Z-Strategy
ดัชนีมีโอกาสแกว่งตัวขึ้นทดสอบ 715-717 จุด จากปัจจัยสภาพคล่อง โดยมีกลุ่มพลังงาน ซึ่งได้แรงหนุนจากการดีดตัวของราคาน้ำมันดิบเป็นตัวนำ แนะนำ PTT, PTTEP และกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ITD, SEAFCO และ STEC

Technical Analysis
Shooting Star และ Doji ที่เกิดขึ้นในช่วง 2 วันที่ผ่านมาแสดงว่า ดัชนีมีโอกาสอ่อนค่า แต่จะเป็นเพียงการปรับฐานย่อยที่มีแนวรับบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันและ gap ที่ 707 จุด

ฦ TICON: สัญญาณเทคนิคบอกถึงแนวโน้มขาขึ้นครั้งใหม่ของ TICON และมีโอกาสมากที่จะทำจุดสูงสุดใหม่

ฦ UNIQ: การปรับลงจากจุดสูงสุดเมื่อสองวันที่แล้ว แล้วยืนเหนือเส้นแนวรับดังกล่าวอย่างมั่นคง แสดงถึงโอกาสการไปต่อ

ฦ SECC: Golden Cross ที่เพิ่งเกิดขึ้น (3.06 บาท) และสัญญาณซื้อที่พบใน RSI และ Stochastic แสดงถึงโอกาสฟื้นตัว แม้ระยะสั้นอาจอ่อนตัวลงทดสอบ Down Trend Line ที่ 3.26 บาท

Z-Focus
Quarterly Review
ฦ AP: กำไรลดลงตามคาด - ซื้อ
ฦ SIRI: กำไรน่าผิดหวัง - ขาย
ฦ CK: กำไรไตรมาส 1/50 ลดลง เพราะไม่มีกำไรจากการขายเงินลงทุน - ซื้อ
ฦ ROJANA: กำไรไตรมาส 1/50 เติบโตสดใส - ซื้อ

Z-SCAN
Quarterly Review
ฦ LH: กำไรไตรมาส 1/50 ต่ำกว่าคาด - ขาย

Statistic Info
ปฏิทินหุ้น, รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร
NVDR, Commodities Move, Warrants

SIRI : กำไรน่าผิดหวัง - ขาย

ตลาดหลักทรัพย์ฯ

กำไรไตรมาส 1/50 เท่ากับ 42 ล้านบาท ลดลง 69% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและ 46% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/49

ความเห็นนักวิเคราะห์

ค่าใช้จ่ายขายบริหารและอัตราภาษีจ่ายกดดันกำไรไตรมาส 1/50
กำไรลดลงอย่างมากเป็นผลจากค่าใช้จ่ายการตลาดที่ยังปรับตัวเพิ่มขึ้น สูงถึง 23.6% ของรายได้รวม จาก 21% ในไตรมาส 1/49 นอกจากนี้ อัตราภาษีจ่ายที่ยังอยู่ระดับสูงถึง 57% เพราะมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียมที่สุขุมวิท 24 ซึ่งราคาตลาดปรับตัวขึ้น 20-40% และยอดรับรู้รายได้ส่วนใหญ่มีการรับรู้ไปก่อนหน้าแล้ว

โครงการยังได้รับการตอบรับที่ดีแต่ภาระค่าใช้จ่าย และภาษีจะกดดันผลประกอบการไตรมาส 2/50 รวมถึงการเพิ่มทุนที่ยังไม่สำเร็จจะกดดันราคาหุ้น ปรับคำแนะนำเป็น "ขาย"
จากค่าใช้จ่ายขายและบริหารที่สูงกว่าที่คาด ทำให้เราปรับลดประมาณการกำปี 50-51 ลง 15-17% คาดว่ากำไรสุทธิปี 50 จะเติบโต 21% แต่กำไรต่อหุ้นคาดว่าจะลดลง 39% เพราะบริษัทกำลังอยู่ระหว่างเพิ่มทุน PP 1,473 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 4.28 บาท

แม้ว่ายอดขายของบริษัทนับว่าประสบความสำเร็จดี โดยยอดขายเดือนเม.ย. 50 เดือนเดียว สูงถึง 3.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 2.6 พันล้านบาท ในไตรมาส 1/50 จากความสำเร็จของคอนโดมิเนียมใกล้สถานีทองหล่อมูลค่า 3 พันล้านบาท ที่ทำยอดขายได้ถึง 58% แล้ว แต่แนวโน้มค่าใช้จ่ายขายและบริหารและภาระภาษีจ่ายยังอยู่ระดับสูง ทำให้แนวโน้มผลกำไรไตรมาส 2/50 ยังมีโอกาสลดลงมาก บริษัทยังมีแรงกดดันจากการเพิ่มทุน PP ที่ยังไม่สำเร็จ

เราจึงปรับคำแนะนำเป็น "ขาย" โดยมีราคาตามปัจจัยพื้นฐานใหม่ 2.9 บาท (P/BV ที่ 0.6 เท่าและ P/E 17 เท่าหลังเพิ่มทุน)

รุ่งรัตน์ สุนทรปกาสิต - No. 3940

[b:2a46f34a56">CPF บวก 2.18% โบรกฯคาดQ2/50ดีขึ้นหลังราคาเนื้อสัตว์ในปท.กระเตื้องขึ้น [/b:2a46f34a56">

หุ้น CPF บวก 2.18% อยู่ที่ 4.68 บาท เมื่อเวลา 11.05 น.โดยเปิดตลาดที่ 4.58 บาท ราคาปรับขึ้นสูงสุดที่ 4.70 บาท และราคาปรับลงต่ำสุดที่ 4.58 บาท
นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้น CPF ขยับขึ้นเช้านี้ น่าจะมาจากประเด็นผลประกอบการไตรมาส 2 จะดีขึ้นบ้างจากไตรมาส 1/50 ที่ขาดทุน
"หลังจากไตรมาส 1 ขาดทุนมาก แนวโน้มจะดีขึ้นค่อยเป็นค่อยไปเพราะราคาเนื้อสัตว์ในประเทศกระเตื้องขึ้นมา เช่น ราคาไก่ราคาปรับขึ้นสูงกว่าระดับคุ้มทุนเนื่องจากไปลดผลผลิตที่จะออกมาลง ทำให้ราคาปรับขึ้นมา ส่วนราคาหมูกับไข่ก็ขยับขึ้นมาใกล้ระดับคุ้มทุนแล้ว"นักวิเคราะห์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นเต็มมูลค่าแล้ว ให้ราคาพื้นฐาน 4.24 บาท
ด้านบล.เคจีไอ (ประเทศไทย) แนะ"ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 5.35 บาท เนื่องจากวานนี้ทางสมาคมผู้ผลิตและแปรรูปสุกรเพื่อการส่งออก ตั้งเป้าการส่งออกสุกรของประเทศไทยในปี 50 ไว้ที่ 9% เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าการส่งออกที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการเติบโตของซัพพลายที่ค่อนข้างต่ำ น่าจะช่วยให้ราคาสุกรในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นมาได้ และน่าจะส่งผลดีต่อ CPF ได้

[b:f17d0e11ec">บิ๊กล็อตเช้านี้ PTT มูลค่าสูงสุด 105.30 ลบ.ราคาเฉลี่ย 234.00 บ./หุ้น [/b:f17d0e11ec">

ปิดตลาดหุ้นไทยเช้าวันนี้ พบมีการซื้อขายบิ๊กล็อต 8 หลักทรัพย์ 10 รายการ
พบ PTT มีมูลค่าสูงสุด 105.30 ล้านบาท ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 234.00 บาท
รายงานหลังปิดทำการซื้อขายหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันนี้
พบว่ามีการทำรายการซื้อขายหลักทรัพย์บนกระดานใหญ่ (BIG LOT) จำนวน 8 หลักทรัพย์ 10 รายการ ดังนี้

หลักทรัพย์ รายการ จำนวนหุ้น มูลค่า (บาท) ราคาเฉลี่ย (บาท)
PTT 2 450,000 105,300,000.00 234.00
PTTCH 1 1,000,000 86,000,000.00 86.00
TTA 1 500,200 18,507,400.00 37.00
KTB-F 2 1,500,000 15,900,000.00 10.60
UNIQ 1 5,000,000 15,500,000.00 3.10
NWR-F 1 20,000,000 12,400,000.00 0.62
SPALI 1 1,163,000 3,930,940.00 3.38
LPN-F 1 500,000 3,225,000.00 6.45


*ที่มา: ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

[b:88f803dc05">SUSCO บวก 5.26% โบรกฯชี้เล่นช่วงสั้นหลัง Q1 ขาดทุนลด แนวต้าน 0.42 บ. [/b:88f803dc05">

หุ้น SUSCO ปรับขึ้น 5.26% อยู่ที่ 0.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท เมื่อเวลา 11.40 น.โดยเปิดตลาดที่ 0.39 บาท ราคาปรับขึ้นสูงสุดที่ 0.41 บาท และราคาปรับลงต่ำสุดที่ 0.39 บาท
นักวิเคราะห์ บล.ธนชาต กล่าวว่า งบการเงินไตรมาส 1/50 ออกมาขาดทุนลดลง 84% เนื่องจากรายได้จากการขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้น การเก็งกำไรส่วนหนึ่งน่าจะมาจากตรงนี้ เพราะมีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 3.07 ล้านบาท
ทางเทคนิคยังแกว่งออกด้านข้างแต่มีดีดกลับบ้าง แนวต้านวันนี้อยู่บริเวณ 0.42 บาท ช่วงสั้นๆ ราคายังไปได้ อาจจะย่อลงมาเล็กน้อย แนวรับ 0.38 บาท และ 0.37 บาท
"แนะเล่นได้ช่วงสั้นๆเพราะราคาปรับขึ้นมาหลังประกาศงบฯ" นักวิเคราะห์ กล่าว

[b:484a1c7868">ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดเช้าบวก 5.19 จุด ตามตลาดตปท.-งบ Q1 ค่อนข้างดี พลังงาน-สื่อสารนำ [/b:484a1c7868">

SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 718.46 จุด เพิ่มขึ้น 5.19 จุด (+0.73%) มูลค่าการซื้อขาย 6,052 ล้านบาท ตลาดหุ้นเช้านี้สดใสดัชนีปรับขึ้นจาก performance ที่ประกาศออกมาค่อนข้างดี เช่น TTA PTT รวมถึงหุ้นใหญ่ ADVANC PTTEP TOP ทำให้ดัชนีบวกขึ้นมา แนวโน้มตลาดยังดีตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่ยังบวก อัตราดอกเบี้ยสหรัฐมีโอกาสลดลงหลังเงินเฟ้อลดลง ช่วงบ่ายน่าจะยืนแดนบวกได้ เพราะยังไม่มีปัจจัยลบเข้ามา

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 718.46 จุด เพิ่มขึ้น 5.19 จุด(+0.73%) มูลค่าการซื้อขาย 6,052 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกได้ตลอดช่วงเช้า โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 719.75 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 714.91 จุด

นางสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.เคทีบี กล่าวว่า ตลาดหุ้นเช้านี้สดใสดัชนีปรับขึ้นมา 5 จุด จาก Performance เช่น TTA ที่ประกาศผลประกอบการออกมาค่อนข้างดี ทำให้ราคาหุ้นบวกขึ้นมา และ PTT ที่มองแนวโน้มดีต่อเนื่องจากบริษัทลูกที่คาดว่ายังมีแนวโน้มที่ดีในกลุ่มปิโตรฯและโรงกลั่น TRUE เก็งกำไร รวมถึงหุ้นตัวใหญ่วันนี้ PTTEP ADVANC TOP ทำให้ดัชนีเป็นบวกขึ้นมาส่วนใหญ่เป็นหุ้นในกลุ่มพลังงานสื่อสาร โดยรวมตลาดคงขึ้นมาทดสอบแนวต้านเดิมที่บริเวณ 722 จุด

"ตลาดมีแนวโน้มที่ดีโดยตลาดต่างประเทศยังบวกส่วนใหญ่จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่มีโอกาสลดลงหลังจากเงินเฟ้อลดลง ช่วงบ่ายน่าจะโอเคเพียงแต่ถ้าขึ้นไปแถว 722 จุด ใกล้ๆแนวต้านอาจมีแรงขายทำกำไรออกมาอาจจะผันผวนช่วงสั้นๆ แต่น่าจะยืนอยู่ในแดนบวกได้เพราะดูแล้วยังไม่มีปัจจัยลบอะไรเข้ามาเนื่องจากมีการย่อยข่าวข้อมูลเกี่ยวกับผลประกอบการส่วนใหญ่ เป็นเรื่องการเมืองเท่านั้นที่จะต้องตามนอกนั้นไม่น่าจะมีประเด็นอะไร"นางสุภากร กล่าว
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
TTA มูลค่าการซื้อขาย 501.65 ล้านบาท ปิดที่ 37.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 322.44 ล้านบาท ปิดที่ 234.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 267.87 ล้านบาท ปิดที่ 8.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท
EMC มูลค่าการซื้อขาย 196.36 ล้านบาท ปิดที่ 3.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.18 บาท
ATC มูลค่าการซื้อขาย 184.30 ล้านบาท ปิดที่ 60.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/รัชดา

[b:60cb7fde45">CK : กำไรไตรมาส 1/50 ลดลง เพราะไม่มีกำไรจากการขายเงินลงทุน - ซื้อ[/b:60cb7fde45">
ตลาดหลักทรัพย์ฯ

บริษัทแจ้งกำไรไตรมาส 1/50 เท่ากับ 39 ล้านบาท ลดลง 96% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาที่ขาดทุนสุทธิ 2.4 พันล้านบาท

ความเห็นนักวิเคราะห์

กำไรลดลงมากเพราะไม่มีกำไรจากการขายเงินลงทุนจำนวนมากเช่นไตรมาส 1/49
กำไรสุทธิไตรมาส 1/50 ลดลง 96% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากไตรมาส 1/49 มีกำไรจากการขายเงินลงทุนจำนวนมากถึง 1 พันล้านบาท และกำไรอัตราแลกเปลี่ยนอีก 87 ล้านบาท หากพิจารณากำไรก่อนรายการพิเศษเหล่านี้ ไตรมาส 1/50 ขาดทุน 8 ล้านบาท เนื่องจากมีส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้นจาก 60 ล้านบาท เป็น 195 ล้านบาท แต่หากพิจารณา EBITDA พบว่าเติบโตถึง 30% เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น หากเทียบกับไตรมาส 4/49 ที่ขาดทุน 2.4 พันล้านบาท บริษัทพลิกกลับมาทำกำไรเป็นปกติ ด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้นเป็น 11.4% จาก 2.0%

มีโอกาสได้งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาวสูง ซึ่งจะเพิ่มงานในมือสร้างความมั่นคงในการดำเนินงานในระยะยาว ยังแนะนำซื้อ
เรายังคงประมาณการกำไรปี 50 ไว้ที่ 437 ล้านบาท ฟื้นตัวจากปีก่อนที่ขาดทุน 1.2 พันล้านบาทจากการสำรองเงินชดเชย

CK ยังเป็น Top pick ของเราในกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง เพราะมีศักยภาพสูงในการได้งานต่างประเทศจำนวนมาก โดยล่าสุดอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำบาก 1และ 2 และที่ไชยะบุรี ประเทศลาว ซึ่งหากสำเร็จจะเพิ่มงานในมือเกือบ 70 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัว จากปัจจุบันที่มีอยู่ประมาณ 25 พันล้านบาท ทำให้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมีความมั่นคงมาก และยังมีศักยภาพในการประมูลรถไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ ยังมีบริษัทในเครือไม่ว่าจะเป็น TTW และ SEAN (ได้สัมปทานในการผลิตไฟฟ้าในลาว) ช่วยเพิ่มมูลค่าในระยะยาว เราจึงยังแนะนำ "ซื้อ" โดยมีราคาพื้นฐาน 11.9 บาท (Sum of Parts Valuation)

รุ่งรัตน์ สุนทรปกาสิต - No. 3940