April 30, 2024   1:16:04 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > วันนี้มีลุ้นดัชนีฯ แตะ 710 จุด ถ้าผ่านได้เจอกันใหม่ 720 จุด
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 02/05/2007 @ 22:57:47
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

วันนี้ (3 เม.ย.) มีลุ้นดัชนีฯ วิ่งแตะแนวต้านใหม่ 710 จุด จากแรงเก็งกำไรรับผลประกอบการ บจ. ใน Q1/50 โดยเฉพาะหุ้นบิ๊กแคปมีเข้าเพียบ ขณะที่ปัจจัยด้านการเมืองคลายความร้อนแรงลงชั่วคราว โบรกฯ ชี้หากผ่านได้ เจอกันใหม่ที่แนวต้าน 720 จุด ส่วนวอลุ่มที่เหนือ 1.3 หมื่นล้าน ยังช่วยหนุนหุ้นกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ให้สดใสได้อีกครั้ง หลังก่อนหน้าราคาร่วงรับงบ Q1/50 ไม่สวยไปแล้ว

* ดัชนีฯ ยืนเหนือ 705 จุด วอลุ่มเกิน 1.3 หมื่นล้าน
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันที่ 2 เมษายน 2550 ปิดที่ระดับ 705.47 จุด เพิ่มขึ้น 6.31 จุด หรือ 0.90% มูลค่าการซื้อขาย 13,154.19 ล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติยังคงซื้อสุทธิ 519.53 ล้านบาท ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่คลายความร้อนแรงลง เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมประกาศยุติการชุมนุมชั่วคราว เนื่องจากเกิดฝนตกอย่างต่อเนื่องในระยะนี้

โดยมี 5 หุ้นบิ๊กแคปที่หนุนดัชนีฯ ได้แก่ PTT ซึ่งปิดที่ระดับ 224 บาท เพิ่มขึ้น 4 บาท ราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นมีผลต่อตลาด 1.5861 จุด, ADVANC ปิดที่ 78 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท มีผลต่อตลาด 1.0444 จุด, SCC ปิดที่ 236 บาท เพิ่มขึ้น 4 บาท มีผลต่อตลาด 0.6785 จุด, BBL ปิดที่ 112 บาท เพิ่มขึ้น 2 บาท มีผลต่อตลาด 0.5397 จุด และ PTTCH ปิดที่ 82.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท มีผลต่อตลาด 0.3160 จุด

* ชี้นักลงทุนเก็งกำไรผลประกอบการ Q1/50
นายรณกฤต สารินวงศ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แอ๊ดคินซัน เปิดเผยว่า สาเหตุที่บ่ายวานนี้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพราะนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรเกี่ยวกับผลประกอบการในไตรมาสที่ 1/2550 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่คาดว่าจะออกมาดี นอกจากนี้ยังไม่มีปัจจัยลบใหม่ๆ เข้ามากดดันดัชนีฯ อีกด้วย

ส่วนกลยุทธ์การลงทุน แนะนำเลือกทยอยขายหุ้นที่ราคาปรับเพิ่มขึ้นเกินปัจจัยพื้นฐาน โดยให้แนวรับดัชนีฯ ไว้ที่ 700 จุด และแนวต้านที่ 714 จุด อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรที่ระมัดระวังในการลงทุนในระยะนี้ด้วย เพราะที่ผ่านมาดัชนีฯ ได้ปรับเพิ่มขึ้นมากแล้ว อาจมีแรงขายทำกำไรออกมาได้

* คาดวันนี้ดัชนีฯ ทะลุ 710 จุด ก่อนไปต่อที่ 720 จุด
นายวีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ฟาร์อีสท์ กล่าวถึงภาพรวมตลาดหุ้นไทยว่า วานนี้ตลาดหุ้นไทยค่อนข้างคึกคัก มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นตามตลาดต่างประเทศ ประกอบกับตอนนี้แรงกดดันในประเทศยังไม่มีอะไรที่เป็นปัจจัยลบใหม่เข้ามา จึงทำให้มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่หลายตัว ไม่ว่าจะเป็นหุ้นในกลุ่มธนาคาร พลังงาน อสังหาริมทรัพย์ และรับเหมาก่อสร้าง

ส่วนแนวโน้มในวันนี้ คาดว่า ดัชนีฯ น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากวานนี้ที่ดัชนีฯ ปิดระดับที่ 705.47 จุด โดยในวันนี้ดัชนีฯ น่าจะมีโอกาสขึ้นไปถึง 710 จุดได้ และหากดัชนีฯ ขึ้นไปถึง 710 จุดแล้วก็มีโอกาสที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 720 จุดได้ โดยมีปัจจัยหลักมาจากการคาดการผลประกอบการณ์ที่จะออกมาในสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้า และยังไม่มีปัจจัยลบมากดดันดัชนีฯ ด้วย

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้ขายทำกำไร โดยให้แนวรับที่ 700 จุด และแนวต้านที่ 710-720 จุด




 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 02/05/2007 @ 22:59:00 :
* แนะเลือกซื้อหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี-เชื่อหุ้นบิ๊กแคปหนุนตลาดฯ
ด้านนายเกียรติก้อง เดโช ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซิกโก้ เปิดเผยว่า ดัชนีฯ วานนี้มีแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มพลังงาน, ปิโตรเคมี และกลุ่มเดินเรือ ซึ่งมีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงทำให้มีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นกว่าที่ผ่านมา รวมทั้งส่งผลให้ดัชนีฯ ยืนเหนือ 705 จุด ได้ ในขณะเดียวกันดัชนีตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศส่วนใหญ่ยังคงยืนอยู่ในแดนบวก จึงทำให้บรรยากาศการลงทุนสดใส และส่งผลให้ดัชนีฯ เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับต่างประเทศด้วย

สำหรับแนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์พรุ่งนี้ คาดว่ามีโอกาสที่จะปรับเพิ่มขึ้นได้ต่อ เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยลบใหม่ที่โดดเด่นเข้ามากดดันดัชนีฯ ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงเข้ามาเก็งกำไรเกี่ยวกับผลประกอบการในไตรมาสที่ 1/2550 ที่คาดว่าจะออกมาดีด้วยเช่นกัน

"วันนี้ดัชนีฯ น่าจะปรับเพิ่มขึ้นได้ต่อ เพราะแรงกำไรเกี่ยวกับผลประกอบการก็น่าจะยังคงมีต่อ โดยเฉพาะแรงเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มพลังงาน ที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ น่าจะดันดัชนีฯ ให้บวกต่อได้ อีกทั้งแรงซื้อจากต่างชาติก็ยังคงมีอยู่ เพราะช่วงนี้ข่าวลบไม่ค่อยเข้ามากระทบตลาดฯ" นายเกียรติก้อง กล่าว

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกและดัชนีตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ ยังคงเป็นปัจจัยรายวันที่ต้องติดตาม เนื่องจากอาจส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุนและชี้นำต่อตลาดหุ้นไทยได้ ส่วนกลยุทธ์การลงทุนแนะนำเลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานดี โดยให้แนวรับดัชนีฯ ไว้ที่ 700 จุด ให้แนวต้านไว้ที่ 707 จุด ให้แนวต้านถัดไปไว้ที่ 710 จุด

* หุ้นโบรกฯ มีลุ้นเดินหน้าบวก หลังร่วงรับ Q1/50 กำไรรูด 74%
มูลค่าการซื้อขายที่เหนือ 1.3 หมื่นล้านบาทนั้น ส่งผลดีต่อเนื่องมายังหุ้นในกลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ ที่น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ หลังจากก่อนหน้านี้ราคาร่วงรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/50 ที่มีกำไรลดลง 74% ซึ่งในการสำรวจผลประกอบการในไตรมาส1/50 ของบริษัทหลักทรัพย์ซึ่งประกาศมาแล้วจำนวน 6 บริษัท ได้แก่ บล.แอ๊ดคินซัน (ASL) บล.บัวหลวง (BLS) บล.บีฟิท (BSEC) บล.พัฒนสิน (CNS) บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) (KEST) และ บล.ภัทร (PHATRA) ปรากฎว่า มีกำไรสุทธิรวม 146.56 ล้านบาท ลดลง 413.93 ล้านบาท หรือ 73.85% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 560.59 ล้านบาท

โดยบริษัทหลักทรัพย์ที่มีผลการดำเนินงานแย่ที่สุดคือ บล.แอ๊ดคินซัน ขาดทุน 106.79 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 58.74 ล้านบาท หรือ 122.24% ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ที่มีกำไรในไตรมาส1ปี2550 มากที่สุดคือ บล.ภัทร ซึ่งมีกำไรสุทธิ 103.49 ล้านบาท แต่ก็ยังลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 181.09 ล้านบาท หรือลดลง 42.85%

* ประเมิน Q2/50 ผลงานยังไม่กระเตื้อง
นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ กล่าวถึงแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2/50 ของบริษัทหลักทรัพย์ ว่า น่าจะมีการปรับตัวลดลงต่อจากไตรมาส 1 /50 ซึ่งคาดว่าในไตรมาส 2 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันน่าจะลดลงกว่าไตรมาสแรก ที่อยู่ที่ 12,000 ล้านบาทต่อวัน ส่งผลให้อาจต้องมีการปรับการคาดการณ์กำไรของบริษัทหลักทรัพย์ลง

โดยบริษัทหลักทรัพย์ส่วนใหญ่มีผลประกอบการมาจากค่าธรรมเนียม และค่านายหน้า แต่ยังมีบริษัทหลักทรัพย์บางแห่งที่รายได้ส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากค่านายหน้าหรือค่าธรรมเนียมก็อาจจะมีผลกำไรมากกว่าบริษัทหลักทรัพย์อื่น เช่น บล.ภัทร บล.กิมเอ็ง เป็นต้น
"คิดว่าไตรมาส 2 ผลประกอบการของบริษัทหลักทรัพย์ ก็น่าจะลดลงต่อจากไตรมาส 1 เพราะคาดการณ์ว่าในไตรมาส2 น่าจะมีปริมาณการซื้อขายลดลงจากไตรมาสแรก" นายอดิศักดิ์ กล่าว

นายชัย จิรเสวีนุประพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.พัฒนสิน กล่าวว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2 ปี 2550 ของบริษัทหลักทรัพย์ น่าจะยังออกมาไม่ดี เพราะยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่น่าจะส่งผลกระทบต่อผลประกอบการณ์ในไตรมาส 2 ซึ่งในช่วงนี้ต้องรอดูก่อน แต่คาดว่าบริษัทหลักทรัพย์ส่วนใหญ่น่าจะมีการปรับการคาดการณ์ผลประกอบการณ์ในไตรมาส 2 ลงด้วย



[/color:3ca05066dc">
 กลับขึ้นบน
P_aud
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 531
#2 วันที่: 03/05/2007 @ 19:13:14 :
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com