May 17, 2024   4:15:28 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > เวทีวิเคราะห์
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 23/04/2007 @ 11:06:01
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ซื้อ BECL เป้าหมาย 24.30 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด แนะนำ ซื้อ BECL คาดว่า BECL จะประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2550 โดยมีกำไรสุทธิ 402 ล้านบาท ลดลง 3% จากปีก่อน เนื่องจากการสูงขึ้นของดอกเบี้ยจ่ายตามเงื่อนไขสัญญาเงินกู้ แม้ว่าปริมาณรถผ่านทางในไตรมาส 1/2550 จะเพิ่มขึ้น 5.2% จากปีก่อนเป็น 998,813 คันต่อวัน จากการเปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นไปตามที่คาดไว้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากแนวโน้มการเจรจาต่อรองเพื่อลดอัตราดอกเบี้ยกับเจ้าหนี้มีความเป็นไปได้สูง จึงมีแนวโน้มเป็นบวก โดยอาจจะปรับประมาณการกำไรปี 2550 เพิ่มขึ้น ซึ่งหมายถึงราคาพื้นฐานคาดว่าจะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน โดยประเด็นนี้คาดว่าจะชัดเจนในช่วงปลายไตรมาส 2/2550 กอปรกับราคาหุ้น BECL ขณะนี้มีส่วนต่างจากราคาพื้นฐาน 5.2% จึงปรับเพิ่มคำแนะนำจาก ?ถือ? เป็น ?ซื้อ? โดยในเบื้องต้นยังคงมูลค่าพื้นฐานที่ 24.30 บาท ประเมินจาก P/E 11.5 เท่า (อิงค่าเฉลี่ยในอดีต) และ Sum-of-the-part (WACC = 10.4%)

ซื้อลงทุน PTT เป้าหมาย 264 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด แนะนำ ซื้อลงทุน PTT เห็นว่าการเข้าซื้อ ธุรกิจ JET / Jiffy ดังกล่าว ที่ราคาเฉลี่ยประมาณ 65 ล้านบาทต่อสถานีบริการดูเป็นราคาที่ค่อนข้างสูง แต่เมื่อพิจารณาผลประโยชน์ที่คาดว่าบริษัทจะได้รับไม่ว่าจะเป็น 1) การขยายสถานีบริการเพิ่มขึ้น 12% จาก 1,238 แห่ง เป็น 1,385 แห่ง ซึ่งเป็นการขยายฐานลูกค้า
เพิ่มขึ้นและคงความเป็นผู้นำในธุรกิจค้าปลีกน้ำมัน 2) การเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นจาก 34% เป็นประมาณ 38-39% 3) การลดคู่แข่งในธุรกิจลงไปจากการซื้อกิจการครั้งนี้ รวมไปถึงตัดโอกาสที่คู่แข่งรายอื่นจะแย่งส่วนแบ่งตลาดไปจากการซื้อกิจการในครั้งนี้ด้วย และ 4) การเพิ่มสถานีบริการก็จะทำให้โรงกลั่นในเครือของ PTT ได้ประโยชน์จากการที่สามารถจะเพิ่มช่องทางการจำหน่ายน้ำมันสำเร็จรูปได้มากขึ้นอีกด้วย ซึ่งถือว่าประโยชน์ที่ได้น่าจะคุ้มกับการลงทุน ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุนแนะนำ ?ซื้อลงทุน? เป้าหมาย 264 บาท

ซื้อ TMT เป้าหมาย 4.57 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) แนะนำ "ซื้อ" TMT บริษัทมีศักยภาพในการรับงานเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้หลากหลายขึ้น โดยเฉพาะเครื่องตัดเหล็กแบบหนา ซึ่งอยู่ในความต้องการของตลาดเพราะสามารถใช้ทดแทนเหล็ก Plate ที่มีราคาแพงกว่าและมีข้อจำกัดเรื่องขนาดที่ไม่ยืดหยุ่นต่อการใช้งานได้ นอกจากนี้การลงทุนในอาคารเครื่องจักร มูลค่ารวม 170 ล้านบาทในปี 2549 น่าจะทำให้ TMT ได้รับสิทธิลดหย่อนทางภาษีและทำให้ Effective tax rate ปี 2550 ปรับตัวลดลงเหลือเพียง 11.4% แต่ภาวะตลาดโดยรวมที่ยังไม่เอื้ออำนวย ซึ่งอาจทำให้คำสั่งซื้อเหล็กช่วง ครึ่งปีหลังของปี 2550 ชะลอตัวลงอีกครั้งหลังผู้ประกอบการส่วนใหญ่สะสมสต๊อกไว้จนถึงระดับที่เพียงพอ รวมถึงค่าใช้จ่ายคงที่ที่เพิ่มขึ้นโดยที่ยังไม่สามารถใช้กำลังการผลิตเต็มที่ได้ คาดว่าปี 2550 TMT จะมีกำไรจากการดำเนินงาน 278 ล้านบาท ลดลง 3% จากปีก่อนและกำหนด fair value ที่ P/E 7 เท่า จะให้ราคาหุ้นเหมาะสม ณ สิ้นปี 2550 ที่ 4.57 บาท มีUpside 22% รวมกับเงินปันผลที่ TMT มีนโยบายจ่ายในระดับสูง ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 11.97% จึงแนะนำ ซื้อ

ถือ RATCH เป้าหมาย 49 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ สินเอเชีย จำกัด แนะนำ "ถือ" RATCH ระยะยาวมีโอกาสเพิ่มมูลค่าในการเข้าร่วมประมูลไอพีพีรอบ 2: หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติเห็นชอบในหลักการแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP 2007) ในช่วงปี 2550-2564 คาดว่าการประมูลไอพีพีน่าจะเกิดในเดือนพค.50 นี้ คาดว่าปริมาณการรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ผลิตไฟฟ้าไอพีพีครั้งนี้มีจำนวนรวมประมาณ 3? 4 พันเมกะวัตต์ และกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ประมาณปี
2554 ? 56 ซึ่ง RATCH ได้เตรียมความพร้อมในการยื่นประมูลอย่างน้อย 2 โรงไฟฟ้า คือ โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมราชบุรีส่วนขยาย ชุดที่ 4 ขนาด 725 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมไตรเอนเนอจี้ ชุดที่ 2 ขนาด 700 เมกะวัตต์ จากการประเมินเบื้องต้น หาก RATCH และไตรเอนเนอจี้ชนะการประมูลไอพีพีอย่างที่คาดหวังไว้ RATCH จะได้มูลค่าหุ้นเพิ่มจากโครงการโรงไฟฟ้าส่วนขยายของ RATCH เองประมาณ 4.15 บาทต่อหุ้น และมูลค่าจากไตรเอนเนอจี้ประมาณ 2.10 บาทต่อหุ้น

ที่มา ทันหุ้น[/color:28e39aa58c">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com