May 16, 2024   10:10:31 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > พอร์ทหุ้นเล็ก...เกรดนักซิ่ง
 

???
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 410
วันที่: 19/04/2007 @ 10:33:25
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

เนื่องจากนักลงทุนจำเป็นจะต้องมีหุ้นประจำการในพอร์ตเพื่อไว้ทำกำไร หรือเพิ่มมูลค่าของเม็ดเงินในการหาผลตอบแทนอยู่ตลอดเวลา เพราะตลาดหุ้นนั้นจะต่างกับการหาผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยที่จะมี ?เงื่อนเวลาในการถือครอง? เป็นประเด็นสำคัญในการรับผลตอบแทน แต่ตลาดหุ้นนั้น ผลตอบแทนนั้นเกิดในรูป ?ส่วนต่างของราคาหุ้น และเงินปันผล ตลอดจนสิทธิที่เกิดจากหุ้น เช่น หุ้นเพิ่มทุน หรือวอแรนท์? ซึ่งอาจจะทำให้ผลตอบแทนมีการผันแปรค่อนข้างรวดเร็วตามปัจจัยที่มากระทบ ส่วนเงินฝากนั้น ?ฝากแล้วนิ่งครบตามสัญญารับผลตอบแทน หักภาษี? แล้วเรียบร้อย ส่วนตลาดหุ้น ภาษีจากกำไรจากการขายหุ้นไม่เกี่ยวนอกจากภาษีจากเงินปันผลและภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
จากค่านายหน้าในการซื้อขาย

สำหรับหุ้นที่นำเสนอเป็นทางเลือกที่นักลงทุนอาจจะใช้เป็น ตัวเลือกสำหรับสับเปลี่ยนและหาจังหวะในการลงทุนประเภทหุ้นเล็กเกรดนักซิ่งนั้น ก่อนจะเลือกลงทุนควรใช้วิจารณญาณในการหาข้อมูลและที่สำคัญควรพิจารณาสภาพคล่องและการซื้อขาย ตลอดจนข่าวเกี่ยวกับบริษัท หรือเกี่ยวกับภาวะตลาดหุ้นต่างประเทศ และตัวแปรต่าง ๆ ที่กระทบต่อการตัดสินใจประกอบการลงทุนด้วยทุกครั้ง ทั้งนี้เพราะพฤติกรรมการลงทุนในปัจจุบันจะต่างจากในช่วง 5 -10
ปีที่แล้วค่อนข้างมาก เพราะการลงทุนแบบเดิม ๆ คือ ซื้อแล้วถือจนหุ้นมีราคาสูงกว่าต้นทุนแล้วจึงขายออก แต่ปัจจุบัน
เล่นกันที่จังหวะ บางครั้งอาจจะเริ่มต้นด้วยการขายออกก่อนเพื่อไปซื้อในราคาที่ต่ำกว่าหรือสามารถใช้หุ้นจำนวนเท่าเดิม แต่ใช้การซื้อ ๆ ขาย ๆ เพื่อเอาส่วนต่างเป็นเงินสดออกมา โดยเฉพาะนักเก็งกำไรซึ่งนิยมหุ้นขนาดเล็ก
และหุ้นประเภทมีเจ้าภาพซึ่งหุ้นที่วิ่งเร็ว ส่วนมากมักจะมี เรื่องราวเบื้องหน้าเบื้องหลังเข้ามากระทบเป็นส่วนใหญ่

การคัดเลือกหุ้นเล็ก ๆ นั้น จะอาศัยองค์ประกอบทางเทคนิค และผลการดำเนินงานประกอบส่วนหนึ่งโดยเน้นโครงสร้างหุ้นที่ผ่านการปรับฐานราคามาเป็นเวลานาน ราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชี และเป็นธุรกิจที่ไม่มีปัญหาในเรื่องการเงินประเภทต้อง ?เพิ่มทุน? และสัดส่วนหนี้สินต่อทุนไม่สูงกว่า 3 เท่าเพื่อที่นักลงทุนจะได้หาจังหวะในการเลือกลงทุนอย่างเหมาะสม โดยไม่ต้องค้นคว้าเมื่อเวลา ?เข้าด้ายเข้าเข็ม? เช่นระหว่างการซื้อขาย
นักลงทุนบางท่านพะวงอยู่กับการสอบถามข้อมูลซึ่งทำให้เสียจังหวะในการลงทุน แต่หากเรา ?ทำการบ้านศึกษาข้อมูลแนวรับแนวต้านมาก่อนล่วงหน้า? เวลาเข้าลงมาซื้อขายกันย่อมได้เปรียบกว่า การศึกษาตามหลังเพราะอาจะสายเกินไปเพราะหุ้นเขาเล่นกันจนจบรอบไปแล้วอะไรทำนองนั้น

PSAP หุ้นสังกัดกลุ่มบันเทิงซึ่งแม้ว่าผลประกอบการที่ผ่านมาจะออกมาไม่ดี แต่ราคาหุ้นได้ปรับลดลงมาจนต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชี มีทุนจดทะเบียน 293 ล้านบาทพาร์หุ้นละ 1 บาท โดยมีมูลค่าหุ้นทางบัญชีหุ้นละ 1.59 บาท
ราคาปัจจุบันซื้อขายกันประมาณ 0.80 - 1.28 บาทโครงสร้างทางเทคนิคเป็นแนวโน้มลงช่วงปลาย ๆ และกำลังจากมีการเปลี่ยนแปลงแนวโน้ม โดยราคาสูงสุดนับตั้งแต่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์คือ 7.15 บาทและราคาต่ำสุดคือ
0.65 บาทต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชีประมาณ 1 -2 เท่า ส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ในเกณฑ์ 2.6 เท่า แต่ธุรกิจของบริษัทเป็นกลุ่ม ?บันเทิง? เพราะขาย CD DVD CVD ซึ่งเป็นความบันเทิงในครัวเรือนในยามที่เศรษฐกิจ และความกังวลเกี่ยวกับการออกไปดูหนังฟังเพลงข้างนอกไม่ดี หุ้นกลุ่มนี้ย่อมได้รับอานิสงส์ เพราะประชาชนจะหันมาดูหนังฟังเพลงกันที่บ้านแทน การเข้าไปดูหนังที่โรงภาพยนตร์เมเจอร์เพราะดีไม่ดีอาจจะได้รับของแถมเป็น ?ระเบิด หรือปะทัดยักษ์? ซึ่งทำให้พฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนแปลงไป

SMM หุ้นขนาดเล็กอีกตัวที่โครงสร้างทางเทคนิคน่าสนใจโดยบริษัทมีทุนจดทะเบียน 240 ล้านบาท จัดอยู่ในกลุ่มบันเทิงเช่นกัน แต่ทำธุรกิจด้านหนังสือและสื่อวิทยุ มูลค่าหุ้นทางบัญชีอยู่ที่ 1.94 บาท แต่ราคาหุ้นเคลื่อนไหวบริเวณ 0.83 ? 1 บาท โดยราคาสูงสุดที่เข้าตลาด 3.10 บาท และราคาต่ำสุดคือ 0.60 บาทอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน เพียงแค่ 0.60 เท่า โดยบริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้น 465 ล้านบาทและมีหนี้สินรวม 279 ล้านบาท จัดเป็นหุ้นขาลงปลาย ๆ เช่นกัน
โดยในรายสัปดาห์ราคาหุ้นเกิด Bullish Divergence เป็นจังหวะในการสะสมหุ้นโดยกรอบการเก็งกำไรระยะสั้นอยู่ระหว่าง 0.75 ? 1.01 บาทสำหรับมุมแคบ ๆ สัญญาณการสะสมหุ้นเริ่มฟื้นตัวรอเพียงสภาพคล่องที่รายใหญ่เข้ามาเก็งกำไร หากเมื่อไหร่เดินเกมการซื้อขายเร็วคาดว่าสามารถ ?จั่วได้? และหวือหวาพอสมควร

KCE หุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งผลิต PCB เพิ่งประกาศเพิ่มทุนแต่ผลการดำเนินงานในปี 2549 ยังมีผลขาดทุน
และอยู่ในช่วงของการเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อนำเงินไปสร้างโรงงานใหม่ โดยราคาซื้อขายในช่วง 1 -3 เดือนเคลื่อนไหวในกรอบ 2.24 ? 3.18 บาท มูลค่าหุ้นทางบัญชีหากตลาดหลักทรัพย์ให้ตัวเลขไม่ผิดคือ 6.68 บาทต่อหุ้น
โดยเป็นตัวเลข ณ สิ้นปื 2549 โดยบริษัทมีทุนจดทะเบียน 314.90 ล้านบาท และเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นเดิมอีก 157 ล้านบาท และจะมีการขาย PP ซึ่งยังไม่กำหนดราคา ส่วนของผู้ถือหุ้น 2,080 ล้านบาท ดังนั้นหากเพิ่มทุนอีก 157 ล้านบาทที่ราคาพาร์ 1 บาทส่วนของผู้ถือหุ้นจะเพิ่มเป็น 2,237 ล้านบาท หากหารด้วยทุนใหม่ที่ไม่รวมส่วนของ PP และวอแรนท์อีก 3 ล้านหุ้น โดยคิดในแง่ให้ส่วนลดคิดว่ามีหุ้นทั้งสิ้น 500 ล้านหุ้นจะเป็นมูลค่าหุ้นทางบัญชีประมาณ 4.47 บาทต่อหุ้น ดังนั้นเกมต่อไปคือ การเสนอขายหุ้น PP ซึ่งอาจจะเป็นขึ้นตอนต่อไปที่จะสร้างความน่าสนใจให้หุ้นตัวนี้
แต่ตัวแปรที่กระทบการลงทุนยังเป็นเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนเนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่ส่งออกเป็นหลัก

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com