May 16, 2024   5:52:24 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > โค้งแรกหุ้นสื่อสารบักโกรก BLISS อ่วมขาดทุนเพิ่มขึ้นกว่า1000%
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 14/05/2007 @ 23:27:32
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

แกะรอยงบกลุ่มสื่อสาร 9 แห่ง พบ Q1/50 กำไรโดยรวมลดลง 70% งานนี้ BLISS หนักสุดขาดทุนเพิ่มขึ้น 10,000% ส่วน SATTELโชว์กำไรพุ่งสูงสุดกว่า 300% หลังเจอภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำกำลังซื้อหด ด้านผู้บริหาร SAMART กัดฟันคงเป้ารายได้ทั้งกลุ่มปีนี้แตะ 3.5 หมื่นลบ.แน่ โบรกเกอร์มองปีนี้กลุ่มสื่อสารกำไรจะดีขึ้น หลังการแข่งขันด้านราคาลดลง เชียร์ซื้อ ADVANC-TAC-TRUE


หลังจากรอคอยมานานบริษัทยักษ์ใหญ่ 2 ใน 1 ของวงการสื่อสาร ADVANC เจ้าของผุ้ให้บริการเครือข่าย AIS และ UCOM บริษัทแม่ของ DTAC ก้ประกาศผลงานโค้งแรกออกมาไม่น่าประทับใจนัก ขณะที่ SAMART ซึ่งเป็นผู้ให้บริการจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ, คอนเท้น และ IT Solutions ครบวงจร กำไรก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน เนื่องจากในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า ภาวะเศรษฐกิจของบ้านเราเกิดการชะลอตัว กำลังซื้อจะได้รับผลกระทบตามๆกัน ขณะที่การแข่งขันในธุรกิจผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถืออย่าง AIS-DTAC-TRUE ต่างกระหน่ำเปิดตัวโทรโมรชั่น หั่นราคาค่าบริการ แม้จะไม่รุนแรงเท่าปีก่อน แต่ก็ส่งผลกระทบให้รายได้ของบริษัทหดหาย

จากการสำรวจผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2550 ของกลุ่มสื่อสาร พบว่าประกาศออกมาทั้งสิ้น 9 บริษัท มีกำไรสุทธิรวม 2,181.53 ล้านบาท เปรียบเทียบกับไตรมาส 1 ของปี 2549 มีกำไรสุทธิ 7,272.13 ล้านบาท ลดลง 5,090.60 ล้านบาท หรือ -70% โดยบริษัทที่ขาดทุนสูงสุดได้แก่ บริษัท บลิส-เทล จำกัด (มหาชน) (BLISS) ไตรมาส 1/50 ขาดทุนสุทธิ 66.07 บาท เปรียบเทียบกับไตรมาส 1/50 มีกำไรสุทธิ 0.62 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 66.69 ล้านบาท หรือ - 10,756.45% ส่วนบริษัทที่มีกำไรสูงสุดได้แก่ บริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) (SATTEL) ไตรมาส 1/50 มีกำไรสุทธิ 134.88 ล้านบาท จากไตรมาส 1/49 ขาดทุนสุทธิ 58.2 ล้านบาท กำไรเพิ่มขึ้น 193.08 ล้านบาท หรือ +331.75%

ตารางแสดงผลการดำเนินงานหุ้นกลุ่มสื่อสารไตรมาส 1/50

บริษัท Q1/50 Q1/49 เปลี่ยนแปลง %

ADVANC 3,983.79 5,289.66 -1,305.87 -24.68
UCOM (2,304.13) 269.58 -2,573.71 -954.71
SAMART 143.79 1,438.39 -1,292.6 -89.86
SAMTEL 54.02 83.42 -29.4 -35.24
SIM 134.72 112.62 22.1 19.62
SATTEL 134.88 (58.2) 193.08 331.75
FORT 40.65 29.09 11.57 39.77
JTS 59.88 106.95 -47.07 -44.07
BLISS(งบเดี่ยว) (66.07) 0.62 -66.69 -10,756.45
รวม 2,181.53 7,272.13 -5,090.60 -70.00

ที่มา : eFinanceThai.com รวบรวม


*** SAMART คงเป้ารายได้ปีนี้แตะ 3.5 หมื่นลบ.

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SAMART) เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทสามารถยังคงตั้งเป้ารายได้ของทั้งกลุ่มไว้ที่ 35,000ล้านบาท เพราะเรามั่นใจว่าโครงการต่างๆ ที่กำลังจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 2 จะสามารถสร้างรายได้ตามเป้าหมาย และด้วยนโยบายเชิงรุกของแต่ละบริษัทที่มีความชัดเจน โดย SIM มีแผนรุกตลาดคอนซูมเมอร์ทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ส่วน SAMTEL ตั้งเป้ารุกตลาดองค์กรภาคเอกชนอย่างเต็มรูปแบบมากขึ้น

***JTS คาดปีนี้รายได้แตะ 2.8 พันลบ.ชี้ Q1/50 ผลงานแย่ เพราะภาวะศก.

นางสาวบุษกร จงศักดิ์สวัสดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บมจ.จัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ หรือ JTS กล่าวกับ eFinanceThai.com ว่า บริษัทฯคาดว่ารายได้ในปีนี้จะอยู่ในระดับใกล้เคียงปีก่อนที่มีรายได้ประมาณ 2,800 ล้านบาท โดยจะมาจากงานในมือที่ปัจจุบันมีอยู่ 800 ล้านบาท อีกทั้งยังคาดว่าจะได้งานใหม่และงานที่รอเซ็นสัญญามูลค่ารวม 1,300 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีงานที่รับรู้รายได้ในช่วงไตรมาสแรกไปแล้ว 800 ล้านบาท

ต้นทุนทางการเงินลดลง จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง แม้ว่ามาร์จิ้นงานจะต่ำ แต่การที่ต้นุทนลดลงและมีการควบคุมการบริหารที่ดี ก็น่าจะทำให้ปีนี้เราจะรักษาการเติบโตใกล้เคียงปีก่อนได้นางสาวบุษกร กล่าว

เขากล่าวต่อว่า ในปีนี้ บริษัทฯวางงบประมาณในการเข้าประมูลงาน 10,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้งานประมาณ 20-30% ของมูลค่าที่เข้าร่วมประมูล ซึ่งหากเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ก็จะเป็นรายได้ในปีหน้าโดยสัดส่วนรายได้ในปีนี้จะมาจากเอกชน 50% และภาครัฐ 50% ในขณะที่ปีหน้า สัดส่วนรายได้จากรัฐบาลจะเพิ่มขึ้นเป็น 80% เอกชนลดลงเหลือ 20%

เราวางงบประมูลงาน 10,000 ล้านบาท อาจจะได้มาร์เก็ตแชร์ 20-30% ซึ่งก็จะยกเป็นรายได้ในปี 51 นางสาวบุษกร กล่าว
อย่างไรก็ดี แม้ว่ากำไรสุทธิไตรมาสแรกปี 50 จะลดลงเหลือ 59 ล้านบาท จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 106 ล้านบาท แต่ยังรู้สึกพอใจ เพราะเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและภาครัฐบาลไม่มีการเบิกจ่ายการลงทุนใหม่ๆ




 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 14/05/2007 @ 23:29:22 :
***โบรกฯตบเท้าปรับเป้าหมาย JTS หลังโชว์ผลงานไม่น่าประทับใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท จัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ จำกัด (มหาชน) (JTS) วานนี้ปิดตลาดราคาหุ้นราคาปรับตัวลงแรงตั้งแต่เปิดการซื้อขาย หลังจากบริษัทฯประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/50 มีกำไรสุทธิ 59.88 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 106.95 ล้านบาท ลดลง 47.07 ล้านบาท เปลี่ยนแปลง 44.01%

ขณะที่โบรกเกอร์ต่างออกบทวิเคราะห์ปรับลดคำแนะนำหุ้น JTS ลง โดย บล.นครหลวงไทย ปรับราคาเหมาะสมปีนี้ลงเหลือ 2.12 บาท จากเดิมที่ 3.03 บาท ลดน้ำหนักเหลือแค่ ?ถือ? ทิศทางการชะลอแผนการลงทุนของหน่วยงานรัฐโดยเฉพาะ TOT และ CAT ที่เป็นลูกค้าหลักของ JTS แม้ว่า JTS จะได้งาน SI จาก TT&T และTriple T Broadband เข้ามาบ้างในปี 2550 แต่ไม่สามารถชดเชยกับงานของหน่วยงานรัฐทั้ง 2 ได้และเป็นผลให้มีปรับกำไรสุทธิปี 2550-2551 ลง รวมถึงเงินปันผ

ส่วน บล.กิมเอ็ง ปรับลดราคาเหมาะสมจาก 3.68 บาท/หุ้น เป็น 2.56 บาท/หุ้น อ้างอิง P/E ปีนี้ที่ 8 เท่า และปรับลดคำแนะนำจาก ซื้อ เป็น เต็มมูลค่า โดยมองว่าช่วงเวลาที่จะเข้ามาสะสมหุ้นอีกครั้งคือเมื่อมีกระแสงานโครงการกลับเข้ามาอีกครั้ง โดยเฉพาะจาก TOT ก่อนหน้านี้ บล.กิมเอ็งได้ปรับประมาณการณ์ JTS แล้วครั้งหนึ่งโดยปรับลดจาก 4.15 บาท/หุ้นเป็น 3.68 บาท/หุ้น

ด้าน บล.เกียรตินาคิน ระบุว่า แนะนำซื้อ JTS ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 50 เท่ากับ 4.10 บาท ความน่าสนใจ 1) ผลประกอบการปี 50 ที่เติบโตด้วย Backlog ที่มี รวมทั้งค่าใช้จ่ายภาษีที่ลดลงจากการเข้าตลาด และ 2) หุ้น JTS มีราคาถูก ณ ปัจจุบันซื้อขายเพียง PE ที่ 5.6 เท่า ต่ำกว่าคู่แข่งอาทิ MFEC และ SAMTEL ซึ่งซื้อขาย PE ที่ 9.8 เท่า และ 15.6 เท่า ตามลำดับ

แนวโน้ม 2Q/50 คาดว่า Backlog ณ สิ้น 1Q/50 จำนวน 840 ล้านบาท จะช่วยผลักดันรายได้ ประกอบกับ JTS มีโอกาสได้งานโครงการใหม่ของภาครัฐ และโครงการของ TT&T มูลค่ารวม 1,300 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ใน 2H/50 ทำให้เราคาดว่าผลประกอบการ 2H/50 จะมีแนวโน้มดีกว่า 1H/50

***JAS ฟันกำไรถือ JTS มูลค่า 156.39 ลบ.

จากการสำรวจของผู้สื่อข่าวพบว่า บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (JAS) ถือ JTS จำนวน 399,997,200 หุ้น หรือ 57.06 % ที่ต้นทุนหุ้นละ 1 บาท ขณะที่ บริษัท ที.เจ.พี. เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ JAS ถือหุ้น JTS จำนวน 60,000,000 หุ้น หรือ 8.56 % ซึ่งมีต้นทุนการถือหุ้น JTS หุ้นละ 3 บาท จะพบว่า JAS มีต้นทุนเฉลี่ยในการถือ JTS หุ้นละ 2 บาท หากเปรียบเทียบกับราคาหุ้น JTS ปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 2.34 บาท พบว่า JAS ยังมีกำไรส่วนต่างราคากระดานกับราคาตลาด 0.34 บาท หรือมีกำไรจำนวน 156.39 ลบ.

***เซียนหุ้นเชื่อผลงานโค้งสองกลุ่มสื่อสารยังไม่แจ่ม หลังภาวะศก.ชะลอตัว

เจ้าหน้าที่ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซิกโก้ เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาสที่ 1/2550 ของหุ้นกลุ่มสื่อสารที่ทยอยประกาศออกมา เช่นบริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART, บริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SATTEL และบริษัท สามารถ ไอ-โมบาย จำกัด (มหาชน) หรือ SIM เป็นไปตามที่ฝ่ายวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนบริษัทที่ยังไม่ได้ประกาศผลประกอบการออกมาประเมินว่าคงจะไม่แตกต่างจากบริษัทที่ประกาศแล้ว เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาหุ้นในกลุ่มสื่อสารได้รับผลกระทบจากสงครามราคาประกอบกับการแข่งขันของธุรกิจสื่อสารยังคงรุนแรง

" หลายบริษัทฯ ที่ประกาศออกมาก็ลดลง เพราะการแข่งขันยังคงรุนแรง อีกทั้งมีปัจจัยลบหลายอย่างเข้ามากระทบด้วย ทั้งเรื่องภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอก็ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค เลขหมายก็ไม่ได้ขยายตัวมาก จึงกดดันรายได้และกำไรของกลุ่มสื่อสารในไตรมาสที่1 ลดลง " แหล่งข่าวรายเดิมกล่าว

ส่วนแนวโน้มของผลบประกอบการในไตรมาสที่ 2/2550 คาดว่าจะไม่แตกต่างจากไตรมาสที่ 1/2550 มากนัก เนื่องจากปัจจัยลบดังกล่าวข้างต้นยังไม่ได้คลี่คลายไปในทิศทางที่ดี ส่วนหุ้นที่มีความโดดเด่นมากที่สุดในกลุ่มสื่อสารคือบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี อีกทั้งยังให้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ จึงแนะนำซื้อ ส่วนบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE แนะนำเก็งกำไร อย่างไรก็ตาม ประมาณการณ์รายได้และกำไรในปี 2550 ของหุ้นในกลุ่มสื่อสารยังคงอยู่ระหว่างการอัพเดทข้อมูลใหม่ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้

ด้านบทวิเคราะห์หลักทรัพย์จาก บล. ดีบีเอสวิคเคอร์ส ระบุว่า กรณีที่อายุของสัมปทานก็ไม่น่าจะกำหนดให้สั้นกว่าปี 2556 เนื่องจากเป็นปีที่มาถึงเร็วที่สุดของผู้ประกอบการทุกค่าย อีกทั้งก็จะไม่มีผลกระทบรุนแรง เนื่องจากเมื่อมาถึงเวลานั้น จึงคาดว่าจะมีการนำใบอนุญาต 3G มาใช้แล้วและผู้ประกอบการก็สามารถที่จะโอนย้ายลูกค้าในปัจจุบันไปอยู่ภายใต้ใบอนุญาต 3Gได้

ซึ่งคาดว่าข่าวร้ายทั้งปวงและโอกาสที่คาดการณ์กำไรสุทธิจะปรับลดลงบ้างได้สะท้อนไปในราคาหุ้นพอสมควรแล้ว แม้ว่าความเสี่ยงจากนโยบายจากภาครัฐจะกดดันให้การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในระยะสั้นถึงกลางไม่ให้ไปไหน แต่กลับประเมินว่าเป็นโอกาสดีในการสะสมหุ้นเพื่อการลงทุนในระยะยาวและรอการประกาศวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการที่น่าจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่4/2550 คือมีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศแล้ว

ดังนั้นจึง แนะนำ ซื้อ ADVANC เพราะมีการจ่ายเงินปันผลได้สูงโดยคาดการณ์อัตราผลตอบแทนปันผลปีนี้ไว้ที่ 8.5% และ TRUEคาดว่าจะได้รับผลดีจากการหยุดจ่าย Access Charge ทำให้ขาดทุนสุทธิปีนี้ลดลงเป็น 3,000 ล้านบาท จากปี 2549 ที่ขาดทุนสุทธิ 4,200 ล้านบาท

***บล.เคทีบี-บล.ภัทร มอง ADVANC-TAC-TRUE ยังเด่นในกลุ่มสื่อสารปีนี้ เหตุการแข่งขันด้านราคาลดลง

นางสาวสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.เคทีบี กล่าวว่า ในปีนี้หุ้นในกลุ่มสื่อสารซึ่งมีมาร์เก็ตขนาดใหญ่จะมีรายได้เพิ่มขึ้นหลังจากการแข่งขันลดลง แต่อย่างไรก็ดีหุ้นดังกล่าวยังมีความเสี่ยงเรื่องสัญญาสัมปทานที่ยังต้องรอให้กฤษฏีกาตีความ

หุ้นมาร์เก็ตแคปใหญ่ในกลุ่มสื่อสารยังน่าสนใจ ก็มีการแข่งขันเรื่องโปรโมชั่นน้อยลงแต่ก็ยังมีความกังวลเรื่องนโยบายของรัฐที่จะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น โดยจะสังเกตุได้ว่าหากวันไหนผู้มีอำนาจหน้าที่ของรัฐบาลออกมาพูดในเชิงบวกเกี่ยวกับทางออกของปัญหาหุ้นเหล่านี้ก็จะปรับเพิ่มขึ้นแต่ถ้าวันไหนพูดอีกทางก็จะปรับลดลง ซึ่งคงต้องติดตามข่าวอย่างใกล้ชิดต่อไป นางสาวสุภากร กล่าว

นายฐิติเทพ นพเกตุ ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายวิจัย บล.ภัทร กล่าวว่า ภาพรวมหุ้นในกลุ่มสื่อสารยังคงน่าสนใจ โดยเฉพาะในบริษัทที่ประกอบธุรกิจประเภทให้บริการธุรกิจสื่อสาร เช่น ADVANC ,TAC และ TRUE ที่จะมีรายได้และกำไรมากขึ้นจากการแข่งขันด้านราคาน้อยลง ซึ่งสังเกตุได้จากโปรโมชั่นทางการตลาดใหม่ที่ผู้ใช้บริการจะต้องชำระเงินเป็นจำนวนเงินที่มากขึ้นหากเทียบกับ 2 ปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี ระดับราคาหุ้นในปัจจุบันถือว่ามีความน่าสนใจลงทุนเพราะหากเทียบกับปัจจัยพื้นฐานแล้วมีราคาต่ำและกลุ่มนักลงทุนจากต่างประเทศหากจะเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มสื่อสารก็จะพิจารณาหุ้นในกลุ่มเหล่านี้ก่อน

ส่วนความเสี่ยงของหุ้นในกลุ่มเหล่านี้ขึ้นอยู่กับนโยบายภาครัฐที่จะตีความในปัญหาต่างๆที่มีข้อขัดแย้งกันอยู่อันจะเกิดส่วนได้ส่วนเสียอย่างมหาศาล เช่นเรื่องของ Interconnection Charge (IC)และ Access Charge (AC) ทั้งนี้ มองว่าวงเงินที่ผู้ประโยชน์จะต้องชำระอาจสูงถึงหลักหมื่นล้านบาท และจะมีผลกระทบถึงกิจการนั้นจนทำให้มูลค่าหุ้นในอนาคตต้องถูกปรับลดราคาลงได้



[/color:52321f39cd">
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com