April 30, 2024   1:52:15 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นเด่น......เล่นสั้น
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 02/05/2007 @ 09:03:43
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET
การฝ่า Tweezers Top บริเวณ 696 จุดได้นั้นส่งผลให้ภาพระยะสั้นมีสถานะเชิงบวก กอปรกับสัญญาณซื้อที่พบใน Stochastic ก็บ่งบอกถึงโอกาสการปรับขึ้นต่อของดัชนีโดยมีแนวต้านหลักคือเส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์ที่ 705 จุด ก่อนดีดตัวถึงเป้าหมายข้างต้านหากเกิดการพักฐานย่อยใดๆนั้นดัชนียังไม่น่าจะปรับลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน

มุมมองระยะกลาง - BGH
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
โครงสร้างระยะยาวของ BGH นั้นมีลักษณะของแนวโน้มขาขึ้นอย่างสมบูรณ์ โดยเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 44 ระหว่างทางการดีดตัว BGH เกิดการปรับฐานเป็นระยะ แต่ยังสามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยเส้นหลักๆ ได้อย่างมั่นคง อีกทั้งยังดีดตัวทำจุดสูงใหม่ได้เสมอมา ภาวะขาขึ้นนี้คาดว่าจะดำเนินต่อไป โดยมีเป้าหมายหลักของการทดสอบคือ ณ 50.00 บาท ในโครงสร้างใหญ่

หุ้นเด่น เล่นสั้น - EVER
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
จากกราฟรายวัน ราคามี Continuation pattern กลับตัวขึ้นอย่างชัดเจน และยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน นอกจากนั้น ในกราฟรายสัปดาห์ยังมีสัญญาณซื้อจาก RSI & Stochastic ดังนั้น ในระยะกลาง มีโอกาสที่หุ้นจะขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญ ณ เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน บริเวณ 3.90-4.00 บาท จึงแนะนำซื้อ โดยให้แนวรับที่ 2.10-2.20 บาท สำหรับจุด Stop loss อยู่ที่ 2.08 บาท เมื่อหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน

หุ้นเด่น เล่นสั้น - RRC
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
พิจารณาจากกราฟรายวัน มี Golden Cross เกิดขึ้น พร้อมกับรูปแบบ Continuation pattern กลับตัวขึ้นอย่างชัดเจน และยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน นอกจากนั้น ยังมีสัญญาณซื้อจาก RSI & Stochastic ดังนั้น ระยะสั้นจะทดสอบจุดสูงสุดใกล้ที่ 20.50 บาท ในระยะกลาง มีโอกาสที่จะทดสอบจุดสูงสุดรอบที่แล้ว บริเวณ 21.40 บาท จึงแนะนำซื้อลงทุน โดยให้แนวรับที่ 18.30-18.50 บาท สำหรับจุด Stop loss อยู่ที่ 18.10 บาท เมื่อหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน


 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 02/05/2007 @ 09:07:27 :
Weekly Strategy

เคลื่อนไหวผันผวน เน้นผลประกอบการบริษัท
ดัชนีมีแนวโน้มเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ 685 - 705 จุด ในลักษณะสลับกลุ่มสลับตัวเล่น ตามคาดการณ์ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน

ตลาดรอมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คาดว่าจะมีการสรุปในสัปดาห์นี้ มีแนวโน้มที่จะเน้นกระตุ้นการใช้จ่ายผู้บริโภค ผ่านการปล่อยสินเชื่อของธนาคารภาครัฐ อาจไม่มีนัยต่อตลาด หากไม่มีมาตรการที่เป็นรูปธรรมสำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์

แนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อ
การชะลอตัวของการบริโภคในประเทศ ผนวกกับอัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าจะยังอยู่ในระดับต่ำที่ 2% จะสนับสนุนการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.50% ในการประชุมเดือน พ.ค.

เน้นเลือกลงทุนเป็นรายหลักทรัพย์
ผลการดำเนินงานของบริษัทขนาดใหญ่นอกภาคการเงินที่ดีกว่าคาด จะช่วยสนับสนุนบรรยากาศการลงทุนในระยะสั้น หุ้นโภคภัณฑ์ อย่างพลังงาน เหล็ก ปิโตรเคมี เดินเรือ ยังโดดเด่นตามราคาตลาดโลกที่อยู่ในระดับสูง สนับสนุนผลประกอบการไตรมาส 2/50



 กลับขึ้นบน
kts
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 16
#2 วันที่: 02/05/2007 @ 09:35:52 :
วันนี้(02/05/50) ราคาน้ำมันตลาด NYMEX ลดลงอยู่ที่ 64.67 ดอลล่าร์ อาจจะมีผลต่อกลุ่มพลังงานได้ จริงๆแนวต้านใหญ่ของ RRC จะอยู่ที่ 18.80 บาท ถ้าผ่านไปได้ก็จะดี แต่คิดว่าช่วงนี้อาจปรับตัวลงพร้อมราคาน้ำมันที่ลดลง แนวรับ 18.0-18.10 บาท [/color:4ce1290453">
 กลับขึ้นบน
P_aud
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 531
#3 วันที่: 02/05/2007 @ 10:05:22 : p-yui
~โห ....เอา BGH มาเล่นสั้น แล้วเหรอจ๊ะ ...

หวังว่าคงม่ายช่าย แบบ เดย์เทรด นะคะท่าน... :P :P
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#4 วันที่: 02/05/2007 @ 10:06:37 :
MK: ยอดขายเริ่มฟื้นตัว - ซื้อ

ปรับคำแนะนำเป็นซื้อ ด้วยราคาตามปัจจัยพื้นฐาน 2.7 บาท (P/BV 0.5x และ P/E 6.5 เท่า)
คาดกำไรปกติเติบโตสดใสเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/49
คาดกำไรปกติในไตรมาส 1/50 เติบโตถึง 51% เป็น 44 ล้านบาทจากการรับรู้ยอดขายในมือ ขณะที่ยังรักษาอัตรากำไรขั้นต้นในระดับสูงกว่า 40% ได้ แต่กำไรสุทธิจะลดลง 20%เพราะไตรมาส 1/49 มีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ 26 ล้านบาท แต่หากเทียบไตรมาส 4/49 กำไรจะลดลง 79% ตามยอดรับรู้รายได้จากผลกระทบของฤดูกาลและไม่มีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัทในเครือ

ยอดขายเดือน มี.ค. 50 ปรับตัวดีขึ้น
ยอดขายเดือน มี.ค. 50 เท่ากับ 180 ล้านบาท แม้ไม่มีการเปิดโครงการใหม่ หลังจากที่ยอดขายหดลงเหลือเพียง 50-100 ล้านบาทต่อเดือนตั้งแต่ปลายปี 49
ผู้บริหารมั่นใจปี 50 ยอดขายไม่ต่ำกว่าปีก่อน
หลังจากยอดขายเริ่มฟื้นตัวในเดือน มี.ค. -เม.ย. 50 ที่ผ่านมา ผู้บริหารคาดว่ายอดขาย Presales ทั้งปี กรณีที่แย่ที่สุดจะไม่ต่ำกว่าปีก่อนหรือ 1.8 พันล้านบาท โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยที่ยังมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง บวกกับแผนการเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการ และการทำโปรโมชั่นเพิ่ม

แต่คาดว่ากำไรปี 50 ยังมีโอกาสลดลงก่อนฟื้นตัวในปี 51
เนื่องจากยอดขายบริษัทจะใช้เวลาในการรับรู้ 3-8 เดือน ขณะที่เราคาดว่าการฟื้นตัวอย่างชัดเจนน่าจะเกิดขึ้นในครึ่งปีหลัง 50 ทำให้ยอดรับรู้รายได้ปี 50 ยังไม่สะท้อนยอดขายที่ฟื้นตัวนัก เราจึงคาดว่ากำไรปกติจะลดลง 8% เป็น 351 ล้านบาท ก่อนจะฟื้นตัว 14% เป็น 399 ล้านบาทในปี 51


seamico

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#5 วันที่: 02/05/2007 @ 10:07:29 :
ATC: ไตรมาส 1/50 กำไรสุทธิ 2.5 พันล้านบาท - Spread ดีกว่าคาด - เก็งกำไร

คงคำแนะนำ เก็งกำไร"
การปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 51 ส่งผลให้มูลค่าพื้นฐานเพิ่มขึ้นเป็น 55 บาท (DCF, WACC 10.2%) ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี upside อยู่ 7% จากมูลค่าพื้นฐานและแนวโน้ม Spread ที่ยังทรงตัวสูงในไตรมาส 2/50 จึงคงคำแนะนำเก็งกำไร

ไตรมาส 1/50 กำไรสุทธิโต 623% จากช่วงเดียวกันปีก่อน
ATC มีกำไรสุทธิ 2.52 พันล้านบาท (ดีกว่าคาด 13% จาก Spread margin ที่สูงกว่าที่คาดไว้ที่ 170 เหรียญ/ตันอยู่ 12%) ซึ่งหากไม่รวมรายการพิเศษกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 41 ล้านบาท มีกำไรจากการดำเนินงานสุทธิ 2.48 พันล้านบาท พลิกจากขาดทุน 13 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน เพราะปริมาณขายที่เพิ่ม 52% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงงาน 1 เดือนและส่วนต่างราคาขายและวัตถุดิบที่เพิ่มอย่างมีนัย 69% เป็น 191 เหรียญ/ตัน (ส่วนต่างราคาเบนซีนดีขึ้นกว่าเท่าตัวจาก 213 เหรียญ เป็น 447 เหรียญ/ตัน) เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนกำไรโต 26% แม้ปริมาณขายลด 11% แต่ Spread เพิ่ม 21%

คงประมาณการกำไรปกติปี 50 โต 42% เป็น 8.03 พันล้านบาท
ยอดขายและกำไรในไตรมาส 1/50 คิดเป็น 20% และ 31% ของประมาณการทั้งปี 50 ที่เราคาดยอดขาย 84.27 พันล้านบาท (+13% จากปี 49) และกำไรจากการดำเนินงานสุทธิ 8.03 พันล้านบาท (+42% จากปี 49 ภายใต้สมมติฐานส่วนต่างราคาขายและวัตถุดิบเฉลี่ย160 เหรียญ/ตัน เพิ่มจาก 120 เหรียญในปี 49) จึงคงประมาณการเดิม

ปรับประมาณการกำไรปี 51 เพิ่มจากเดิม 5.7% เป็น 7.11 พันล้านบาท
แนวโน้ม Spread ในปี 51 ที่คาดว่าจะทรงตัวสูง เพราะโรงงานใหม่ในอินเดียและตะวันออกกลางที่เลื่อนดำเนินการออกไป ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิต (OR rate) ของโรงงานอะโรเมติกส์ในปี 51 ทรงตัวสูงกว่า 85% ส่งผลให้กำลังผลิตใหม่ที่เพิ่มเข้ามาใกล้เคียงกับความต้องการที่เพิ่ม ตลาดจึงอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างตึงตัว ฝ่ายวิจัยจึงปรับสมมติฐาน Spread เพิ่ม 2.4% จาก 160 เหรียญ เป็น 164 เหรียญ/ตัน ทำให้ประมาณการกำไรปี 51 เพิ่มเป็น 7.11 พันล้านบาท


Seamico

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#6 วันที่: 02/05/2007 @ 10:09:31 :
กลุ่มเหล็ก : ก.พาณิชย์ปรับราคาแนะนำเพิ่ม 0.7-1 บาท/กก. - เท่าตลาด


ที่ประชุมคณะอนุกรรมการเหล็กเส้นและเหล็กรูปพรรณเพื่อพิจารณาราคาแนะนำเหล็กเส้นและเหล็กรูปพรรณ มีมติปรับขึ้นราคาแนะนำเหล็กเส้น 1 บาท/กก. จาก 20.25 บาท เป็น 21.25 บาท/กก. และขึ้นราคาแนะนำเหล็กรีดร้อน 70 สตางค์/กก. จาก 24.80 บาท เป็น 25.50 บาท/กก. มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. นี้ เพื่อสะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้นตามราคาวัตถุดิบในตลาดโลก

ความเห็นนักวิเคราะห์

ราคาวัตถุดิบในตลาดโลกเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% จากปลายปี 49
ราคาวัตถุดิบในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น 10-26% จากปลายปี 49 เพราะจีนมีนโยบายใช้วัตถุดิบเหล็กภายในประเทศมากขึ้น เพื่อส่งออกสินค้าสำเร็จรูป ทำให้ราคาบิลเล็ต (วัตถุดิบผลิตเหล็กเส้น) เพิ่มจาก 440 เหรียญ เป็น 480-500 เหรียญ/ตัน ส่วนสแลป (วัตถุดิบผลิตเหล็กรีดร้อน) เพิ่มจาก 460 เหรียญ เป็น 570-580 เหรียญ/ตัน และเศษเหล็กราคานำเข้าเพิ่มจาก 300 เหรียญ เป็น 360-380 เหรียญ/ตัน

แต่การปรับเพิ่มราคากลางเหล็กในประเทศสะท้อนต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นเพียงบางส่วน- จากภาวะก่อสร้างที่มีแนวโน้มชะลอตัวเพราะเข้าฤดูฝน
การปรับราคาแนะนำเหล็กเส้นและเหล็กรีดร้อนเพิ่มขึ้น 5% และ 2.8% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นเพียงบางส่วน โดยการอนุมัติครั้งนี้เป็นการปรับขึ้นราคาเพียงครึ่งหนึ่งของต้นทุนที่เพิ่มขึ้น (ต้นทุนเหล็กเส้นเพิ่มขึ้น 2 บาท/กก. แต่ที่ประชุมฯ ให้ปรับขึ้นเพียงแค่ 1 บาทเท่านั้น ส่วนเหล็กรีดร้อนให้ขึ้นเพียงแค่ 70 สตางค์/กก. จากต้นทุนที่เพิ่มเกือบ 2 บาท) เพราะภาวะการก่อสร้างในประเทศที่ค่อนข้างซบเซาและความต้องการใช้ในประเทศที่มีแนวโน้มจะชะลอตัวลงในช่วงเวลาที่เหลือของปี (low season ของตลาดวัสดุก่อสร้างเพราะเริ่มเข้าฤดูฝน) และการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของรัฐที่เลื่อนจากครึ่งหลังปี 50 เป็นปี 51

ส่งผลดีต่ออัตรากำไรของผู้ผลิตเหล็กในประเทศโดยเฉพาะในไตรมาส 2/50
ผู้ผลิตที่มีศักยภาพการส่งออกอย่าง SSI และ TSTH ยังคงได้เปรียบกว่าผู้ผลิตที่พึ่งตลาดในประเทศ
แม้ราคากลางเหล็กในประเทศจะปรับขึ้นไม่มากนัก แต่นับว่าเป็นผลดีด้านจิตวิทยาต่อผู้ผลิตเหล็กในประเทศ และน่าจะส่งผลดีต่ออัตรากำไรของผู้ผลิตที่มีวัตถุดิบคงคลังต้นทุนต่ำเหลืออยู่ ด้านปริมาณขายในประเทศที่เริ่มฟื้นตัวในช่วง มี.ค. 50 คาดว่าจะส่งผลต่อเนื่องบ้างในไตรมาส 2/50 (เม.ย. มีวันหยุดเทศกาลติดต่อหลายวัน ปริมาณน่าจะชะลอตัวลง) ซึ่งจะทำให้ยอดขายและอัตรากำไรของผู้ผลิตเหล็กในประเทศสดใสขึ้นในไตรมาส 2/50 แต่ในไตรมาส 3 ที่เข้าสู่ฤดูฝน ธุรกิจก่อสร้างจะชะลอตัว ทำให้ความต้องการในประเทศมีแนวโน้มที่ชะลอตัวลงไปอีก ดังนั้นราคากลางของเหล็กในประเทศที่ปรับเพิ่มขึ้นไม่น่าจะเป็นผลดีต่อผู้ผลิตที่พึ่งตลาดในประเทศเป็นหลักอย่าง BSBM (ขาย / มูลค่าพื้นฐาน 1.25 บาท) แต่ผู้ผลิตที่มีศักยภาพในการส่งออกอย่าง GSTEEL SSI และ TSTH น่าจะได้เปรียบและรับประโยชน์มากกว่าจากราคาเหล็กในตลาดโลกที่สูงขึ้นเพราะสามารถขายสินค้าทั้งในและต่างประเทศ


[/color:21bfee1218">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#7 วันที่: 02/05/2007 @ 10:11:55 :
ITD : ได้งานเพิ่มโครงการบีทีเอสอ่อนนุช 500 ล้านบาท - เก็งกำไร

นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ รองผู้ว่าฯ กทม.ฝ่ายโยธา เปิดเผยว่า กทม.เตรียมลงนามว่าจ้าง ITD ก่อสร้างตัวสถานีถไฟฟ้าโครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าบีทีเอส เส้นทางอ่อนนุช-สุขุมวิท 107 (ซ.แบริ่ง) ระยะทาง 5.25 กม. เพิ่มเติมอีกประมาณ 500-600 ล้านบาท หลังจากที่ก่อนหน้านี้รับงานไปแล้วประมาณ 3,873 ล้านบาท โดย ITD จะรับงานก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าสถานีที่ 5 ในเส้นทางดังกล่าวที่เป็นสถานีปลายทาง ซึ่งจะตั้งอยู่บริเวณระหว่างสุขุมวิท 105 (ซ.ลาซาล) กับสุขุมวิท 107 (ซ.แบริ่ง) จากเดิมที่ได้รับการว่าจ้างก่อสร้างโครงสร้างทางวิ่งรถไฟฟ้ากับตัวสถานีเพียง 4 สถานีเท่านั้น ความเห็นนักวิเคราะห์ ไม่เป็นนัยสำคัญต่องานในมือ หาก ITD ได้งานนี้คาดว่า Backlog จะเพิ่มขึ้นเพียง 0.6% จากงานในมือ ณ สิ้นเดือน ม.ค. 50 ที่ 77.3 พันล้านบาท แม้เราคาดว่างานส่วนต่อขยายนี้อาจจะให้มาร์จิ้นดี แต่โดยรวมแล้วไม่มีผลบวกอย่างเป็นนัยสำคัญต่อบริษัท และคาดว่าจะรับรู้อีก 2 ปีข้างหน้าเพราะงานนี้ใช้เวลาก่อสร้างเกือบ 3 ปี ยังมีความเสี่ยงจากประเด็นการถูกฟ้องร้อง และกดดันจากการชะลอโครงการเอื้ออาทร แนะนำเพียง "เก็งกำไร" แม้ ITD นับเป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการหางานจำนวนมากทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าและโรงไฟฟ้าที่กำลังจะเปิดประมูล แต่บริษัทยังมีความเสี่ยงจากปัญหาการถูกฟ้องร้องจากคตส. และถูกกดันจากข่าวการชะลอการก่อสร้างโครงการเอื้ออาทร ซึ่งอาจจะมีผลให้งานในมือลดลง 25% เราจึงแนะนำเพียง "เก็งกำไร" โดยมีราคาตามปัจจัยพื้นฐาน 5.7 บาท (P/E ปี 50 ที่ 25 เท่า)

Thaipost

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#8 วันที่: 02/05/2007 @ 10:13:22 :
SSI: ไตรมาส 1/50 กำไรสุทธิ 111 ล้านบาท - ต่ำกว่าคาด - เก็งกำไร

คงคำแนะนำ "เก็งกำไร
ราคาหุ้นปัจจุบันมี discount อยู่ 2% จากมูลค่าพื้นฐาน 1.10 บาท (PER ปี 50 ที่ 7 เท่า) แต่ด้วยแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/50 ที่คาดว่าจะสดใสขึ้นทั้งปริมาณและราคาขาย จึงคงคำแนะนำ "เก็งกำไร"

ไตรมาส 1/50 ขาดทุนจากการดำเนินงานสุทธิ 178 ล้านบาท - แย่กว่าคาด
SSI มีกำไรสุทธิ 111 ล้านบาท เป็นกำไรรายการพิเศษ 290 ล้านบาท (การโอนกลับผลขาดทุนจากการลดมูลค่าสินค้าคงเหลือ 147 ล้านบาท กำไรอัตราแลกเปลี่ยน 129 ล้านบาท และอื่นๆ 14 ล้านบาท) หากไม่รวมรายการพิเศษ จะขาดทุนจากการดำเนินงานสุทธิ 178 ล้านบาท (แย่กว่าที่คาดไว้ว่าจะมีกำไร 54 ล้านบาทด้วยอัตรากำไรขั้นต้น 8.25% แต่บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นเพียง 6.3% และค่าใช้จ่ายดำเนินงานสูงกว่าคาด 25% ซึ่งน่าจะเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการส่งออกเพิ่มขึ้น) ดีขึ้นจากขาดทุน 745 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน เพราะยอดขายและอัตรากำไรที่ดีขึ้น รวมทั้งดอกเบี้ยจ่ายลด อย่างไรก็ตามผลขาดทุนเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่ขาดทุน 103 ล้านบาท เพราะอัตรากำไรขั้นต้นลดลง

แนวโน้มไตรมาส 2/50 สดใสทั้งปริมาณและราคาขาย
ตลาดในประเทศเริ่มฟื้นตัวช่วงปลายไตรมาส 1/50 จากการกลับมาเริ่มซื้อของ Trader ในประเทศ ทำให้ราคาในประเทศปรับขึ้นตามราคาในตลาดโลก รวมกับยอดสั่งซื้อจากตลาดส่งออก โดยเฉพาะตลาดตะวันออกกลางที่คาดว่าบริษัทจะรับรู้ในไตรมาส 2/50 จะทำให้ผลการดำเนินงานฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญจากปริมาณและราคาขายที่ดีขึ้นในไตรมาส 2/50

คงประมาณการกำไรสุทธิปี 50 ที่คาดไว้ 2.06 พันล้านบาท
ยอดขายในไตรมาส 1/50 คิดเป็น 20% ของประมาณการทั้งปี 50 ที่คาดไว้ที่ 38.12 พันล้านบาท เรายังคงประมาณการเดิมที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 2.06 พันล้านบาท เพื่อรอข้อมูลเพิ่มเติมจากการประชุมนักวิเคราะห์บ่ายวันนี้


Seamico


 กลับขึ้นบน
P_aud
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 531
#9 วันที่: 02/05/2007 @ 10:36:01 :
[b:5ea7c8683d"> :cry: ขออภัยค่ะ

วันนี้เข้ามาปาด กระทู้ของท่าน Kaisel ..อิอิ ..

ขออำไพ ค่า ...เข้ามาอ่านพอดีเรย :P [/color:5ea7c8683d">[/b:5ea7c8683d">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#10 วันที่: 02/05/2007 @ 11:20:55 :
[quote:04a09983a8=P_aud">[b:04a09983a8"> :cry: ขออภัยค่ะ

วันนี้เข้ามาปาด กระทู้ของท่าน Kaisel ..อิอิ ..

ขออำไพ ค่า ...เข้ามาอ่านพอดีเรย :P [/color:04a09983a8">[/b:04a09983a8">[/quote:04a09983a8">

พี่ยุ้ยหายไปเที่ยวไหน นานเลยนะครับ


 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#11 วันที่: 02/05/2007 @ 14:24:56 :
RATCH : กำไรสุทธิไตรมาส 1/50 ดีกว่าคาด - เก็งกำไร

คงคำแนะนำ "เก็งกำไร"
จากราคาหุ้นที่สูงกว่ามูลค่าพื้นฐาน 46.50 บาท (DCF ที่อัตราส่วนลด 15%) โดยเรายังไม่ได้รวมมูลค่าเพิ่มจากโอกาสที่บริษัทฯ จะได้กำลังผลิตเพิ่มจากการประมูล IPP ในปีนี้ ซึ่ง RATCH และบริษัทย่อยมีศักยภาพที่จะลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าได้อีก 1,400 MW

กำไรสุทธิไตรมาส 1/50 ที่ 2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาส 1/49 แม้ว่ารายได้จากการขายลดลงตามที่คาดจากค่าความพร้อมจ่ายที่ลดลง ซึ่งเป็นไปตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) แต่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ต่ำกว่าคาดส่งผลให้กำไรสุทธิไตรมาสนี้ดีกว่าที่เราคาดไว้ที่ 1.7 พันล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิที่สูงกว่าไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมาอย่างมีนัย เนื่องจากการบันทึกค่าใช้จ่ายสำรองมูลค่าความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ฯ เครื่องดักจับก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนเครื่องที่ 1 ในปี 48 ในส่วนที่ยังอยู่ระหว่างการเจรจาขอรับเงินชดเชยจากบริษัทประกันภัย ซึ่งได้บันทึกเป็นจำนวน 750 ล้านบาท

กำไรสุทธิปี 50 มีแนวโน้มสูงขึ้น หากมีการกลับรายการสำรองเงินชดเชยประกัน
แม้ว่ากำไรสุทธิไตรมาส 1/50 ของ RATCH จะสูงกว่าที่เราคาดไว้และคิดเป็นสัดส่วน 30% ของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปีนี้ของเรา แต่คาดว่าในช่วง 3 ไตรมาสหลังของปีที่มีการหยุดซ่อมบำรุงในจำนวนวันที่มากกว่าปีที่ผ่านมาจะส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิปี 50 ของบริษัทฯ อาจจะมีการปรับเพิ่มขึ้นหาก RATCH สามารถกลับรายการสำรองเงินชดเชยประกันซึ่งบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในปี 49 มาเป็นรายได้ในปีนี้



 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#12 วันที่: 02/05/2007 @ 14:25:31 :
PTTEP กำไรสุทธิไตรมาส 1/50 ลดลงจากผลกระทบค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น - ซื้อ

คงคำแนะนำ "ซื้อ"
จากราคาหุ้นปัจจุบันที่ต่ำกว่ามูลค่าพื้นฐานปี 50 ที่ 107 บาท (DCF) (9.5% WACC) แม้ว่าความผันผวนของราคาน้ำมันจะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อราคาหุ้น PTTEP แต่เราประเมินว่าราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงมาในระดับปัจจุบันที่ US$60/bbl น่าจะเป็นราคาฐานจากการที่ OPEC มีความตั้งใจที่จะรักษาราคาในระดับดังกล่าว นอกจากนี้ ยังมี upside จากมูลค่าเพิ่มของโครงการผลิตในอนาคต ซึ่งยังไม่ได้รวมในประมาณการผลการดำเนินงานและมูลค่าเหมาะสมนี้

กำไรสุทธิไตรมาส 1/50 ที่ 6.7 พันล้านบาทลดลง 14%
จากไตรมาสเดียวกันของปี 49 แม้ว่าปริมาณขายปิโตรเลียมอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน ในขณะที่ราคาขายเฉลี่ยยังสูงขึ้น 3% แต่ผลกระทบจากค่าเงินบาทเทียบกับ US$ ที่แข็งขึ้นราว 10% ส่งผลให้รายได้จากการขายในไตรมาส 1/50 ลดลง 5% และส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังกำไรจากการดำเนินงานปกติลดลง 11% เป็น 6.3 พันล้านบาท ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ 5%

คงประมาณการกำไรปกติปี 50 ซึ่งลดลง 18% จากปี 49
แม้ว่ากำไรจากการดำเนินงานปกติไตรมาส 1/50 จะคิดเป็นสัดส่วน 29% ของประมาณการกำไรปกติฯ ทั้งปีนี้ที่ 22 พันล้านบาท แต่เรายังคงตัวเลขดังกล่าวไว้เนื่องจากคาดว่าผลกระทบจากราคาปิโตรเลียมที่ลดลงตามราคาน้ำมันดิบรวมทั้งค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นในช่วง 3 ไตรมาสหลังของปีจะเป็นปัจจัยกดดันต่อการลดลงของกำไรสุทธิปีนี้ แต่ก็จะกลับมาเติบโตอย่างมีนัยที่อัตรา 37% ในปี 51 จากปริมาณขายฯที่จะเพิ่มขึ้น 28%



 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#13 วันที่: 03/05/2007 @ 17:17:18 :
[/แนะนำมาได้หุ้นเด่น อย่าง EVER นี่ อย่าไปเรียกหุ้นเด่นเลย หนีเถอะ ลงทุกวัน[size">
 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#14 วันที่: 03/05/2007 @ 17:19:05 :
แนะนำมาได้หุ้นเด่น อย่าง EVER นี่ อย่าไปเรียกหุ้นเด่นเลย หนีเถอะ ลงทุกวัน[/size:2a1e995a72"> :twisted: :evil:
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com