May 17, 2024   4:27:11 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 20/04/2007 @ 10:22:59
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ที่มา : K.KRAZIP

SET Index วันพุธที่ 18 เมษายน 2550 ปิดที่ดัชนี 687.23 จุด -5.04 จุด มูลค่าการซื้อขาย 7,024 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 239.27 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 183.96ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 423.23 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ระดับ 691.31 จุด -0.96 จุด และ Low ที่ระดับ 686.48 จุด -5.79จุด การปรับตัวลงของตลาดหุ้นต่างประเทศที่ดูเหมือนจะร่วงแรงนี้กลายเป็นประเด็นสำคัญที่มากระทบต่อทิศทางของตลาดหุ้นประเทศไทยหลังตลาดเพื่อนบ้านสำคัญ ๆ ร่วงลงไปว่า 2% ส่งผลให้ดัชนีวานนี้ของไทยเคลื่อนตัวในแดนลบตลอดการซื้อขาย โดยมีหุ้นกลุ่มแบงค์นำกดดัชนีตลาด ทั้งหุ้นพลังงานและหุ้นอสังหาฯ ก็มีแรงขายถ่วงดัชนี มูลค่าการซื้อขายยังคงบางเฉียบคาดว่าประเด็นเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีและการดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมต่าง ๆ ที่คาดว่าจะมีขึ้นหลังช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ที่ผ่านมาจะกลับมาเป็นประเด็นหลักที่นักลงทุนเฝ้าจับตามอง อีกทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่คาดว่าจะมีออกมาเร็ว ๆ นี้ รวมถึงการปรับตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือ GDP ของทางแบงค์ชาติในวันอังคารหน้านี้ (24 เม.ย.)

TISCO ราคาเปิด 21.40 บาท ราคาปิด 21.30 บาท มูลค่าการซื้อขาย 66.26 ล้านบาท TISCO ประกาศผลกำไรไตรมาส 1/50 เพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาสก่อน และดีกว่าที่คาดไว้ 7% โดยสาเหตุหลักมาจากรายได้จากธุรกิจ HP กลับมาขยายตัวโดดเด่นอีกครั้ง ซึ่งสวนกระแสยอดขายรถที่ตกต่ำ แสดงถึงศักยภาพในการดำเนินธุรกิจที่ยังดีอยู่ ขณะที่ Spread ของธนาคารเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นไปตาม Seasonal เนื่องจากมีรายได้จากเงินปันผลเข้ามาสนับสนุน อย่างไรก็ตามคาดว่าในปี 50 นี้ Spread ของบริษัทยังมีแนวโน้มลงอีก 42bps มาอยู่ที่ระดับ 3.15% ซึ่งถือว่าดีขึ้นหากเทียบกับปี 49 นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญก็เป็นอีกปัจจัยที่ผลักดันให้ผลกำไรดีขึ้น ถึงแม้ในไตรมาส 1/50 นี้รายได้จาก Brokerage จะลดลงตามภาวะตลาด และภาระสำรองจะปรับเพิ่มขึ้นก็ตาม ซึ่งก็เป็นไปตามเป้าที่ธนาคารตั้งไว้ ซึ่งคาดว่าสินเชื่อหลัก (HP Loan) ยังคงขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง ราคาหุ้น ณ ปัจจุบันได้ปรับลดลงมาพอสมควรเหมาะแก่การลงทุน K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อ" โดยมีแนวรับที่ 21 บาท แนวต้าน 21.70 บาท

DEMCO ราคาเปิด3.30 บาท ราคาปิด3.64 บาท มูลค่าการซื้อขาย 84.13ล้านบาท จากการคาดการณ์ของบริษัทมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะขยายตัวได้ 40-50% จากปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯ มีรายได้ที่แน่นอน รวมทั้งยังมี Backlog ที่จะรับรู้รายได้ในปีนี้กว่า 1,700 ล้านบาท ในขณะเดียวกันยังมีงานที่อยู่ระหว่างการยื่นประมูลอีกหลายโครงการ โดยมีทั้งงานภาครัฐและภาคเอกชน คาดว่าในปีนี้ตัวของDEMCOเองจะมีกำไรและขยายตัวมากยิ่งขึ้นและจะทยอยรับรู้รายได้จนถึงสี้นปีอีกด้วยอย่างไรก็ตาม คาดว่าภายในสิ้นปีนี้คาดว่าจะสามารถเข้าประมูลโครงการไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตที่มากกว่าเดิมที่เคยประมูลได้เนื่องจากในปัจจุบันบริษัทฯ มีการเพิ่มศักยภาพของกำลังการผลิตจากเดิมที่เคยเข้าร่วมประมูล แต่ ปัจจุบันกำลังจะยื่นประมูลโครงการไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิต 230 KV และจากการที่บริษัทได้ออกมาประกาศว่าใน ขณะนี้ไม่มีแผนที่จะหาพันธมิตรรายใหม่เข้าร่วมลงทุน หรือถือหุ้นของบริษัทฯ เนื่องจากไม่มีความจำเป็น อีกทั้งพนักงานมีศักยภาพอยู่ในเกณฑ์ดีที่จะรับงานโครงการขนาดใหญ่ เนื่องจากยังมีกระแสเงินสดอยู่ในมือค่อนข้างมาก ซึ่งไม่เป็นอุปสรรคหากในอนาคตต้องรับงานโครงการใหม่ๆ เข้ามาดำเนินการ ทำให้มั่นใจได้ว่าบริษัทนั้นมีความเข็งแกร่งและมีเงินทุนที่สามารถทำโครงการขนาดใหญ่ได้ K.KRAZIP มองจากพื้นฐานทางการเงินและงานที่จะได้รับตลอดปี จึงแนะนำ "ซื้อ" ที่แนวรับ3.46 บาท แนวต้าน3.82 บาท

PDI ราคาเปิด 42.25 บาท ราคาปิด 44 บาท มูลค่าการซื้อขาย 145.28 ล้านบาท ราคาของ PDI ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าเป็นผลมาจากราคาโลหะสังกะสีโลกเพิ่มขึ้น 225ดอลลาร์/ตัน มาที่ 3,705 ดอลลาร์/ตัน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นตามราคาทองแดงที่สูงขึ้น หลังจากเกิดความวิตกเกี่ยวกับปัญหาขัดข้องด้านอุปทานที่อาจเกิดขึ้น ในภาพรวมแล้วความต้องการสังกะสีในปีนี้ยังคงมีทิศทางที่ดีมีการเติบโตค่อนข้างดี ส่วนเรื่องของซัพพลายก็เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น ในปีนี้คาดว่าน่าจะมีแหล่งแร่ที่เปิดใหม่ และเหมืองแร่เดิมที่เขาลดกำลังการผลิตลงในช่วงที่ราคาสังกะสีมันต่ำ อาจจะเริ่มกลับเข้ามาเพิ่มกำลังการผลิต ในเบื้องต้นคาดว่าซัพพลายน่าจะเข้ามาประมาณปลายปีนี้ ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการของ PDI เติบโตในทิศทางที่ดีขึ้นและนอกจากนี้ PDIยังมีสินค้าครอบคลุมเกือบทั่วตลาดอยู่แล้ว สำหรับผลประกอบการในปี2549 PDI จะจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 5.20 บาท ขึ้น XD วันที่ 2 พ.ค. 2550 ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อ" เมื่อราคาอ่อนตัว แนวรับที่ 42.25 บาท แนวต้าน 45.50 บาท

MALEE ราคาเปิด 7.95 บาท ราคาปิด 8.85 บาท มูลค่าการซื้อขาย 40.19 ล้านบาท จากที่ ก.ล.ต. ได้เปิดเผยข้อมูลที่ว่า นาย โฟรเด้ ไทเก้น ได้เข้ามา หุ้นของ MALEE จำนวน 3.5 ล้านหุ้น หรือหลักทรัพย์ที่ได้มาคิดเป็น 5.0% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ตัวแทนจากตระกูลไทเก้น ได้กล่าวว่าการเข้ามาซื้อหุ้นMALEE เพราะต้องการลงทุนถือหุ้น และไม่มีวัตถุประสงค์จะเข้ามาบริหารหรือเข้าซื้อกิจการแต่อย่างใด หากราคาหุ้นปรับตัวดีก็จะขายทำกำไร K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" เนื่องจากประวัติของนาย โฟรเด้ ไทเก้น แล้วจะเน้นลงทุนระยะสั้น ที่ผ่านมาปริมาณการซื้อขายของหุ้น MALEE แทบจะไม่มีเลย และราคาปรับพิ่มขึ้นมากพอสมควร แต่ยังพอที่จะหาจังหวะเข้าเล่นเก็งกำไรได้ โดยมีแนวรับที่ 8.65 บาท แนวต้าน 9.50 บาท

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com