นักวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) นครหลวงไทย เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ว่า จะเคลื่อนไหวในลักษณะแกว่งตัว แนวโน้มการลงทุนจะหันมาลงทุนในหุ้นที่มีขนาดเล็กมากขึ้น โดยปัจจัยหลักเป็นการคาดการณ์ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 50 ซึ่งคาดว่าการ ซื้อของนักลงทุนต่างชาติจะชะลอตัวลงหลังจากมีการปรับการลงทุนจากกลุ่มธนาคารมาเป็นกลุ่มพลังงานในสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับกลุ่มที่คาดว่าจะเป็นกลุ่มเด่นในสัปดาห์นี้ ได้แก่ กลุ่มโรงกลั่น หลังจากค่าการกลั่นในสัปดาห์ก่อนปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 19 เดือน และกลุ่มรับ เหมาก่อสร้างหลังจากรัฐบาลยืนยันที่จะเปิดประมูลรถไฟฟ้าในเดือน ส.ค.นี้

ด้านนักวิเคราะห์จาก บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) มองทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ว่า จะได้รับแรงหนุนจากการประกาศ ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเดือน เม.ย. 50 ซึ่งส่วนใหญ่มีแนวโน้มดีขึ้น เช่น ดัชนีภาคการผลิต ดัชนีภาคบริการ และตัวเลขการจ้างงานทั่วไป อย่างไร ก็ตาม ตลาดหุ้นไทยอาจได้รับแรงกดดันจากการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยแนวรับของสัปดาห์นี้คือ 685-690 จุด แนวต้านคือ 700-705 จุด ตามลำดับ

ทางด้าน บล. ยูไนเต็ด ได้ออกบทวิเคราะห์ตลาดหุ้นไทยในระยะกลางว่า ลักษณะการเคลื่อนไหวจะอยู่ในกรอบแคบ ๆ 680-700 จุด โดยนักลงทุนเริ่มมีความหวังว่าเศรษฐกิจไทยมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้ในช่วงครึ่งปีหลังจากปัจจัยบวก คือ ดอกเบี้ยที่เป็นขาลง การเร่งเบิกจ่ายเงินของภาครัฐ และการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก รวมทั้งการเปิดประมูลโรงไฟฟ้าและรถไฟฟ้า แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาการเมืองในช่วงเดือน พ.ค.ที่คาดว่าจะร้อนที่สุดจากตัดสินคดียุบพรรค คดีของกลุ่มอำนาจเก่า การชุมนุมต่อต้านรัฐประหารและร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และม็อบเกษตรกร ดังนั้น กลยุทธ์ในช่วงนี้จะเป็นลักษณะลงทุนช่วงสั้น ๆ โดยซื้อเมื่อตลาดปรับตัวลงและขายเมื่อดีดกลับ และเปลี่ยนกลยุทธ์ไปซื้อถือลงทุนเมื่อผ่านเดือน พ.ค.ไปแล้ว

นักวิเคราะห์จาก บล. เอเซีย พลัส เผยว่า เศรษฐกิจโลกปีนี้ เป็นช่วงเวลาของการฟื้นตัวของประเทศมหาอำนาจ เช่น จีน กลุ่มประเทศในทวีปยุโรป สหรัฐ และญี่ปุ่น ดังนั้นจึงไม่น่ากังวลกับเศรษฐกิจโลกจะถดถอย แต่ประเทศเล็กที่ขาดความสามารถในการแข่งขัน เช่น ไทย และเกาหลีใต้ คาดว่าถดถอยลงไปอยู่บ้าง โดยภาวะที่ดอกเบี้ยขาลง มีในประเทศไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ เท่านั้น ส่วนประเทศอื่นของโลก โดยเฉพาะประเทศที่เศรษฐกิจเจริญแล้ว ดอกเบี้ยกำลังเป็นขาขึ้น ดังนั้นราคาอสังหาริมทรัพย์ จะเป็นอีกอย่างที่ราคากำลังปรับสูงขึ้น โดยอัตราดอกเบี้ยในประเทศที่เป็นขาลง จะเป็นผลดีกับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดเล็ก ที่ทำธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์เป็นหลัก.