April 30, 2024   2:23:37 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 30/04/2007 @ 11:00:03
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET Index วันศุกร์ที่ 27 เมษายน 2550 ปิดที่ดัชนี 695.11 จุด +4.32 จุด มูลค่าการซื้อขาย 8,973 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,045.99 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 76.38 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 969.61 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ระดับ 695.11 จุด +4.32 จุด และ Low ที่ระดับ 691.63 จุด +0.84จุด
หุ้น HOT ร้อนแรงวานนี้ยังคงเป็น EVER หลังประชุมผู้ถือหุ้นมีมติล้มแผนเพิ่มทุน ทำให้มีวอลุ่มซื้อขายนำตลาดทั้งวันส่วนทางด้านราคาดีดขึ้นเกือบจะชนเพดานตั้งแต่เปิดตลาดผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงและเทรดแบบค่อนข้างร้อนแรงไปตลอดวัน ซึ่งภาพตลาดโดยรวมนั้นเป็นวันศุกร์ก่อนวันหยุดสุดสัปดาห์ทำให้แรงซื้อในหุ้นบิ๊กแคปแผ่วลง โดยนักลงทุนหันมาซื้อขายแบบเก็งกำไรในหุ้นขนาดเล็กแทน โดยเฉพาะหุ้นตัวที่เป็นข่าวทั้ง EVER-
EMC-SAFARI ที่ดูว่าจะโดดเด่นกว่าหุ้นเก็งกำไรตัวอื่น ๆ ในกระดาน กลุ่มพลังงาน กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มธนาคารรวมถึงกลุ่มสื่อมีมูลค่าการซื้อขายนำตลาด

AMATA ราคาเปิด 11.60 บาท ราคาปิด 11.90 บาท มูลค่าการซื้อขาย 71.88 ล้านบาท AMATA ได้ตั้งบริษัทร่วมทุนกับกองทุนจากจีน เพื่อสร้างโรงงานสำเร็จรูปรองรับนักลงทุนจีน มูลค่าลงทุนราว 100 ล้านบาท
โดยตั้งเป้าจะเริ่มก่อสร้างในต้นไตรมาส 3/50 กองทุนที่รัฐบาลจีนสนับสนุนให้มาลงทุนในประเทศไทย ได้เข้าร่วมทุนกับบริษัทซึ่งถือหุ้นในสัดส่วน mi ni mum 30% โดยจะใช้ที่ดินแปลงเป็นทุนเพื่อการก่อสร้างโรงงานสำเร็จรูปที่อมตะซิตี้ จ. ระยอง ไว้รองรับการลงทุนจากจีน นอกจากนี้กองทุนดังกล่าวจะทำหน้าที่เป็นตัวประสารงานดึงนักลงทุนมาลงทุนในไทย และทำการตลาดให้ในจีน สำหรับโครงการเริ่มต้น จะเป็นการก่อสร้างโรงงานสำเร็จรูปขนาด 8,000 ? 10,000 ตารางเมตร ซึ่งคงจะมีข้อสรุปและเริ่มก่อสร้างได้ในต้นไตรมาส 3/50 โดยในเร็ว ๆ
นี้จะต้องมีการเจรจาขั้นสุดท้ายที่จีนอีกครั้งหนึ่ง K.KRAZIP มองว่าราคาหุ้นได้ปรับขึ้นมาเยอะพอสมควร แต่ถึงอย่างไรยังมี up side ให้ขายได้ เนื่องจากทิศทางระยะสั้นเริ่มมีแรงซื้อสะสมเข้ามา หลังจากที่พักฐานไปก่อนหน้านี้ และมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" โดยมีแนวรับที่ 11.50 บาท แนวต้าน 12.40 บาท

MCOT ราดาเปิด26 บาท ราคาปิด27.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 243.39 ล้านบาท
ภายหลังที่ TITV จะเป็นทีวีสาธารณะ คาดกันในวงกว้างว่าช่องอื่นๆ ที่เหลือจะได้ประโยชน์ จากการที่โฆษณาจะย้ายจาก TITV มาสู่เจ้าอื่นๆ ที่อยู่ในตลาดก็คือ BEC และ MCOT จะทำให้ได้อานิสงส์ จากTITVและยังคาดว่าในไตรมาสที่2จะมีกำไรจากโฆษณาที่เข้ามาต่างจากไตรมาสที่1อย่างแน่นอนและนอกจากประเด็นนี้แล้วยังมีข่าวดีที่จะมี
MD คนใหม่มาบริหารงานเต็มตัวเสียที หลังจากคนเก่าได้ลาออกไป จากที่ขาด MD ไป 7 เดือน ทำให้ปัจจัยลบเรื่องไม่มี MD หายไป และจากผู้บริหารคนใหม่นั้นมีประสบการณ์มากในการบริหารโดยเพาะเรื่องข่าว แต่คงต้องใช้เวลาพิสูจน์ผลงานเท่านั้นเองซึ่งดูจากในช่วงนี้แล้วMCOTก็จะมีแต่ข่าวดีทำให้ราคาหุ้นในตอนนี้ดีขึ้นตามข่าวที่ได้รับและมีการขายเวลาโฆษณาในเดือน เม.ย. มีแนวโน้มฟื้นตัวจากเดือน มี.ค. และความนิยมต่อรายการใหม่ที่ดีขึ้นต่อเนื่องประกอบกับฤดูกาลของ AF4 ที่จะเข้ามาเปิดบ้านอีกครั้งในปีนี้ดูจากพื้นฐานและปัจจัยต่างๆ แล้ว K.RAZIP
จึงแนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวรับ 26บาท แนวต้าน 29 บาท

TPIPL ราคาเปิด 12.60 บาท ราคาปิด 12.70 บาท มูลค่าการซื้อขาย 25.29 ล้านบาท ผลประกอบการในไตรมาสแรกมีกำไรปกติ สูงถึง 499 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 99% QoQ และ 210% YoY ซึ่งนับว่าโดดเด่นเป็นอย่างมาก แม้ว่าความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศจะติดลบถึง 6% แต่ TPIPL ได้แรงหนุนจากภาระดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงมาก ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารก็ลดลงเหลือ 1,035 ล้านบาท นอกจากนี้ในไตรมาสแรกปีนี้มีการรวมงบของธุรกิจไนเตรทซึ่งมียอดขายต่อไตรมาสประมาณ 200 ล้านบาท รวมถึง ธุรกิจปิโตรเคมี สเปรดระหว่าง LDPE ? Ethylene ในไตรมาสแรกก็พุ่งสูงขึ้นมากเป็น 217 เหรียญ/ตัน หรือเพิ่ม9%QoQ และ 226%YoY ช่วยหนุนกำไรของ TPIPL ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นพุ่งขึ้นเป็น 25% จาก 22% QoQ และ
24% YoY และจากค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากขึ้นทำให้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอีก 270 ล้านบาท รวมแล้วมีกำไรสุทธิเท่ากับ 769 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 0.39 บาท) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 34% แต่ลดลงจากปีก่อน 32%
เนื่องจากปีก่อนมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสูงมากถึง 982 ล้านบาท คาดว่ากำไรของ TPIPL ในปี2550จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" โดยมีแนวรับที่ 12.40 บาท แนวต้าน 13.10 บาท

TRUE ราคาเปิด 6.15บาท ราคาปิด 6.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 159.85 ล้านบาท TRUE ยังไม่มีความกังวลเรื่องที่คณะกรรมการกฤษฎีกาใกล้จะตีความสัญญาสัมปทานร่วมการงานว่าเข้าข่ายผิดพ.ร.บ.ร่วมทุน
พ.ศ. 2535 ซึ่งคาดว่าจะเสร็จในเดือนพฤษภาคมนี้ เพราะการทำสัญญาร่วมการงานระหว่าง Truemove กับ ToT
ที่ทำขึ้นหลังการเกิดของพ.ร.บ.ร่วมทุนนั้นไม่ได้เป็นความผิดของผู้ประกอบการ สำหรับผลการดำเนินงานคาดว่า TRUE จะยังประสบภาวะขาดทุนจากการดำเนินงานต่อไปอีก 2 ปี แม้ว่าจะได้รับประโยชน์จากการเริ่มใช้ค่าเชื่อมโยงโครงข่าย ด้านค่าใช้จ่าย IC ระหว่าง True Move และ TOT จะยังไม่บันทึกเป็นค่าใช้จ่าย จนกว่าจะตกลงในสัญญา IC กันได้ ซึ่งทำให้ต้นทุนการดำเนินงานของ True Move ต่ำกว่าความเป็นจริง และหากได้ข้อสรุปจะส่งผลให้ True Move ดำเนินการบันทึกค่าใช้จ่ายดังกล่าวย้อนหลังอีกด้วย ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ
"ขายทำกำไร" โดยมีแนวรับที่ 6.05 บาท แนวต้าน 6.50บาท

ที่มา ทันหุ้น[/color:0f0c6de00c">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com