April 30, 2024   4:00:46 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เริ่มก่อยอด เจดีย์....?
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 04/05/2007 @ 10:26:11
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

แนวโน้มการลงทุนระยะสั้นทิศทางดัชนีราคาหุ้นตลาดหลักทรัพย์เริ่มเข้าสู่?ยอดเจดีย์? สำหรับหุ้นบางตัวทำให้พฤติกรรมการเก็งกำไรเริ่มชะลอตัวและมีการขายทำกำไรระยะสั้น ในหุ้นกลุ่มนำตลาดซึ่งอาจจะส่งผลให้การฝ่าแนวต้านบริเวณดัชนี 710 ? 720 จุดอาจจะกลายเป็นจุดสูงสุดของการฟื้นตัวรอบนี้และอาจจะจบลงด้วยการขายทำกำไรระยะสั้นที่รุนแรงหากขาดปัจจัยหนุนตลาดระยะสั้นที่ชัดเจนและตลาดระยะสั้นอาจจะต้องใช้เวลาปรับฐานราคาบริเวณ 700 จุดก่อนการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอีกครั้ง

ราคาหุ้นหลักในกลุ่มพลังงานเริ่มส่งสัญญาณ ?ติดยอดเจดีย์? ซึ่งหมายความว่าระยะสั้นราคาหุ้นเริ่มชนแนวต้านและอาจจะเป็นจุด ?สูงสุด? ของรอบสำหรับหุ้นพลังงานตัวใหญ่เนื่องจากราคาหุ้นเริ่มเผชิญแรงขายทำกำไรทำให้สัญญาณทางเทคนิคเกิดรูปShooting Star ซึ่งหมายความว่าแรงซื้อระยะสั้นสู้แรงขายไม่ได้ทำให้ราคาหุ้นขึ้นไปสูงและถูกเทขายลงมาปิดที่ใกล้เคียงกับราคาเปิดหรือต่ำกว่า ซึ่งฟ้องว่าหุ้นที่เข้าข่ายลักษณะนี้หลังจากที่ราคาปรับขึ้นต่อเนื่องมากกว่า 5
วันทำการเริ่ม ?อันตราย? สำหรับการเก็งกำไรและลงทุนระยะสั้น เว้นแต่จิตวิทยาตลาดที่ดีเข้ามาช่วยหนุนอาจจะสามารถประคองราคาหุ้นระยะสั้นได้ แบบไม่เสถียรและพร้อมที่จะปรับตัวลง หากสถานการณ์ระยะสั้นไม่ดี

สัญญาณทางด้านเทคนิคของตลาดหุ้นระยะสั้นยังคงมี ?แรงหนุน? จากการเก็งกำไรที่ก่อตัวขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้โดยหากตลาดเล่นทางขึ้นต่อเนื่องนั้น แม้ว่าจะมีการเทขายทำกำไรชนิดรุนแรงออกมาแต่ดัชนีไม่ควรต่ำกว่าระดับ 703 ? 700 จุดจึงจะเป็นการรักษาระดับการฟื้นตัวต่อไปได้ และที่สำคัญคือ ดัชนีควรจะต้องมีการทำจุดสูงใหม่โดยไม่ปิดต่ำและทิ้งช่องว่างระหว่างราคาสูงสุดและราคาปิดไม่ควรห่างกันมากกว่า 50% ของการเคลื่อนไหวระหว่างวันระหว่างราคาสูงสุดและราคาต่ำสุด เพราะลักษณะดังกล่าวสะท้อนว่า ภาวการณ์ลงทุนระยะสั้นเริ่ม ?เปราะบาง? และมีแนวโน้มของการถูกเทขายทำกำไรระยะสั้นในระดับที่รุนแรงขึ้น

อย่างไรก็ตามภาวการณ์ลงทุนที่เกิดขึ้นคาดว่าจะนำไปสู่การเลือกลงทุนเป็นรายตัวตาม มุมมองด้านเทคนิค ข่าวที่มากระทบต่อการตัดสินใจลงทุน และการเก็งกำไรของนักลงทุนรายใหญ่ ส่วนการลงทุนของนักลงทุนสถาบันที่อ้างอิงภาวะเศรษฐกิจ การเมือง และผลประกอบการของบริษัทเป็นรายไตรมาสคาดว่าระยะสั้นขาดปัจจัยชี้นำ เนื่องจากบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ประกาศผลประกอบการงวดไตรมาสแรกออกมาแล้ว ส่วนไตรมาสที่สองแนวโน้มอาจจะชะลอตัวลงอีกเนื่องจากเป็นช่วงที่มีวันหยุดค่อนข้างมากในรอบปี ทำให้การผลิตส่วนหนึ่งน้อยลงในแง่จำนวนวันที่ทำการ สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นคาดว่าจะเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการขายทำกำไรระยะสั้น และมีการ ?ย้ายเงินทุน? จากหุ้นตัวที่มีกำไรไปหาหุ้นที่ยังมี ?ส่วนต่าง? สำหรับการเข้าเก็งกำไรโดยหุ้นเกรดที่รองลงมาอาจจะได้รับความสนใจในการเก็งกำไรเพิ่มขึ้น แต่คาดว่าพฤติกรรมการลงทุนยังเน้นการเก็งกำไรระยะสั้นประเภท ?เข้าเร็ว ออกเร็ว? และไม่ถือครองหุ้นที่ซื้อแล้วมองว่า ?ผิดทาง หรือหลงทาง? โดยเฉพาะการซื้อประเภทถัวเฉลี่ย? บ่อยครั้งที่กลยุทธ์ดังกล่าวกลายเป็น ?เถือเฉลี่ย? เพราะติดหุ้นที่สูงและซื้อถัวตลอดเส้นทางการลงทุน สิ่งที่ตามมาคือ ไม่เงินหมดก่อน ก็กำลังใจหมดก่อนเพราะไปถัวใจจังหวะที่ราคาหุ้นเพิ่งเริ่มลง ตรงกันข้ามหากติดหุ้นและราคาหุ้นเริ่มฟื้นตัวการซื้อถัวในภาวะที่ตลาดหรือหุ้นตัวที่ติดขึ้นระยะแรก (1 -3 วันทำการ) หลังจากลงมานาน อาจจะทำให้ได้เปรียบกว่ากรณีแรก

KTB ราคาหุ้นถูกถล่มลงมาด้วยข่าว เรื่อง ?หนี้เสีย? ที่เพิ่มขึ้น และข่าวเกี่ยวกับ Spread Margin ที่ลดลง โดยราคาหุ้นได้ทำจุดต่ำที่บริเวณ 10.50 บาท และเริ่มค่อย ๆ ฟื้นตัวโดยล่าสุดยืนบริเวณ 10.90 -11 บาทได้โดยไม่ทำจุดต่ำใหม่หากข้อมูลที่เกิดขึ้นสะท้อนข่าวร้ายดังกล่าวสมบูรณ์คาดว่าตำแหน่งการยืนเหนือค่าเฉลี่ย 5 วันบริเวณ 10.90 บาทได้พร้อมกับสัญญาณฟื้นตัวน่าจะเป็นจังหวะสำหรับการเล่นตีกลับมาบริเวณ 11.50 -12.00 บาท เพราะหุ้นแบงก์ใหญ่ในแง่สินทรัพย์รองจาก BBL ตัวนี้ เป็นเหมือน Indicators ชี้นำทิศทางตลาดได้ หากยังเลือกเล่นทางขึ้น

IRPC ไม่รู้ไปโกรธใครมาดัชนีฝ่า 700 จุดมาวันสองวันเพิ่งใส่เสื้อเขียว แนวโน้มหลักยังเป็นการปรับตัวลง แต่หากดัชนีขาด ?ตัวช่วย? ประเภท Big Cap IRPC จัดเป็นหุ้นประเภทมีพัฒนาการที่ดีในทางการเงินและปันผลโดยกรอบการเก็งกำไรอยู่ระหว่าง 5.85/5.45 บาท ส่วนแนวต้านแบบเด็ก ๆ อยู่บริเวณ 6.40 บาทส่วนแนวต้านแบบ ?ยักษ์ ๆ? อยู่บริเวณ 7 บาท TT&T มีสัญญาณการเก็งกำไรและการฟื้นตัวที่น่าติดตาม หลังจากรุ่นพี่อย่าง TRUE ราคาเดินหน้าแบบไม่สนใจผลประกอบการที่ขาดทุน แต่ TT&T หุ้นโทรศัพท์ภูธรที่ราคาลดลงจนต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชีชนิดไม่เชื่อสายตาตัวเองแต่สัญญาณการฟื้นตัวค่อย ๆ ดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีกรอบการเก็งกำไรระยะสั้นระหว่าง 1.05 -1.23 บาทส่วนฟุตเวอร์คต้องติดตามกันในสนามนักลงทุนเอง

CNT หุ้นรับเหมาตัวเล็กค่าย SCB ราคาย่ำอยู่บริเวณ 2.50 บาท -2.76 บาทระยะสั้นเรี่มมีสัญญาณการฟื้นตัวของราคาตามกลุ่มรับเหมาก่อสร้างเป็นหุ้นประเภทเครื่องร้อนช้าแต่รอบจัด ผลการดำเนินงานเริ่มกลับมามีกำไรและจ่ายปันผลได้ กรอบเก็งกำไรเด็ก ๆ 2.50 -2.76 บาท ส่วนแบบ ?ผู้ใหญ่? ดูได้ถึงแนวต้าน 3.04 -3.30 บาทหากตลาดไม่วายเสียก่อน (แสดงความคิดเห็นผ่าน Email : cnantawat@yahoo.com)




[/color:b078a5c466">

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 04/05/2007 @ 10:27:07 :
[b:5f6f8774af">กลุ่มธนาคารพาณิชย์ [/b:5f6f8774af">

รายได้ชะลอตัว ข้อมูลจากฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ของบริษัทที่ผมทำงานอยู่ระบุว่า รายได้จากการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารในไตรมาสที่ 1 ปี 2550 ลดลง มีสาเหตุมาจากการที่สินเชื่อลดลง ที่สำคัญยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัวเลยใน ไตรมาสที่ 2 นี้ เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนทำให้ดัชนีชี้นำการลงทุน, การอุปโภคบริโภค การนำเข้าสินค้า และ การขยายสินเชื่อ ต่ำสุดในรอง 3-4ปี อย่างไรก็ตาม ก็ยังหวังว่าจะฟื้นตัวได้ใน ไตรมาสที่ 3 เป็นอย่างเร็ว แต่ก็ไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไหร่
ที่น่าสนใจ คือ ค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน ดูจากงบการเงินในไตรมาสที่ผ่านมา ดูแล้วมีการเพิ่มจากการที่กลุ่มธนาคารฯเริ่มกลับมาขยายเครือข่ายสาขาอย่างมีนัยสำคัญ และเริ่มลงทุนระบบ IT เพื่อเพิ่มรายได้ค่าธรรมเนียมและรองรับการแข่งขันกับธนาคารต่างชาติ เช่น GE Capital และ Nova Scotia

กำไรจากการดำเนินงานลดลง ในไตรมาสที่ 1 กำไรจากการดำเนินงาน(Operating profit before provisioning) ลดลง -7.6% เทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปีที่แล้ว รายได้จากการดำเนินงาน (Operating Income) ประกอบด้วยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (Net Interest Income) และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-interest Income) ไม่รวมกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทย่อย, กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และอื่นๆ ส่วนค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน (Operating Expense) เช่นค่าใช้จ่ายพนักงาน,ค่าใช้จ่ายอาคาร สถานที่และอุปกรณ์, และค่าภาษีอากรและค่าธรรมเนียมบริการ โดยไม่รวมรายการพิเศษเช่น ขาดทุนของหนี้สินหรือสินทรัพย์รอการขาย, การตัดจำหน่ายค่าความนิยม และอื่นๆ ข้อสังเกตสำคัญๆที่เราได้ข้อมูลจากตัวเลขเหล่านี้คือ มีเพียง SCB เท่านั้นที่มี กำไรจากการดำเนินงานเพิ่ม +6.9% ขณะที่ธนาคารอื่นๆมีกำไรจากการดำเนินงานลดลง SCIB -21.1%, KTB -18.3%, TMB -15.8%, BBL -8.4%, BAY -4.4% และ KBANK -2.6%

ปัจจัยที่กระทบต่อรายได้ของธนาคารมีเยอะ
รายได้จากการดำเนินงานหลักจะถูกกดดันจาก การชะลอตัวทางเศรษฐกิจอันเกิดจากความไม่แน่นอนทางการเมือง, ความล่าช้าการเบิกจ่ายงบประมาณ, เกณฑ์กันสำรอง 30% และการแก้กฎหมายต่างด้าว ที่สำคัญ หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ส่งสัญญาณเพิ่มขึ้น

NPL ของกลุ่มธนาคารฯ เพิ่ม +2.1% ประมาณ 8,135ล้านบาท มาจาก KTB +4,934ล้านบาท KBANK +3,061ล้านบาท BAY +2,803ล้านบาท SCB +1,825ล้านบาท

คาดว่าภาวะโดยรวมของกลุ่มธนาคาร ฝั่งสินเชื่อจะฟื้นตัวใน ไตรมาสที่ 3 โดยหวังว่าจะมา จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งการเงินและการคลัง และดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาลง คาดว่าจะลดอีก 0.25-0.50% ในวันที่ 23 พ.ค 2550 เม็ดเงินที่มาจากงบประมาณจะเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญในช่วงกลางปี ที่สำคัญรัฐบาลจะมีเม็ดเงินกระตุ้นรากหญ้าเป็นสำคัญ และอาจมีมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ และมาตรการทางภาษีบางอย่าง ที่สำคัญ เราต้องช่วยกันให้การเมืองเริ่มนิ่ง หลังร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ ะนำไปสู่การทำประชามติ และเลือกตั้งทั่วไปได้ในที่สุด




 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com