May 17, 2024   6:04:29 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นเด่น+++++เล่นสั้น....และภาวะหุ้นวันนี้
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 20/04/2007 @ 08:51:43
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET
หลังจากที่ดัชนีไม่อาจฝ่า Tweezers Top ย่อยบริเวณ 696 จุด ส่งให้เกิดการอ่อนตัวลงปิด gap ที่ 686 จุด ณ ปัจจุบัน คาดว่าดัชนีจะดีดกลับได้ในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยสัญญาณแท่งเทียนมีรูปแบบที่เป็นลบอย่างมาก การดีดตัวไม่น่าเกินกว่าเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน ที่เคลื่อนผ่าน 692 จุด

มุมมองระยะกลาง - SIRI
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
SIRI เคลื่อนตัวในแนวโน้มขาลงระยะยาวมานานหลายปีกระทั่งผ่านพ้นจุดต่ำสุดบริเวณ Tweezers Bottom ที่ 2.50 บาท กระนั้นราคากลับไม่อาจดีดตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพราะเส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์ ยังทรงอิทธิพลอยู่มาก SIRI จึงอาจต้องพักฐานช่วง 3.00-3.50 บาทต่อไปสักระยะหนึ่ง ซึ่งก็เป็นโอกาสของเก็งกำไรหรือซื้อ เพื่อการลงทุนระยะยาว

หุ้นเด่น เล่นสั้น - TRUE
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
จากกราฟรายวัน ราคามี Continuation pattern กลับตัวขึ้นอย่างชัดเจน และยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน นอกจากนั้นยังมีสัญญาณซื้อจาก RSI & Stochastic ดังนั้น ในระยะกลาง มีโอกาสที่หุ้นจะขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญ ณ เส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน บริเวณ 6.90-7.00 บาท จึงแนะนำซื้อ โดยให้แนวรับที่ 5.70-5.80 บาท สำหรับจุด Stop loss อยู่ที่ 5.60 บาท เมื่อหลุดค่า Parabolic

หุ้นเด่น เล่นสั้น - STPI
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
พิจารณาจากกราฟรายวัน มี Golden Cross เกิดขึ้น พร้อมกับรูปแบบ Continuation pattern กลับตัวขึ้นอย่างชัดเจน และยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน นอกจากนั้นยังมีสัญญาณซื้อจาก RSI & Stochastic ดังนั้น ในระยะกลาง มีโอกาสที่หุ้นจะขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญ ณ เส้นค่าเฉลี่ย 75 และ 200 วัน บริเวณ 3.34 และ 3.50 บาท ตามลำดับ จึงแนะนำซื้อ โดยให้แนวรับที่ 2.90-3.00 บาท สำหรับจุด Stop loss อยู่ที่ 2.84 บาท เมื่อหลุดค่า Parabolic



 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 20/04/2007 @ 09:01:27 :
--ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 17,471.56 จุด เพิ่มขึ้น 99.59จุด...
--ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดวันนี้ที่ 6,152.00 เพิ่ม 3.70 จุด...
--ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นโซลเปิดวันนี้ที่ 1,518.58 จุด เพิ่มขึ้น 4.92 จุด...

--ดัชนีเวทเต็ดตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 7,915.91 บวก 27.2. จุด..
--ดัชนีสเตรทส์ไทม์ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 3,343.50 บวก...52.22 จุด
--NYMEX/GOL ภาวะตลาดทองคำ NYMEX: กระแสข่าวจีนอาจขึ้นดบ. ฉุดทองร่วงปิดที่688.30$... ร่วงลง 5.00 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 682.50-695.90 ดอลลาร์


 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#2 วันที่: 20/04/2007 @ 10:37:49 :
[b:e713b32102">ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งแคบ อิงขาลง วอลุ่มซึม เหตุวิตกจีนจะขึ้นดอกเบี้ย [/b:e713b32102">

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งแคบ อิงขาลง วอลุ่มซึม เหตุวิตกจีนจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคมีแนวโน้มอ่อนตัวลง แต่เช้านี้ตลาดหุ้นของจีนรีบาวน์ได้ราว 1% อาจจะทำให้ตลาดหุ้นไทยไม่อ่อนลงมาก โดยให้กรอบแกว่ง 680-690 จุด ส่วนแบงก์ประกาศงบฯ Q1/50 ออกมาไม่ดี คาดว่าจะต้องเผชิญแรงขาย ด้านกลุ่มพลังงานก็ต้องรับแรงกดดัน หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลง

นายแสงธรรม จรณชัยกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าดัชนีฯจะแกว่งแคบ อิงขาลง วอลุ่มซึม เนื่องจากมีความวิตกเกี่ยวกับประเทศจีนอาจจะต้องมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคมีแนวโน้มอ่อนตัวลงได้

อย่างไรก็ดีเช้านี้ตลาดหุ้นของจีนมีการรีบาวน์ขึ้นได้ราว 1% คาดว่าจะช่วยพยุงให้ตลาดหุ้นไทยไม่อ่อนตัวลงมาก พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 680-690 จุด

สำหรับการประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 1/50 ของกลุ่มแบงก์ที่ออกมาไม่ดีนัก วันนี้จึงแนะ"ขาย"หุ้นในกลุ่มแบงก์ โดยเฉพาะ SCIB และ TMB ผลประกอบการในไตรมาส 1/50 ออกมาลดลงมาก ทำให้คาดว่าอาจจะต้องเผชิญแรงขายออกมา ด้านกลุ่มพลังงานก็ต้องรับแรงกดดัน หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลง

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(19 เม.ย.) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 12,808.63 จุด เพิ่มขึ้น 4.79 จุด(+0.04%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 1,470.73 จุด ลดลง 1.77 จุด(-0.12%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 2,505.35 จุด ลดลง 5.15 จุด (-0.21%)

- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 242.08 ล้านบาทเมื่อวานนี้

- ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน พ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการเมื่อวานนี้ที่ 61.83 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.30 ดอลลาร์หรือ 2.03%

- คลังแจง 6 เดือนปีงบประมาณ 2550 ขาดดุลเงินสด 1.89 แสนล้านบาท ถือเป็นสัญญาณที่ดีของนโยบายการคลังในการเริ่มกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในปีนี้ให้เติบโตได้ในระดับที่เหมาะสม

- สรรพากรเตรียมเก็บภาษีจตุคามฯ "ศานิต" เผยเรียกภาษีตามวัตถุประสงค์การใช้เงินที่ได้จากการบูชา หากเข้ากระเป๋าพ่อค้าและร้านค้าต้องจัดเก็บ ส่วนเข้าวัดจะได้รับการยกเว้นเพื่อไม่ให้กระทบต่อพระพุทธศาสนา ?สมหมาย ภาษี" เชื่อลดภาษีอสังหาฯ เซ็คเตอร์แรกจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีที่สุด มั่นใจหากภาษีหลุดเป้าไม่เกิน 3% ไม่กระทบฐานะทางการคลังอย่างแน่นอน

- "หอการค้าไทย" วิตกจีดีพีปี 2550 โตต่ำกว่า 4% กระทบจ้างงาน-กำลังซื้อรากหญ้า ชี้ปมการเมืองฉุดความเชื่อมั่นการบริโภค-การลงทุน กระทุ้งรัฐเร่งดำเนินการ 7 แนวทางกู้เศรษฐกิจ วอนลดดอกเบี้ยอีก 0.5% เดินหน้ากระตุ้นอสังหาฯ หวั่น 6 มาตรการคลังล่าช้าไร้ผลจี้รัฐดำเนินการทันที ด้านหอการค้าต่างประเทศ แนะออกมาตรการเร่งด่วนกระตุ้นเศรษฐกิจ ก่อนนักลงทุนต่างชาติหนี" ม.หอการค้าปรับลดประมาณการจีดีพีโตแค่ 3.5-4% จาก 4-4.5%

- เศรษฐกิจถดถอยกำลังซื้อซบ ค้าปลีกเปิดศึกแคมเปญ "แบ็ค ทู สคูล" งัดกลยุทธ์ราคารับมือ ยักษ์ใหญ่เทสโก้ โลตัส ส่ง "โรล แบ็ค ทู สคูล" ถล่มคู่แข่ง หั่นราคาต่ำกว่าท้องตลาด 10-30% หวังกระทุ้งยอดขายกระเตื้องหลังไตรมาสแรกพลาดเป้า เดอะมอลล์ขายแบบวันสต็อปหวังยอด 200 ล้าน ด้านค่ายรถยนต์แห่ลดราคา 4-6 หมื่นกระตุ้นกำลังซื้อ อสังหาฯ โชว์ยอดไตรมาสแรกราคาเฉลี่ยหด 26%

--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/รัชดา


[/color:e713b32102">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#3 วันที่: 20/04/2007 @ 10:50:38 :
Z-Strategy
รีบาวน์แนวต้านระยะสั้น 692 จุด คลายความวิตกต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยของจีน การลงทุนแนะนำหุ้นที่มี Upside มากกว่า 15% เพื่อลดความเสี่ยงจากปัจจัยภายใน แนะนำ CCET (5.3 บาท), DCC (17.5 บาท), MODERN (47.0 บาท), METCO (270.0 บาท)

Technical Analysis
ดัชนีปรับลงภายหลังจากทดสอบ Tweezers Top บริเวณ 696 จุดเมื่อหลายวันก่อนซึ่งขณะนี้ได้ลงมาปิดขอบล่างของ gap ที่ 686 จุด คาดว่าน่าจะดีดกลับได้ อย่างไรก็ตามเนื่องด้วยสัญญาณแท่งเทียนเป็นลบอย่างมาก การดีดตัวจะมีระยะทางจำกัดโดยมีเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันบริเวณ 692 จุดเป็นแนวต้านหลัก

SIRI: Tweezers Bottom และลักษณะ Bullish Divergence ใน RSI และ Stochastic แสดงถึงการสิ้นสุดแนวโน้มขาลงระยะยาวของ SIRI อย่างไรก็ตาม ยังถูกกดทับด้วยเส้นค่าเฉลี่ย 200 สัปดาห์ราคาจึงอาจแกว่งตัวในกรอบ 3.00-3.50 บาทในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้า

TRUE: รูปแบบ Doji เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 25 และเส้น 75 วันในโครงสร้างระยะสั้นของ TRUE พร้อมด้วยสัญญาณซื้อที่เกิดจาก Stochastic แสดงถึงโอกาสของการฟื้นตัว คาดว่าเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันบริเวณ 6.80 บาทจะเป็นเป้าหมายสำคัญของการทดสอบครั้งนี้

STPI: Golden Cross และ Doji ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้แสดงงถึงโอกาสการดีดกลับระยะสั้นของ STPI โดยมี gap และเส้นค่าเฉลี่ย 75 วันที่เคลื่อนผ่าน 3.30 บาทเป็นแนวต้านหลัก

Z-Focus
News Comment

TICON : แนวโน้มยังสดใส - ซื้อ
Quarterly Preview

PS : คาดกำไรไตรมาส 1/50 ไม่สดใส - เก็งกำไร

RATCH : คาดการณ์กำไรปกติไตรมาส 1/50 ลดลง 10% -เก็งกำไร

Z-SCAN
Earnings Upgrade
BT: สินเชื่อลด... NPLs เพิ่ม... ขายเถอะ... - ขาย
KBANK: ยังคงบริหาร NIM ได้เกิน 4% สวนทางดอกเบี้ยลด - ซื้อ
SCB: ไตรมาส 1/50 สำรองต่ำกว่าคาด - ขาย
TMB: ไตรมาส 1/50 สำรองต่ำกว่าคาด - ขาย

Statistic Info
ปฏิทินหุ้น, รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร
NVDR, Commodities Move, Warrants


Seamico
 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#4 วันที่: 20/04/2007 @ 11:15:26 :
เอาอีกแล้ว รัฐบาลขิงแก่ประกาศเพิ่มภาษีVAT จาก 7% ไปเป็น 9% ผมโดดก่อนละครับงานนี้.....รอเก็บต่ำอีกที เดี๋ยวไม่ทัน ******แต่ก็ยังหวังว่ารัฐจะใช้ผักชีโรยหน้าดันให้ดัชนีเพิ่ม[/color:65c1918bd2">[/size:65c1918bd2">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#5 วันที่: 20/04/2007 @ 11:26:39 :
เอาอีกแล้วหรือ


 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#6 วันที่: 20/04/2007 @ 11:27:28 :
[b:d8613e6bd7">PS : คาดกำไรไตรมาส 1/50 ไม่สดใส - เก็งกำไร[/b:d8613e6bd7">
สัมภาษณ์บริษัท

บริษัทเปิดเผยว่าไตรมาส 1/50 Presales ปรับตัวดีขึ้นเป็น 2,390 ล้านบาทเติบโต 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 28% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/49 เป็นผลจากการเปิดโครงการทาวน์เฮาส์ระดับล่างในทำเลใหม่หลายโครงการและการทำโปรโมชั่นมากขึ้นเพื่อกระตุ้นการขาย

ความเห็นนักวิเคราะห์

คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/50 ลดลงเพราะยอดโอนลดลงและค่าใช้จ่ายโปรโมชั่นเพิ่มขึ้น
คาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/50 เท่ากับ 278 ล้านบาท ลดลง 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและ 16% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/49 เนื่องจากยอดโอนลดลง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและ 17% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/49 ตามยอดขายในมือที่ลดลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นเพราะการทำโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นการขาย รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเปิดโครงการใหม่หลายโครงการในไตรมาสนี้

คาดผลประกอบการไตรมาสต่อไปจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องปรับคำแนะนำเป็นเก็งกำไร
เราคาดว่าผลประกอบการไตรมาสถัดไปจะปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ จากกลยุทธ์เปิดโครงการในทำเลใหม่ ๆ โดยเฉพาะทาวน์เฮาส์ระดับราคา 0.6-1.2 ล้านบาท ซึ่งมีการแข่งขันต่ำและสอดคล้องกับกำลังซื้อผู้บริโภค และมีแผนเปิดคอนโดมิเนียม 2 โครงการที่ราษฎร์บูรณะและรัชดาภิเษก ส่งผลให้แนวโน้มยอดขายมีโอกาสดีต่อเนื่อง แต่ด้วยระยะเวลาการโอนที่ใช้เวลาเกือบ 2 ไตรมาส และยอดขายในมือที่ลดลง ทำให้เราคาดว่ากำไรปี 50 จะยังไม่สะท้อนการฟื้นตัวของยอดขายชัดเจน แต่จะเห็นชัดเจนในปี 51 แทน โดยเราคาดว่ากำไรปี 50 จะทรงตัวที่ 1.3 พันล้านบาทก่อนเติบโต 21% ในปี 51

ณ ราคาปัจจุบันให้ผลตอบแทนรวม 12% เราจึงปรับเพิ่มคำแนะนำเป็นเก็งกำไร โดยคงราคาตามปัจจัยพื้นฐาน 6 บาท (P/E ปี 50 ที่ 10 เท่า)


[/color:d8613e6bd7">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#7 วันที่: 20/04/2007 @ 11:34:16 :
[b:c9c69094da">MME พุ่ง 4.35% โบรกฯคาด"เก็งกำไร"ตามเทคนิค-ราคาทรุดตัวมานาน [/b:c9c69094da">

หุ้น MME ราคาวิ่งขึ้น 4.35% มาอยู่ที่ 2.88 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท มูลค่าซื้อขาย 26.30 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.38 น. โดยเปิดตลาดที่ 2.78 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 2.92 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 2.78 บาท

นายกมลชัย พลอินทวงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนิตี้ กล่าวว่า ราคาหุ้น MME เช้านี้ปรับตัวสูงขึ้น ด้วยวอลุ่มเทรดที่เข้ามาอย่างคึกคัก คาดว่าจะเป็นการเข้ามาเล่นเก็งกำไรของนักลงทุน ภายหลังจากที่เห็นว่าราคาหุ้น MME ได้ทรุดตัวและนิ่งมานานแล้ว

ทั้งนี้ สัญญาณทางเทคนิคของหุ้น MME เช้านี้แสดงทิศทางการรีบาวน์ขึ้น จากแรงซื้อที่มีเข้ามาเยอะมากในช่วงเช้านี้ แต่ก็แนะให้แค่เล่น"เก็งกำไร"เท่านั้น เนื่องจากหุ้นตัวนี้มีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว ดังนั้นนักลงทุนควรจะระมัดระวังการลงทุน โดยให้แนวรับ 2.84-2.86 บาท แนวต้านที่ 2.96-3.00 บาท และหากหลุดแนว 2.80 บาทแนะให้"ขาย"ออกมาทันที


[b:c9c69094da">PERM บวกต่ออีก 3.45% โบรกฯคาด"เก็งกำไร"ตามเทคนิคเคิลรีบาวน์ [/b:c9c69094da">

หุ้น PERM ราคาวิ่งขึ้น 3.45% มาอยู่ที่ 1.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท มูลค่าซื้อขาย 9.85 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.26 น. โดยเปิดตลาดที่ 1.19 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1.23 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 1.19 บาท

เมื่อ 19 เม.ย.50 ราคาหุ้น PERM ปิดตลาดที่ 1.16 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท(+1.75%)
เมื่อ 18 เม.ย.50 ราคาหุ้น PERM ปิดตลาดที่ 1.14 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท(+0.88%)
น.ส.ภัทรวัลลิ์ หวังมิ่งมาศ นักวิเคราะห์เทคนิค บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ราคาหุ้น PERM เช้านี้ขยับตัวขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากหุ้นตัวนี้ได้เข้าเขต Oversold แถว 1.13 บาท หลังจากนั้นก็มีการรีบาวน์ขึ้นทางเทคนิคอย่างต่อเนื่อง ตามแรงเก็งกำไรของนักลงทุน

วันนี้(20 เม.ย.)ให้ด่านแนวต้านที่ 1.23-1.29 บาท หากนักลงทุนจะเข้ามาเล่นเก็งกำไรสามารถที่ทำได้ แต่คงจะต้องระวังที่ระดับราคา 1.19 บาท หากหลุดแนวนี้ก็ให้ขายออกมา เนื่องจากราคาจะไหลลงไปตั้งหลักที่แนวรับ 1.14-1.17 บาท


 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#8 วันที่: 20/04/2007 @ 11:35:19 :
[b:b1a25671c7">ฟิทช์ประกาศให้อันดับเครดิตหุ้นกู้ของ SICCO SPV3 ที่ AAA(tha) [/b:b1a25671c7">

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศให้อันดับเครดิตระยะยาวภายในประเทศของหุ้นกู้มูลค่า 3.0 พันล้านบาท ของบริษัท ซิกโก้ นิติบุคคลเฉพาะกิจ 3 จำกัด (SICCO Special Purpose Vehicle 3 Company Limited) ที่ระดับ AAA(tha) โดยการให้อันดับครั้งนี้พิจารณาเรื่องการจ่ายดอกเบี้ยที่ตรงเวลา และคาดว่าบริษัทจะสามารถชำระคืนเมื่อมีการไถ่ถอนตามกฎหมายในปีพ.ศ. 2553

การให้อันดับสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นว่า SICCO จะสามารถทยอยชำระเงินต้นหุ้นกู้คืนได้ก่อนกำหนด และอาจจะไม่มีความผิดพลาดเกิดขึ้น และคาดว่าการชำระคืนตามหลักการจะเสร็จสิ้นได้ก่อนเวลากำหนดในเดือนต.ค.ปีพ.ศ. 2553


[/color:b1a25671c7">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#9 วันที่: 20/04/2007 @ 12:18:08 :
[b:1937809a8d">LH ลบ 2.05% โบรกฯคาด"ขายทำกำไร"หลังราคาขึ้นสูง/คาดกำไร Q1/50 ไม่เด่น [/b:1937809a8d">

หุ้น LH ราคาไหลลง 2.05% มาอยู่ที่ 7.15 บาท ลดลง 0.15 บาท มูลค่าซื้อขาย 64.75 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.08 น. โดยเปิดตลาดที่ 7.30 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 7.30 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 7.15 บาท

นายสุรศักดิ์ อนุตรโสตถิ์ ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)กล่าวว่า ราคาหุ้น LH อ่อนตัวลงในเช้านี้ ด้วยวอลุ่มเทรดที่เข้ามาอย่างคึกคัก คาดว่าจะเป็นการขายทำกำไรของนักลงทุน เนื่องจากราคาหุ้น LH ได้ปรับตัวขึ้นมาสูงเกินไปแล้ว

โดยราคาหุ้นได้ปรับขึ้นมาจาก 5.10 บาท(เมื่อ 10 ม.ค.50)มาถึงปัจจุบันที่ 7.20 บาท ก็ถือได้ว่ามีการปรับขึ้นกว่า 40% แล้ว และราคาหุ้น LH ปัจจุบันก็อยู่สูงกว่าราคาพื้นฐานที่ให้ไว้ที่ 7.05 บาท ดังนั้น ตอนนี้จึงแนะ"เต็มมูลค่า"สำหรับ LH

ในส่วนของผลประกอบการของ LH ในไตรมาส 1/50 คาดว่าจะมีผลกำไรที่ออกมาไม่โดดเด่น เนื่องจากยอดขายบ้านในไตรมาส 1/50 ยังซึมอยู่ แม้ว่าจะมียอดขายที่ดีกว่าปีก่อน(2549)แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

สำหรับการรับผลบวกในเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนั้น คาดว่าจะเห็นผลจากกำลังซื้อบ้านที่สูงขึ้นได้ในช่วงครึ่งหลังปีนี้(2550)

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#10 วันที่: 20/04/2007 @ 12:19:00 :
[b:a5d2a7f84f"> กลุ่มแบงก์ปรับขึ้น โบรกฯระบุเทคนิเคิลรีบาวน์-แรงเก็งกำไร TMB เด่น [/b:a5d2a7f84f">

หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปรับตัวเพิ่มหลังทยอยเปิดผลประกอบการไตรมาสแรกของปีนี้หลายแบงก์ออกมาดีกว่าคาด เนื่องจากเทคนิคเคิลรีบาวน์ที่วานนี้ราคาลงไปมาก และมีแรงเก็งกำไรเข้ามา โดยเฉพาะหุ้น TMB โดยดัชนีกลุ่มธนาคารพาณิชย์ บวก 0.72% มากกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์บวก 0.28% เมื่อเวลา 11.21 น.

TMB บวก 1.69% มาที่ 1.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.03 บาท
KBANK บวก 0.75% มาที่ 67.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
BBL บวก 0.89% มาที่ 113.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
KTB บวก 0.84% มาที่ 12.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท
BAY บวก 0.47% มาที่ 21.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท

น.ส.วิริยา ลาภพรหมรัตน ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่มแบงก์ที่ปรับตัวขึ้นเป็นการรีบาวน์จากที่วานนี้ราคาปรับตัวค่อนข้างแรง และจากการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/50 ได้แก่ KBANK ที่ประกาศผลประกอบการได้ดีกว่าที่คาดหมายไว้ เพิ่มขึ้น 7.2% YoY และเพิ่มขึ้น 13% QoQ
หลายแบงก์ที่ประกาศผลประกอบการออกมาเป็นไปตามคาดและก็ดีกว่าคาด แต่เผอิญว่าราคาของหุ้นได้มีการเก็งกำไรไปก่อนหน้าก็เลยทำให้หุ้นกลุ่มแบงก์วันนี้เป็นลักษณะแกว่งตัว โดยบางแบงก์เช่น SCB ที่เก็งกำไรมาก่อนหน้า วันนี้ออกมาเป็นแกว่งตัวระดับทรงตัว เช่นเดียวกับ KBANK

แต่ TMB ที่ผลประกอบการที่ดีกว่าคาด คือมีกำไรสุทธิ 158.55 ล้านบาท เนื่องจากมีการตั้งสำรองลดลงอย่างมาก หรือ จำนวน 1,218 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 4/49 ที่ตั้งสำรองถึง 1.1 หมื่นล้านบาท ทำให้มีแรงเก็งกำไรในระยะสั้นๆ อย่างไรก็ดี เราแนะนำให้เปลี่ยนตัวเล่น เพราะยังมีความกังวลต่อการเพิ่มทุนของ TMB และในปี 50 คาดว่าจะยังมีผลขาดทุนต่อเนื่อง แม้ว่าวันนี้ราคาหุ้นจะโดดเด่น และราคาเหมาะสมอยู่ที่ 2.10 บาท

"ส่วนหนึ่งมาจากเทคนิเคิลรีบาวน์ภายใต้เมื่อวานที่ปรับตัวค่อนข้างแรงจากการขายทำกำไร ให้น้ำหนักตรงนี้มาก และหุ้นบางตัวโดดเด่นเช่น TMB ที่มีการเก็งกำไรจากผลประกอบการที่ออกมาเป็นกำไร ที่มีการตั้งสำรองลดลงอย่างมาก โดยรวมผลประกอบการกลุ่มแบงก์ที่ออกมาไม่ได้เซอร์ไพรส์ ไม่เด่น"น.ส.วิริยา กล่าว

อย่างไรก็ดี ในปีนี้กลุ่มแบงก์ก็ยังมีความน่าสนใจในระยะกลาง เนื่องจากขณะนี้มีประเด็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลดลงเร็วขึ้น โดยมี KTB เป็นผู้นำร่องอาจทำให้เกิดความกังวลเรื่องส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย(สเปรด)จะลดลงในไตรมาส 2/50


[/color:a5d2a7f84f">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#11 วันที่: 20/04/2007 @ 13:31:49 :
[b:8335896b0f">RATCH : คาดการณ์กำไรปกติไตรมาส 1/50 ลดลง 10% - เก็งกำไร[/b:8335896b0f">

ฝ่ายวิจัยซีมิโก้คาดการณ์ผลการดำเนินงานของ RATCH ในไตรมาส 1/50 ว่าบริษัทฯจะมีรายได้จากการขายไฟฟ้าเกือบ 12 พันล้านบาท ลดลง 5% จากไตรมาสเดียวกันของปี 49 อันเป็นผลจากอัตราค่าไฟฟ้าที่ลดลง ซึ่งกำหนดตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ในขณะที่กำไรสุทธิคาดว่าจะอยู่ในราว 1.7 พันล้านบาท ลดลง 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยเมื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมาซึ่ง RATCH มีการบันทึกค่าใช้จ่ายสำรองมูลค่าความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ฯเครื่องดักจับก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนเครื่องที่ 1 ในปี 48 ในส่วนที่ยังอยู่ระหว่างการเจรจาขอรับเงินชดเชยจากบริษัทประกันภัยซึ่งได้บันทึกเป็นจำนวน 750 ล้านบาท

มีศักยภาพในการขยายกำลังผลิตอีก 1,400 MW จากการประมูล IPP
หากพิจารณาจากที่ตั้งและการลงทุนในสาธารณูปโภค RATCH มีศักยภาพที่จะขยายกำลังการผลิตจากการประมูล IPP ได้อีก 1,400 MW โดยมาจากที่ตั้งโรงไฟฟ้าราชบุรี 700 MW และอีก 700 MW จากการถือหุ้นสัดส่วน 50% ใน Tri Energy ที่สามารถขยายได้อีก 1,400 MW ในแผนธุรกิจช่วง 5 ปีข้างหน้าบริษัทฯตั้งเป้าเป็นผู้นำ IPP และคาดว่าจะมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 5,200 เมกะวัตต์ (MW) ภายในปี 54 โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 39 พันล้านบาท

แนะนำเพียง "เก็งกำไร" จากข่าวประมูล IPP
เราเปลี่ยนคำแนะนำการลงทุน RATCH จาก "ซื้อ" มาเป็น "เก็งกำไร" จากราคาหุ้นที่สูงกว่ามูลค่าพื้นฐาน 46.50 บาท (DCF ที่อัตราส่วนลด 15%) โดยเรายังไม่ได้รวมมูลค่าเพิ่มจากโอกาสที่บริษัทฯจะได้กำลังผลิตเพิ่มจากการประมูล IPP

[b:8335896b0f">TICON : แนวโน้มยังสดใส - ซื้อ[/b:8335896b0f">
รอยเตอร์

วานนี้ราคาหุ้น TICON ปรับตัวลง 2.4% Under-perform หุ้นในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมที่มีการปรับตัวลงเฉลี่ย 1.8%

ความเห็นนักวิเคราะห์

ปัจจัยพื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลง
เราได้สอบถามไปยังผู้บริหารยืนยันว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการดำเนินงาน และยังคงเดินหน้าแผนการขายโรงงานให้เช่าให้ TFUND ในไตรมาส 3/50 มูลค่า 2.0-2.2 พันล้านบาทเหมือนเดิม โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการประเมินราคาสินทรัพย์

คาดกำไรไตรมาส 1/50 สดใสเติบโต 2 เท่าตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน
คาดว่ากำไรสุทธิจะอยู่ระดับ 174 ล้านบาทเติบโตกว่า 2 เท่าจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 60% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/49 เนื่องจากมีการขายโรงงานให้ลูกค้า 8 โรงงานตามสัญญา Option to buy และ 2 โรงงานให้ TFUND คาดว่าจะทำให้รายได้จากการขายโรงงานเติบโตก้าวกระโดด ขณะที่คาดว่าพื้นที่โรงงานให้เช่ายังเติบโตต่อเนื่องอีก 6% เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่ผ่านมาแม้มีการขายโรงงานหลายโรงงาน

แนวโน้มความต้องการโรงงานให้เช่ายังสดใส และเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนปันผลสูง
บริษัทมีลูกค้า Pre-leased เกือบ 60,000 ตร.ม. เติบโตถึง 17% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 49 ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการโรงงานให้เช่าที่แข็งแกร่งเป็นอย่างดี ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตโรงงานตามรายงานของ ธปท. ล่าสุดยังอยู่ระดับ 73.5% สะท้อนถึงโอกาสในการขยายกำลังการผลิตของโรงงานต่าง ๆ กอปรกับความไม่แน่นอนทางการเมืองในช่วงนี้ทำให้ลูกค้ามีแนวโน้มเลือกที่จะเช่าโรงงานแทนการก่อสร้างโรงงานเอง คลังสินค้าที่บางนาและแหลมฉบังสำหรับกลุ่มลูกค้า logistics ซึ่งลูกค้าจะเริ่มเข้ามาเช่าในกลางปี 50 จะช่วยผลักดันพื้นที่ให้เช่าเติบโตยิ่งขึ้น

ณ ราคาปัจจุบันมี Upside 17% จากราคาตามปัจจัยพื้นฐานของเราที่ 18.9 บาท (Sum of the Parts) และเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเงินปันผลสูงถึง 7.4% ต่อปี เราจึงยังแนะนำซื้อ

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#12 วันที่: 20/04/2007 @ 13:34:30 :
[b:7479ae61de"> ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดเช้าบวก 1.49 จุด รีบาวน์ทางเทคนิค เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาค [/b:7479ae61de">

SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 688.72 จุด เพิ่มขึ้น 1.49 จุด(+0.22%) มูลค่าการซื้อขาย 2,492.30 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้รีบาวน์ขึ้นทางเทคนิค เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาค หุ้นในกลุ่มแบงก์ยังทรงตัวได้หลังประกาศผลประกอบการใน Q1/50 ส่วนกลุ่มพลังงานก็ทรงตัวได้เช่นกัน หลังราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลง ช่วงบ่ายให้จับตาแรงขายจากยุโรปจะมีต่อเนื่องหรือไม่ หากมีจะทำให้ดัชนีฯปรับตัวลงแต่คาดไม่มากนัก โดยให้กรอบแกว่ง 685-690 จุด

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 688.72 จุด เพิ่มขึ้น 1.49 จุด(+0.22%) มูลค่าการซื้อขาย 2,492.30 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งกรอบแคบ โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 689.14 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 687.21 จุด

นายอดิศักดิ์ คำมูล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้รีบาวน์ขึ้นทางเทคนิคในช่วงสั้น เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคมีการรีบาวน์ขึ้นเช่นกัน ภายหลังจากที่ตลาดหุ้นไทยวานนี้(19 เม.ย.)ได้ปรับตัวลงเช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาค

โดยหุ้นในกลุ่มแบงก์ยังแสดงทิศทางทรงตัวอยู่ได้ หลังจากทยอยประกาศผลประกอบการในไตรมาส 1/50 ออกมาแล้ว ซึ่งก็เช่นเดียวกันหุ้นในกลุ่มพลังงานที่เช้านี้ทรงตัว แม้ว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะปรับตัวลดลง

ส่วนปัจจัยภายในประเทศ ก็จะมีเรื่องม็อบชุมนุมกันที่สนามหลวงในวันที่ 22 เม.ย.นี้ นักลงทุนต่างจับตารอดูว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้คาดว่าคงจะยังไม่ส่งผลอะไรต่อตลาดฯในวันนี้ แต่จะส่งผลต่อตลาดฯในสัปดาห์หน้า

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ คงจะต้องจับตาดูแรงขายจากทางยุโรปจะมีออกมาต่อเนื่องจากวานนี้(19 เม.ย.)หรือไม่ หากมีแรงขายต่อเนื่องก็จะทำให้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงได้ แต่เชื่อว่าดัชนีฯจะปรับลงไม่มาก พร้อมให้กรอบการแกว่งที่ 685-690 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
TTA มูลค่าการซื้อขาย 265.56 ล้านบาท ปิดที่ 29.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 142.37 ล้านบาท ปิดที่ 67.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
PTT มูลค่าการซื้อขาย 110.36 ล้านบาท ปิดที่ 212.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
PSL มูลค่าการซื้อขาย 94.30 ล้านบาท ปิดที่ 22.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 84.83 ล้านบาท ปิดที่ 89.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง


 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#13 วันที่: 20/04/2007 @ 20:03:18 :
ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดบวก 0.30 จุดรีบาวน์ตามตลาดตปท.แต่วอลุ่มบางเหตุการเมืองยังไม่เ

SET ปิดช่วงบ่ายที่ระดับ 687.53 จุด เพิ่มขึ้น 0.30 จุด(+0.04%) มูลค่าการซื้อขาย 7,007.98 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยวันนี้รีบาวน์ช่วงสั้น ตามตลาดต่างประเทศ มีกลุ่มเดินเรือโดดเด่น แต่วอลุ่มเทรดยังเบาบาง เหตุสถานการณ์การเมืองยังไม่เคลียร์ จึงสร้างแรงกดดันให้กับตลาดฯ ทำให้นักลงทุนยังขาดความมั่นใจในการลงทุน ส่วนแนวโน้มสัปดาห์หน้าคาดตลาดฯแกว่งแคบ ทิศทางยังชะลอ ให้แนวรับ 680 จุด แนวต้าน 700 จุด พร้อมแนะเล่นหุ้นตัวเล็ก-กลุ่มพลังงาน ส่วนกลุ่มแบงก์ คงจะ sale on fact

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 687.53 จุด เพิ่มขึ้น 0.30 จุด(+0.04%) มูลค่าการซื้อขาย 7,007.98 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งแคบ โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 690.20 จุด และแตะจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 687.11 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 154 หลักทรัพย์ ลดลง 121 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 160 หลักทรัพย์

นายจักรกริช เจริญเมธาชัย ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.ฟินันซ่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้รีบาวน์ช่วงสั้น ตามตลาดต่างประเทศ โดยมีกลุ่มเดินเรือโดดเด่น แต่วอลุ่มเทรดของตลาดโดยรวมยังคงเบาบาง

หลังจากที่นักลงทุนตกใจในเรื่องเศรษฐกิจของประเทศจีนที่มีการขยายตัวมาก จนอาจจะทำให้ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้ ส่งผลทำให้ตลาดหุ้นต่างประเทศ และตลาดหุ้นไทยวานนี้(19 เม.ย.)ปรับตัวลดลง และมาวันนี้(20 เม.ย.)นักลงทุนคงจะเห็นว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯได้มีการปรับตัวขึ้น เป็นการแสดงให้เห็นว่าตลาดฯคงจะตกใจกับเรื่องดังกล่าวมากเกินไป จึงกลับเข้ามาซื้อหุ้นกลับคืน โดยเฉพาะที่ตลาดหุ้นของจีน และฮ่องกง ต่างก็รีบาวน์ขึ้น

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังต้องรับแรงกดดันจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่เคลียร์ และคาดว่าจะยังคงอึมครึมไปถึงปีหน้า(2551) แม้ว่ารัฐบาลพยายามที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการออกมามาตรการใหม่มากระตุ้น, มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่ความมั่นใจของนักลงทุน และทุกวันนี้นักลงทุนยังขาดความมั่นใจ ทำให้นักลงทุนยังคงชะลอการลงทุนโดยดูได้จากวอลุ่มเทรดที่ลดลงเรื่อย ๆ

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า คาดว่า ดัชนีหุ้นไทยจะแกว่งแคบ ทิศทางการลงทุนยังคงเป็นการชะลอตัวอยู่ โดยให้แนวรับ 680 จุด แนวต้าน 700 จุด พร้อมแนะนำเล่นหุ้นขนาดเล็ก และหุ้นในกลุ่มพลังงาน ส่วนหุ้นในกลุ่มแบงก์ คงจะเป็นลักษณะของ sale on fact

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
KTB มูลค่าการซื้อขาย 835.65 ล้านบาท ปิดที่ 11.40 บาท ลดลง 0.50 บาท
TTA มูลค่าการซื้อขาย 450.33 ล้านบาท ปิดที่ 30.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 286.62 ล้านบาท ปิดที่ 67.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
PTT มูลค่าการซื้อขาย 276.26 ล้านบาท ปิดที่ 212.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
BAY มูลค่าการซื้อขาย 182.51 ล้านบาท ปิดที่ 21.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท


[/color:6a4eb048d6">
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com