April 30, 2024   1:48:26 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เปิดมุมมองตลาดหุ้นไท
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 04/05/2007 @ 14:16:37
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ทิศทางตลาดหุ้นไทย จากนี้ไปจนถึงการเลือกตั้ง ดูเหมือนจะไม่สดใสเอาเสียเลย หลังจากที่กูรูในแวดวงตลาดทุนไทยออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งดูแล้วยังไม่มีเสถียรภาพพอที่จะทำให้นักลงทุนไทยและต่างชาติหันกลับมาลงทุนอย่างจริงจังในตอนนี้ โดยเห็นได้ชัดจากมูลค่าการซื้อขายในช่วงที่ผ่านมา

คำถามจึงอยู่ที่การสรรหามาตรการเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยจึงเป็นสิ่งสำคัญเหมือนกับที่ ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ได้ชี้ช่องทาง 4 ประเด็นหลัก ที่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยสามารถฟื้นคืนได้อย่างรวดเร็ว ในภาวะที่การเมืองยังใส่เกียร์ว่างกันอยู่

-ทิศทางเศรษฐกิจ-ตลาดหุ้น

นาย ศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ PHATRA กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจไทยว่า มีความเป็นไปได้ที่จะฟื้นตัวในระยะสั้น เนื่องจากกำลังการผลิตของภาคเอกชนกำลังเต็มเพดานทำให้ต้องมีการขยายกำลังการผลิตเพิ่ม บวกกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดีที่รัฐบาลเป็นห่วงการชะลอตัวของเศรษฐกิจ

"สิ่งที่รัฐบาลทำอยู่อาจทำให้เกิดการฟื้นตัวได้ในระยะสั้น แต่เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวในระยะยาวหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการเมืองและเศรษฐกิจโลก เพราะในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา การเมืองจะถึงจุดร้อนแรง เนื่องจากมีกระแสความไม่พอใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมากขึ้น ทำให้เกิดความกังวลใจว่าอาจจะไม่มีการเลือกตั้ง รวมทั้งยังต้องรอผลการตัดสินในคดียุบพรรคการเมือง ส่วนเศรษฐกิจโลกยังเป็นปัจจัยเสี่ยง แม้ว่าอัตราการขยายตัวในปีนี้จะเติบโตร้อยละ 4.9 แต่ยังต้องติดตามเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ซึ่งจะอาจกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในระยะยาว

เมื่อพูดถึงกลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นช่วงนี้ นายศุภวุฒิกล่าวว่า นักลงทุนควรจะชะลอการลงทุนไว้ก่อนโดยไม่ต้องรีบร้อน แต่ควรจะหันไปลงทุนในพันธบัตรแทน เนื่องจากดอกเบี้ยเป็นขาลง ผลตอบแทนที่ได้จะดีกว่า

สำหรับการลงทุนหุ้นควรจะมองไปในระยะยาว 2-3 ปีจากนี้ว่า จะสามารถฟื้นตัวได้อย่างมีคุณภาพหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับความชัดเจนทางการเมือง แต่ในระยะสั้นตลาดหุ้นอาจจะฟื้นได้บ้าง ซึ่งเป็นไปตามทิศทางของเศรษฐกิจโดยรวมที่รัฐบาลเร่งการลงทุนให้เกิดขึ้นจึงน่าจะฟื้นดัชนีฯได้แค่ในระยะสั้นเท่านั้น

"เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะฟื้นตัวได้ก่อนการเลือกตั้งตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เนื่องจาก 2 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจของไทยอยู่ในช่วงตกต่ำ การลงทุนภาคเอกชนติดลบ ทำให้รัฐบาลเห็นความสำคัญในการแก้ปัญหาดังกล่าวและกระตุ้นการลงทุนให้เกิดขึ้น เช่น การลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของบริษัทเอกชนที่มาบตาพุด จ.ระยอง ดังนั้นจึงเชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ และมีผลขับเคลื่อนให้ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นได้ในระยะสั้น"นายศุภวุฒิกล่าว

นายศุภวุฒิ กล่าวอีกว่า ถ้าภายใน 2 เดือนข้างหน้าแก้รัฐธรรมนูญไม่เรียบร้อยอาจทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปอีกหรือไม่ นอกจากนี้ ในรัฐธรรมนูญยังมีประเด็นเรื่องยุบพรรค ซึ่งอาจจะเป็นประเด็นที่นักลงทุนกังวลอยู่เช่นเดียวกัน รวมถึงกฎหมายของทุนต่างด้าวที่จะออกมาในเดือนส.ค. ถึง ก.ค. นี้จะสะท้อนได้ว่าเราต้อนรับทุนต่างชาติมากน้อยเพียงใด

ด้านนายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ให้มุมที่สอดคล้องกันว่า เศรษฐกิจไทยในระยะสั้นยังมีสัญญาณที่ไม่ดีนักเนื่องจากมีการชะลอตัวโดยเฉพาะดัชนีการอุปโภคและบริโภคภาคประชาชน การลงทุนภาคเอกชน และสินค้านำเข้า โดยคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปีนี้จะเติบโตไม่ถึง 4% ขณะที่ในปีหน้าหากเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น จีดีพีน่าจะขยายตัวเพิ่มเป็น 4-5%

"ระยะสั้นเศรษฐกิจไทยยังมีสัญญาณไม่ดีจากการชะลอตัวภาคเอกชนรวมถึงความกังวลในเรื่องการเมือง ซึ่งภาครัฐเองก็ยังมีการเร่งเบิกจ่ายเพื่อให้เกิดทุนหมุนเวียนเร็วขึ้น แต่โดยรวมคาดจีดีพีทั้งปีโตไม่ถึง 4%" นายก้องเกียรติ กล่าว

ขณะที่ตลาดหุ้นไทยก็ยังขับเคลื่อนไปต่อเนื่องจากนักลงทุนที่เข้ามาซื้อหุ้นในช่วงนี้โดยเฉพาะสถาบันเป็นการลงทุนระยะยาว 2 ปีขึ้นไป ซึ่งธุรกิจที่เป็นที่สนใจก็เป็นธุรกิจที่มีการปรับโครงสร้างโดยการดึงต่างประเทศเข้ามาเป็นพันธมิตรรวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวโยงกับสินค้าต่างประเทศ อาทิ พลังงาน ถ่านหิน แร่ธาตุ ค่าระวางเรือ ซึ่งการลงทุนในธุรกิจเหล่านี้คิดเป็นสัดส่วน 40% ที่ช่วยพยุงตลาดหุ้นได้ ทั้งนี้ประเมินว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยปีนี้จะเคลื่อนไหวเฉลี่ยอยู่ที่ 700-730 จุด

ด้านนายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ

(กบข.) กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนในตลาดหุ้นสำหรับนักลงทุนสถาบันควรจะมองในระยะยาว 1 ปีและเลือกลงทุนในบริษัทที่มีอัตราการเติบโตของกำไรในระดับที่ดี

"หากบริษัทนั้นมีผลประกอบการไม่ดีก็ควรจะพิจารณาต่อไปว่า มีปัจจัยใดที่จะทำให้ผลประกอบการของบริษัทดีขึ้นในอนาคต เพราะหากแนวโน้มของผลประกอบการดีขึ้นราคาหุ้นของบริษัทก็จะเพิ่มขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน"นายวิสิฐ

ทั้งนี้กบข.ยังคงมองว่าตลาดหุ้นไทยน่าลงทุนเนื่องจากมีอัตราเงินปันผลตอบแทนในระดับที่ดีโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4.3% ดังนั้นในมุมมองของกบข.จึงไม่ได้มีการปรับระดับลดการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพียงแต่อาจจะเปลี่ยนประเภทของธุรกิจการลงทุนไปบ้างตามอัตราการเติบโตของกำไร ขณะเดียวกันกบข.ยังมองการลงทุนในต่างประเทศด้วย เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกงและจีน

"หุ้นไทยน่าลงทุนมากในแง่ของอัตราผลตอบแทนเงินปันผลแต่ที่น่าเป็นห่วงคือ จะดูแค่เงินปันผลไม่ได้ ควรจะต้องดูผลประกอบการของบริษัทควบคู่กันไปด้วย"นายวิสิฐ กล่าว

นอกจากนี้นักลงทุนควรจะหาจังหวะเทรดดิ้งหรือ ขายทำกำไรหุ้นออกไปหากพบว่าหุ้นปรับตัวขึ้นเกินปัจจัยพื้นฐานเนื่องจากปัจจุบันราคามีความผันผวนมากขึ้นขณะเดียวกันนักลงทุนไม่ควรยึดติดกับประเด็นเรื่องการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปลายปีนี้ว่าจะเป็นไปตามกำหนดการของรัฐบาลหรือไม่

"การเลือกตั้งไม่ใช่คำตอบสุดท้ายที่จะบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมาฟื้นตัวเพราะก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้งยังมีประเด็นเรื่องการตัดสินยุบพรรคการเมือง ซึ่งน่าสนใจเช่นกันว่าหลังการตัดสินเรื่องยุบพรรคการเมืองแล้วจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นอีกหรือไม่" นายวิสิฐกล่าว


 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 04/05/2007 @ 14:17:47 :
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) หรือ

PTT กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยในขณะนี้คือความกลัวและความวิตกกังวล ทำให้มีผลกระทบต่อทั้งการบริโภค การลงทุน ซึ่งเชื่อว่าเมื่อร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติและมีการเลือกตั้งเศรษฐกิจไทยก็จะดีขึ้น เพราะทุกส่วนให้ความหวังกับเรื่องการเลือกตั้งมาก ดังนั้น รัฐบาลต้องบริหารความขัดแย้งให้ดี

"รัฐบาลรู้ปัญหาแล้วกำลังเร่งทำ ซึ่งถ้ามีการเลือกตั้งตามกำหนดเวลาทุกอย่างก็จะดีขึ้น เพราะทุกคนคาดหวังว่าการเลือกตั้งจะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศได้" นายประเสริฐ กล่าว

นายประเสริฐ กล่าวด้วยว่า แม้ภาวะเศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่ทางเครือ ปตท.ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงแผนการลงทุน โดยยังเดินหน้าการลงทุนมูลค่า 500,000-600,000 ล้านบาท ในระยะเวลา 4-5 ปีข้างหน้า ทั้งโครงการท่อส่งก๊าซ โรงแยกก๊าซ โรงกลั่นน้ำมัน และปิโตรเคมี เนื่องจากต้องมีการขยายกำลังการผลิต และต่อยอดทางธุรกิจเพื่อให้เกิดประโยชน์กับเศรษฐกิจในระยะยาว

ส่วนการลงทุนที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดยืนยันว่ายังดำเนินการต่อไป ไม่ได้ชะลอหรือหยุดการก่อสร้าง แต่ยอมรับว่าเมื่อมีปัญหาสิ่งแวดล้อมก็มีการหยุดบางส่วน แต่เมื่อมีความชัดเจนเรื่องแผนสิ่งแวดล้อมจากรัฐบาลแล้วก็จะเดินหน้าต่อ โดยลงทุนในโรงกลั่นและอุตสาหกรรมปิโตรเคมี มูลค่า 300,000 ล้านบาท ในระยะ 4-5 ปี

-ชูมาตรการกระตุ้นศก.

ในเมื่อภาพรวมของภาวะเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันยังดูไม่ค่อยดีนัก นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย ได้ให้แนวคิดที่ทางภาครัฐบาลควรจะมีการเร่งดำเนินการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ 4 แนวทาง ดังนี้

1. การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ ในทุกส่วนของประเทศเพื่อให้เศรษฐกิจไทยเดินหน้าต่อไปได้ 2.การเร่งสานต่อโครงการเมกะโปรเจ็กโดยเฉพาะโครงการโรงไฟฟ้าและโครงการรถไฟฟ้า การเร่งสร้างความชัดเจนในนโยบายต่างๆ 3.กฎหมายการถือครองหุ้น เพื่อให้กระแสโลกรับการลงทุนจากต่างชาติแต่ประเทศไทยยังไม่ชัดเจนในเรื่องนี้



4.การเร่งลดดอกเบี้ยให้เข้าอยู่สู่จุดต่ำสุดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งน่าจะลดลงถึง 1% ก่อนสิ้นปีนี้ และเชื่อว่าการเร่งทำในเรื่องดังกล่าวจะเป็นตัวแปรที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ดีขึ้นนอกจากนี้ ทางสภาตลาดทุนไทยได้เสนอแผน 5 ปี ให้กับกระทรวงการคลังรับทราบในเรื่องของภาคการบังคับภาคเอกชน กองทุนวายุภักษ์ 2 สถาบันประกันเงินฝาก และการแก้ไข พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ต้องการให้กระทรวงการคลังเข้ามาดูแล

สำหรับแนวทางฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยในแนวคิดของ นายวิสิฐ ตันติสุนทร จะให้ความสำคัญในประเด็นที่ว่า ภาครัฐบาลควรเข้ามากระตุ้นการออมของภาคครัวเรือนที่ปัจจุบันลดลงมาอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง นับตั้งแต่ปี 2541 ที่สัดส่วนการออมภาคครัวเรือนอยู่ที่ 11% ของจีดีพี

"ความน่ากังวลของการออมภาคครัวเรือนลดลงตั้งแต่หลังวิกฤติเศรษฐกิจ จนล่าสุดในปี 2549 ที่ผ่านมาก็ยังปรับตัวลดลงมาเหลืออยู่ 4% ของจีดีพี สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าประชาชนไม่มีเงินออมและยังมีการดึงเงินออมออกมาใช้จ่ายอีกด้วย ซึ่งถือเป็นการใช้จ่ายที่เกินตัว"นายวิสิฐกล่าว

ทั้งนี้รัฐบาลควรจะเร่งจัดตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) ซึ่งยืดเยื้อมาในหลายรัฐบาลแล้ว หากสามารถจัดตั้งขึ้นได้จะเป็นการบังคับให้ประชาชนออมเงิน จากปัจจุบันที่การออมเงินเป็นไปแบบสมัครใจจนส่งผลให้อัตราการออมลดลงและถือว่าเป็นปัญหาสังคมอีกอย่างหนึ่งด้วย



ข่าวหุ้น

[/color:b464c4bb0e">
 กลับขึ้นบน
P_aud
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 531
#2 วันที่: 06/05/2007 @ 12:50:24 :
ขอบคุณค่ะ
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com