที่บริษัทเชลล์ โกลบอล โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโรงกลั่นจะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท ในระยะเวลา 2 ปีข้างหน้า เพื่อศึกษาพัฒนาปรับปรุงขบวนการผลิตโรงกลั่นน้ำมัน โรงงานปิโตรเคมี ซึ่งเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้เกิดประสิทธิภาพสูง จะใช้เงินลงทุนจำนวนประมาณ 35,000 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตของโรงกลั่นเป็น 258,000 บาร์เรลต่อวัน
จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตอยู่ 215,000 บาร์เรลต่อวัน ภายในระยะเวลา 4 ปี ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวรับที่ 6 บาท แนวต้านที่ 6.35 บาท

RRC
ราคาเปิด18.30 บาท ราคาปิด 18.50บาท มูลค่าการซื้อขาย371.61 ล้านบาท จากการที่ธุรกิจน้ำมันดีเกินคาดและจากที่มีการขยายตัวของความต้องการในตลาดโลกซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการปิดซ่อมบำรุงของโรงกลั่นในต่างประเทศ ทำให้น้ำมันคงคลังอยู่ในระดับที่ต่ำและภาวะอุตสาหกรรมการกลั่นที่เข้มแข็งขึ้น กำไรจากสินค้าคงคลังอันเนื่องมาจากการปรับตัวของราคาน้ำมันดิบก็มีส่วนช่วยทำให้กำไรของโรงกลั่นที่ดีขึ้นและมีข่าวที่ดีสำหรับบริษัทจากการที่มีความล่าช้าของโรงกลั่นใหม่ ทำให้แนวโน้มในการประกอบธุรกิจดีขึ้นเนื่องจากโรงกลั่นใหม่ที่จะมีกำลังการผลิตอีก 600KBD โดย Reliance ที่คาดว่าจะเกิดในกลางปี 51 ถูกเลื่อนไปเป็นปี 2552 ความล่าช้าหมายถึงอุตสาหกรรมจะสามารถเก็บเกี่ยวประโยชน์อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยจากฤดูการผลิตในปี 2551 ยิ่งกว่านั้น ความล่าช้าของ Reliance ซึ่งมีความพร้อมทั้งทางด้านเทคนิคและเงินทุนยังคาดว่าค่าการกลั่นไตรมาส 2/50 จะสูงต่อเนื่องและเนื่องจากคาดว่ากำไรจะดีในไตรมาส 2/50 จากแนวโน้มอุตสาหกรรมที่ดีและราคาหุ้นขณะนี้มี Upside พอสมควร ดังนั้น K.KRAZIP จึงแนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวรับที่ 18.40 บาท แนวต้าน 18.90 บาท

TTA
ราคาเปิด36.25 บาท ราคาปิด 37.50บาท มูลค่าการซื้อขาย 758.16ล้านบาท จากการที่ตลาดเรือยังได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศจีนขณะที่ TTA มีเรือที่ไม่มีสัญญาจำนวนหนึ่งทำให้ได้ประโยชน์จากค่าระวางเรือขาขึ้นจากการมองดูภาพรวมธุรกิจยังได้รับปัจจัยบวกจากการขยายตัวความต้องการเรือภายในประเทศจีนในการขนส่งแร่เหล็ก ถ่านหิน และสินค้าเกษตรและมีการคาดว่าจะมีการเติบโตของเรือแห้งเทกองในปี 2550 กว่า 6.7% ขณะที่จำนวนเรือใหม่ที่จะเข้าสู่ระบบอยู่ที่ 6.6% ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตปัจจุบันที่อยู่ในระดับสูงกว่า 90% รวมทั้งทิศทางของเรือเมือสองที่เริ่มมีราคาที่สูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มเรือที่มีขนาดใกล้เคียงกับ TTA ปัจจุบันดัชนีระวางเรืออยู่ที่ 6,668 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 51.6% สะท้อนความต้องการเรือที่เพิ่มขึ้นอย่างมากขณะที่ TTA มีเรือที่อ้างอิงค่าระวางปัจจุบันจำนวนหนึ่ง ซึ่งจะสร้างประโยชน์ในช่วงที่ดัชนีระวางเรือยังอยู่ในระดับสูงและผลประกอบการไตรมาส 2/50 เติบโตจากค่าระวางเรือที่เพิ่มขึ้น34.11% ทำให้ผลประกอบการของบริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 22.8%yoy ซึ่งได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของความต้องการเรือ ดังนั้น K.KRAZIPแนะนำ "ซื้อแถวแนวรับ" โดยมีแนวรับที่ 36.50บาท แนวต้าน 40 บาท

ที่มา ทันหุ้น[/color:f7644480a7">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com