May 16, 2024   3:44:55 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 15/05/2007 @ 12:55:45
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET Index
วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม 2550 ปิดที่ดัชนี 712.18จุด +5.28จุด มูลค่าการซื้อขาย 12,412ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 17.53 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 555.52 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 537.99 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ระดับ 714.53 จุด +7.63 จุด และ Low ที่ระดับ 710.38จุด +3.48จุด ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกหนุน ตลาดไทยจึงบวกบ้างโดยสภาพตลาดหุ้นไทยวานนี้คงมีแรงซื้อหนุนดัชนีให้ปรับขึ้นจากหุ้นมาร์เก็ตแคปในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ พลังงานและธนาคาร รวมถึงกลุ่มเทคโนโลยีและปิโตรเคมีด้วย ในขณะที่ผลประกอบการของหุ้นใหญ่บางตัวได้ประกาศออกมาแล้วซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ได้ทำการคาดการณ์ไว้ล่วงหน้า
ทางด้านหุ้นเก็งกำไรขนาดกลางและขนาดเล็กนั้นก็ยังมีวอลุ่มเทรดอย่างต่อเนื่องแต่ส่วนใหญ่แม้ว่าราคาหุ้นจะดีดตัวขึ้นแรงแต่แล้วก็จะอ่อนตัวลงซะมากกว่า โดยเฉพาะ EVER หลังมีข่าว ตลท.เข้าตรวจสอบว่ามีการใช้ข้อมูลภายในมาซื้อขายหุ้นหรือไม่ (Inside) รวมถึง EMC ที่ราคาก็ร่วงลงแรงเช่นกันโดยเชื่อว่าการประชุมผู้ถือหุ้น EMC (11 พ.ค.) ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก็คงจะส่งตัวแทนเข้าร่วมสังเกตการด้วย ASIMAR, TWP บวกขึ้นรับผลประกอบการที่ออกมาดี ส่วนที่บวกขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยช่วงท้ายตลาด PT ที่ครึ่งวันเช้าลงไปติดลบแล้วกลับมาเป็นบวกขึ้นแรงก่อนปิดตลาดวันนี้คงต้องติดตามดูเป็นพิเศษหน่อยแล้วกัน

KCE
ราคาเปิด 2.94 บาท ราคาปิด 3 บาท มูลค่าการซื้อขาย 37.30 ล้านบาท ผู้บริหารเผยถึงผลการดำเนินงานในQ1/50 ที่กำไรสุทธิ 54.08 ล้านบาท QoQ ที่ขาดทุน65.80 ล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิ 222% เนื่องจากบริษัทฯ และบริษัทย่อย มียอดขายรวม 2,075 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดขายสูงสุดเท่าที่เคยปรากฎ และมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น21% QoQ เป็นผลจากการที่บริษัทย่อยสามารถทำการผลิตได้สูงอย่าง
ต่อเนื่องจากปลายปีก่อนจนเกือบเต็มกำลังการผลิตสูงสุดในปัจจุบัน ส่งผลให้ต้นทุนผลิตต่ำลงตามการประหยัดต่อขนาด ประกอบกับสภาวะทางเศรษฐกิจที่ได้ผ่อนคลายลง ทั้งในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย คาดว่ายอดขายในปีนี้จะอยู่ที่ 250 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตจากปีก่อน 15-20% เนื่องจากค่าเงินบาทอยู่ในระดับทรงตัว และลูกค้ายังคงมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" โดยมีแนวรับที่ 2.90 บาท แนวต้าน 3.18 บาท

SATTEL
ราคาเปิด 7.40 บาท ราคาปิด 7.35 บาท มูลค่าการซื้อขาย 14.85 ล้านบาท ผลการดำเนินงานในQ1/50 มีกำไรสุทธิ 134.88 ล้านบาทคิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.12 บาท จากQ1/49 ขาดทุน 58.20 ล้านบาทในสิ้นปี2550 คาดว่าจะมียอดจำหน่ายอุปกรณ์ผู้ใช้ปลายทางประมาณ 1 แสนชุด ซึ่งน่าจะมียอดจำหน่ายอุปกรณ์เพิ่มทั้งในไทยและตลาดต่างประเทศ นอกจากการเจาะตลาดที่ประเทศจีน อินเดียและออสเตรเลียแล้ว
SATTELยังมีความสนใจที่จะรุกตลาดอินโดนีเซียด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาเพราะประเทศอินโดนีเซียมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเกาะจึงเหมาะที่จะใช้ไอพีสตาร์ ส่วนการรุกตลาดเกาหลีและญี่ปุ่นในการให้บริการไอพีสตาร์คาดว่าจะได้ข้อสรุปสิ้นไตรมาส 2 ซึ่งผลการดำเนินงานมีแนวโน้มสดใส ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวรับที่ 7.25 บาท แนวต้านที่ 7.90 บาท

TOP
ราคาเปิด ? ปิด65.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 449.95ล้านบาท จากที่มีรายงานผลประกอบการกำไรปกติในไตรมาสที่1/50 เพิ่มขึ้น 96.2% YoY โดยที่ TOPนั้นมีกำไรปกติดีเกินคาด โดยมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 4.4% QoQ ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยอยู่ที่ 10.6% ดีขึ้นมากจาก ใน 1Q49 ทั้งนี้ กำไรหลักใน 1Q50 มาจากธุรกิจโรงกลั่น ในขณะที่ธุรกิจโรงกลั่นมีค่าการกลั่นสูงขึ้นทั้ง YoY และ QoQโดยมีกำไรปกติของโรงกลั่นเพิ่มขึ้น 189.7% YoY และดีขึ้นมากหลังจากที่มีการหยุดซ่อมบำรุงหน่วยกลั่น 25 วันและมีปัจจัยอื่นที่ทำให้มีกำไรมากขึ้นโดยมีค่าการกลั่นที่สูงขึ้นแนื่องจากเป็นช่วงที่เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวในสหรัฐฯ รวมทั้งมีการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นหลายโรงในภูมิภาคเอเชียส่งผลให้ราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นในขณะที่ต้นทุนน้ำมันดิบมีแนวโน้มลดลงและยังมีการรับรู้รายได้จากกำไรจากไทยลู้บเบสที่เพิ่มขึ้นโดยเกิดจากราคาผลิตภัณฑ์ที่ทรงตัวในขณะที่ราคาวัตถุดิบปรับขึ้นและยังมีกำไรจากธุรกิจโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเนื่องจาก IPT เริ่มเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิต 700 MW ได้ตั้งแต่ 20 มิ.ย.49 ทำให้กำไรปกติเพิ่มขึ้น เมื่อมองดูจากรายรับของบริษัทและกำลังในการผลิตแล้วยังเชื่อได้ว่าบริษัทน่าจะทำกำไรได้มากขึ้นอีก ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวรับที่ 65 บาท แนวต้าน 69 บาท

LPN
ราคาเปิด6.25 บาท ราคาปิด6.45 บาท มูลค่าการซื้อขาย174.26 ล้านบาท จากผลประกอบการไตรมาส 1/50 เติบโต 3 เท่าจากปีก่อนและ 20% จากไตรมาสก่อนกำไรที่ดีมีสาเหตุหลักมาจากยอดโอนที่สูงขึ้นและอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นรายได้เพิ่มขึ้นโดยหลักๆ มาจากการรับรู้รายได้โครงการเพลส นราธิวาส-เจ้าพระยา
โดยที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มจากไตรมาสก่อนเนื่องจากโครงการเพลส นราธิวาส-เจ้าพระยามีมาร์จิ้นสูงอัตราการจ่ายภาษีคาดว่าจะสูงขึ้นในไตรมาสหน้า เนื่องจากยอดรับรู้รายได้ของโครงการนราธิวาส-เจ้าพระยามาจากวิธี percentage of completion ทำให้บริษัทยังไม่ได้ชำระและบันทึกภาษีเต็มจำนวน ภาษีส่วนที่เหลือจะต้องมาจ่ายเมื่อโอนคอนโดมิเนียม และถึงแม้ตลาดคอนโดจะแข่งขันสูงในปีนี้แต่ LPN ยังทำยอดขายได้อย่างแข็งแกร่งในไตรมาส 1/50 โดยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนทั้งนี้เนื่องมาจากความสำเร็จของโครงการลุมพินีคอนโดทาวน์ บดินทร์เดชา ซึ่งเป็นโครงการแรกที่เจาะกลุ่มลูกค้าระดับล่างโดยขายได้แล้ว 63%และจะรับรู้ได้ในปีนี้ของประมาณการรายได้ปีนี้ นอกจากนี้ LPN ยังเปิดโครงการระดับล่างอีกหนึ่งโครงการคือ ลุมพินี คอนโดทาวน์ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน โดยขายได้แล้ว 85% หลังจากที่เปิดตัวเพียง 2 สัปดาห์เมื่อมองดูจากราคาหุ้นและปัจจัยบวกต่าง ๆ แล้ว ดังนั้น K.KRAZIP จึงแนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวรับที่ 6.30 บาท แนวต้าน 6.80บาท

ที่มา ทันหุ้น[/color:5c2c9f3676">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com