??? สมาชิก จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 410 วันที่: 30/04/2007 @ 09:11:59
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่
ผลการโหวต
การที่เสี่ยไมค์จับมือกับเสี่ยผิน ล้างบางกรรมการชุดของเสี่ยโทนี่ครั้งนี้ คงสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มของเสี่ยโทนี่เป็นอย่างมาก เพราะบรรยายกาศในที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ASLเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2550 ที่ผ่านมา จะเห็นว่ามีคนของกลุ่มเสี่ยโทนี่เข้ามาพยายามที่จะคัดค้านมติการปลดกรรมการชุดดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่ายังไม่เห็นควรที่จะปลด
เหตุเกิดในห้องประชุมผู้ถือหุ้น บล. แอดคินซัน จำกัด (มหาชน) วันพฤหัสบดีที่ 26เมษายน นอกจากจะไม่ได้ดุเด็ดเผ็ดมันสมกับที่ใครต่อใครพากันรอคอยเท่านั้น หากผลลพธ์ของการประชุมยังกลับตาลปัตร เล่นเอาคนที่เสมอนอกต้องผิดคาดไปตามๆกัน
ใครที่เคยคาดเดามาก่อนว่า ทีมบริหารของ เสี่ยไมค์ สดาวุธ เตชะอุบล จะหลุดจากเก้าอี้หลังจากโชว์ฝีมือน่าผิดหวังมาหลายไตรมาสติดต่อกัน ก็คงต้องยอมรับความจริงว่าเสี่ยไมค์นั้น ไม่ธรรมดา ไม่ใช่สมันน้อยให้ใครชี้นิ้วสั่งการได้ง่ายๆ
ในขณะที่พันธมิตรซึ่งเคยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และเคยนั่งบริหารมาก่อนอย่างกลุ่มคิ้วคชานั้นก็ยังคงเป็น"มังกรซ่อนกาย"ที่นักลงทุนภายนอกเดาทางยากต่อไปไม่เปลี่ยนแปลงสมกับฉายาเก่าแก่ที่ยังเหลือลายให้ต้องติดตามกันต่อไป
ในขณะที่ คนซึ่งหลายคนเคยเชื่อว่า น่าจะเป็นจอมยุทธ์ที่ไร้ทียมทาน อย่างกลุ่มของเสี่ยโทนี่ นักลงทุนขาใหญ่มือเก๋าที่เคยเขย่าตลาดหุ้นมาแล้วหลายระลอก กลับแสดงอาการบ้อท่าอย่างไม่น่าเป็นไปได้ พ่ายยับเยินในการประลองกำลังกันในวันนั้น
คนในวงการหุ้นพูดกันหลังทราบผลการประชุมวันนั้นว่า มนต์ขลังยามนี้ของเสี่ยโทนี่หายไปมาก หลังจากงานประชุมผู้ถือหุ้น ASL เพราะจำนวนหุ้นที่เสี่ยโทนี่เอามางัดกับผู้ถือหุ้นใหญ่มีเพียงแค่ 117 ล้านหุ้นเท่านั้น ถือว่าจิบจ้อยอย่างมากเมื่อเทียบกับผู้ถือหุ้นใหญ่อย่างเสี่ยไมค์และเสี่ยผินที่มีรวมกันเกือบ 2 พันล้านหุ้น การกลับมาคราวนี้ไม่สมกับเป็นชื่อของเสี่ยโทนี่ (หรือเสี่ยสองคนดัง) เมื่อครั้งในอดีตเลย
เพียงแต่ นี่คือ คำพูดที่น่าจะประเมินเสี่ยโทนี่ต่ำเกินไป เพราะเป็นแค่กรณีเดียวเท่านั้น
ที่สำคัญ ความคืบหน้าจากการประกาศปลด นางสัณห์จุฑา วิชชาวุธ, นายอัฏฐ์อัศวนันท์ , นายนันทพันธ์ มหัทธนธัญ, และ Mr.Chau-Chi Wong จากตำแหน่งกรรมการและกรรมการผู้มีอำนาจ บริษัทหลักทรัพย์ แอ๊ดคินซัน จำกัด(มหาชน)หรือASL กลางที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่ยังไม่หมดวาระ นั้น แสดงให้เห็นถึงการตัดสายสัมพันธ์ ของเสี่ยไมค์ ที่เคยมีกับเสี่ยโทนี่ (ชื่อเดิมเสี่ยสอง) อย่างเห็นได้ชัด
โดยกรรมการชุดดังกล่าวที่โดนปลดในครั้งนี้ ถือว่ามีสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกับเสี่ยโทนี่ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเมื่อเห็นชื่อนางสัณห์จุฑา ซึ่งเป็นน้องสาวแท้ๆ ที่ปัจจุบันมีตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ใน บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ IEC
รวมถึง นายอัฏฐ์ อดีตวาณิชธนกิจ ของบล.อินเทลวิชั่น ที่ย้ายข้ามห้วยมาเป็นลูกน้องของนายจเรรัฐ ปิงคลาศัย ซีอีโอของ บริษัท ดราก้อนวัน จำกัด(มหาชน) หรือ D1 ซึ่งสายสัมพันธ์ที่จะโยงไปหากลุ่มของเสี่ยโทนี่ คงไม่ยากเลย เพราะอดีตของนายจเรรัฐ เคยทำงานอยู่ใน IEC มาก่อน
สำหรับทางด้าน นายนันทพันธ์ เคยเป็นเอ็มดีใน บริษัท อาเขต แมเนจเม้นท์ แอนด์เซอร์วิสเซส จำกัด ผู้บริหาร "รามสแควร์พลาซ่า" ที่ IEC ทุ่มเงิน 100 ล้านบาท ซื้อมาปั้นเป็นศูนย์ค้าส่ง-ปลีกโทรศัพท์มือถือ สมัยที่นายจเรรัฐ เป็นผู้บริหาร IEC จะเรียกได้ว่านายนันทพันธ์ ก็เคยทำงานเป็นลูกน้องของนายจเรรัฐ ก็คงจะไม่ผิดนัก
:เมื่อสายน้ำแยกทาง
จากสายสัมพันธ์ดังกล่าว คงทำให้เห็นชัดว่า การที่เสี่ยไมค์จับมือกับเสี่ยผิน ล้างบางผู้บริหารชุดของเสี่ยโทนี่ครั้งนี้ในลักษณ์"ตัดบัวไม่เหลือใย" คงสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มของเสี่ยโทนี่เป็นอย่างมาก เพราะบรรยายกาศในที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ASL เมื่อวันที่ 26เมษายน 2550 ที่ผ่านมา จะเห็นว่ามีคนของกลุ่มเสี่ยโทนี่เข้ามาพยายามที่จะคัดค้านมติการปลดกรรมการชุดดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่ายังไม่เห็นควรที่จะปลด
กลุ่มผู้ถือหุ้นที่คัดค้านเรื่องดังกล่าวมีอยู่ 30 ราย โดยมีจำนวนหุ้นที่ไม่เห็นด้วย 117,898,500 หุ้น โดยแบ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่หลักๆ อยู่ 2 รายคือ นางพวงพันธ์ บูลภักดิ์ จำนวน70 ล้านหุ้น และ บริษัท ไลฟ์ ทีวี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท ไลฟ์อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ LIVE จำนวน 22 ล้านหุ้น ส่วนที่เหลือเป็นของนักลงทุนรายย่อย
ทั้งนี้จะเห็นว่าการงัดกันระหว่างผู้ถือหุ้นใหญ่(ตัวจริง) โดยกลุ่มพันธมิตรเสี่ยไมค์ ที่จับมือกับเสี่ยผิน ในการรวมหุ้นเพื่อปลดกรรมการชุดเดิมทั้ง 4 ราย นั้น ทำให้ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น ซึ่งวัดจากจำนวนหุ้นที่มากถึง 1,878,396,844 ล้านหุ้น ในขณะที่มีกลุ่มผู้ไม่ออกเสียงจำนวน 164,647,010 หุ้น ถือเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก
สัดส่วนจำนวนหุ้นของกลุ่มที่เห็นด้วยกับการล้างบางกรรมการชุดนี้ มีมากถึง 1,878.39ล้านหุ้น ต่างกับกลุ่มที่คัดค้านและไม่เห็นด้วยที่มีอยู่เพียง 117.89 ล้านหุ้น ราวฟ้ากับดิน และถือว่าเป็นจำนวนหุ้นที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่างานนี้เสี่ยโทนี่จะลุยให้ถึงที่สุด แต่เมื่อเปิดหุ้นออกมา ก็คงต้องยอมรับเลยว่าสู้ไม่ได้จริงๆ
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น แตกต่างจากเมื่อกลางปี 2549 ที่ผ่านมา ซึ่งพันธมิตรเสี่ยโทนี่และเสี่ยไมค์ ได้จับมือกันโค่นกลุ่มคิ้วคชาลงจากอำนาจการบริหาร และมอบหมายให้เสี่ยไมค์ เข้ามากุมอำนาจการจัดการบริษัท เปลี่ยนแปลงการทำงานหลายอย่าง ทั้งการปิดสาขาหลายสิบแห่ง เพื่อลดต้นและ พยายามสร้างฐานธุรกิจใหม่ๆเพื่อให้หลุดพ้นจากภาวการณ์ขาดทุนที่ดำเนินมา เพียงแต่ผลลัพธ์การดำเนินการปรับปรุงกลับไม่เป็นไปอย่างที่คิด จนต้องมีการจบขั้วอำนาจกันใหม่