May 16, 2024   10:54:25 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นต่ำ 10 รุ่นพิมพ์นิยม ?
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 19/04/2007 @ 10:16:09
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

สถานการณ์ตลาดหุ้นยามนี้ยังคงเข้าข่าย ?น้ำลายหกดีกว่าน้ำตาตก? โดยดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบ ๆ และนักลงทุนส่วนมากมักจะเก็งกำไรระยะสั้นเป็นรอบ ๆ โดยเน้นจำนวน และความได้เปรียบเสียเปรียบในเรื่อง ?ช่วงราคา? เพื่อเฉือนหยิบเงินจากตลาดเข้ามาไว้ในกระเป๋า หากจังหวะดี ฝีมือแม่นส่วนมากก็สามารถหยิบเงินประเภท ?จิ๊บ ๆ? เข้ามาได้ เผลอเมื่อไหร่อาจจะต้อง ?เลี้ยงโต๊ะจีน? ให้นักลงทุนในตลาดแบบไมเต็มใจแต่จำยอมประมาณนั้น แต่นักลงทุนบางท่านมีการเตรียมตัวดี เลือกเฟ้นหุ้นและทำการบ้านมาค่อนข้างดีทำให้ได้เปรียบในการลงทุนโดยเฉพาะการหากำไรกับการเก็งกำไรหุ้นในช่วงที่แกว่งตัวในกรอบแคบ ๆ โดยเฉพาะหุ้นที่เคลื่อนไหวในช่วงราคาประมาณ 0.10 บาท

TPIPL จัดเป็นหุ้นตัวหนึ่งที่ยังคงเป็นขวัญใจนักเก็งกำไร แต่สำหรับนักลงทุนอาจจะยังคง ?ปอด ๆ? เพราะหุ้นตัวนี้จัดเป็นหุ้นประเภท ?รอบจัด? เล่นกันแรง หลังจาก IRPC ได้ถูกขายให้กับ PTT แล้วทำให้ TPIPL มีบทบาทเด่นขึ้นเพราะหุ้นได้ผ่านการเพิ่มทุนมาแล้ว และดูเหมือนเป็นเครื่องมือทางการเงินของตระกูล ?เลี่ยวไพรัตน์?
ที่สามารถใช้เป็นอาวุธทางการเงินหยิบเงินจากตลาด โดยทั่วไปปัญหาทางการเงินของ TPIPL ได้คลี่คลายมาระดับที่อาจจะถือได้ว่าเข้าสู่ภาวะปกติ โดยผลการดำเนินงานในปี 2549 บริษัท มีกำไรสุทธิ 2.78 พันล้านบาท มีกำไรต่อหุ้น 2.27 บาท ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีการเพิ่มทุน โดยส่วนของผู้ถือหุ้นมีมูลค่า 49.14 พันล้านบาท ขณะที่หนี้สินมีจำนวน 19.31 พันล้านบาท ส่วนมูลค่าหุ้นทางบัญชีอยู่ที่ระดับ 24.52 บาทต่อหุ้น เทียบกับราคาหุ้นปัจจุบันที่เคลื่อนไหวในกรอบ 11.80 ? 13 บาททำให้ยังมี Upside ในระดับที่น่าสนใจ

โครงสร้างทางเทคนิคของหุ้น TPIPL หลังจากราคาหุ้นตกจากระดับ 28 -30 บาทมาเตาะแตะบริเวณ 10 -13 บาทอยู่เป็นเวลานานทำให้ฐานราคาบริเวณดังกล่าวมีความแข็งแรงมากขึ้น และเริ่มเดินรูปแบบแนวโน้มขึ้นค่อนข้างสมบูรณ์เนื่องจากสัญญาณต่าง ๆ เริ่มเหนือศูนย์ และราคาระยะสั้นยังแกว่งตัวในกรอบค่าเฉลี่ย 75 วันกับ 200 วัน(12.20 -13.30) โดยความเสี่ยงและจุดหยุดการขาดทุนอยู่บริเวณต่ำกว่า 11.70 จะเป็นจุดลดสัดส่วนการลงทุน แต่หากราคายืนเหนือ 12.20ได้อย่างมั่นคงนักลงทุนระยะกลางอาจจะมองเป้าหมายแคบ ๆ บริเวณ 13 -14 บาทสำหรับระยะสั้น ส่วนระยะกลางอาจจะมองเป้าบริเวณ 20 -24 บาทซึ่งเป็นมูลค่าหุ้นทางบัญชีก็ไม่น่าจะผิดหวังเพราะหุ้นอยู่ในอุตสาหกรรมเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างและปิโตรเคมีทำให้มีศักยภาพสูง และที่สำคัญคือเป็นหุ้นที่ค่อนข้างซื้อง่ายขายคล่องทั้งเก็งกำไรและลงทุน

KTB หุ้นเกรด 10 บาทต้น ๆ หลังจากที่จ่ายเงินปันผล 0.51 บาทไปโดยขึ้นเครื่องหมาย XD แล้ว แต่ราคาหุ้นยังประคองได้บริเวณ 12 บาท +/- 0.40 บาททำให้มองว่าหุ้นตัวนี้จัดเป็นหุ้นที่ให้ปันผลแล้วไม่เอาคืนจากนักลงทุน
สภาพคล่องการลงทุนค่อนข้างดีเพราะเป็นหุ้นที่บรรจุอยู่ในพอร์ตของนักลงทุนทั้งสถาบัน ต่างประเทศและนักลงทุนรายใหญ่รายย่อย เนื่องจากเป็นธนาคารที่ใหญ่เป็นอันนดับสองในแง่ ?สินทรัพย์? แต่ในแง่ผลการดำเนินงานเมื่อเทียบกับ Big 3 อย่าง BBL KBANK SCB นั้นอาจจะเป็น ?ยักษ์ที่เชื่องช้าบ้าง? เพราะเป็นธนาคารของรัฐที่ผู้บริหารอาจจะต้องฟังคำสั่งของนักการเมือง หรือผู้มีอำนาจทำให้การตัดสินใจช้า แต่ก็เป็นหุ้นกลุ่มรัฐบาลตัวเดียวที่ ผลการดำเนินงานค่อนข้างเข้าตา ความเสี่ยงในการลงทุนค่อนข้างต่ำ

สำหรับกรอบการเก็งกำไรหุ้นตัวนี้ ควรหาจังหวะเก็งกำไรในลักษณะเป็นรอบ ๆ การลงทุนโดยกรอบการซื้อบริเวณ 11 บาทหรือต่ำกว่านั้นค่อนข้างจะปลอดภัยในสถานการณ์ปกติ แต่หากสถานการณ์มีตัวแปรเหนือความคาดหมายเข้ามารบกวนอาจจะต้องซื้อบริเวณ 10 บาทหรือต่ำกว่าเล็กน้อย ส่วนแนวต้านสำคัญอยู่บริเวณ 13 -15 บาท สำหรับคู่ชกที่อยู่ในเกณฑ์พอวัดพอเหวี่ยงจะเป็นหุ้น BAY SCIB แต่ตอนหลังหุ้น BAY ได้ยาดีวิ่งหนีไป 20 บาทก่อน และกำลังจะมีการเปลี่ยนช่วงราคาจาก 0.10 เป็น 0.25 บาท ดังนั้นหากนักลงทุนที่มองหาหุ้นประเภท ช่วงราคา 0.10 บาทและไม่เสี่ยงมากลงน้ำหนักในลักษณะจำนวนหุ้นเป็น แสน ๆ ล้าน ๆ ได้แบบไม่ค่อยหนีกัน KTB ก็จัดเป็นอาวุธในการลงทุนที่น่าติดตาม

KEST หุ้นกลุ่มหลักทรัพย์แถวหน้า แต่ระยะหลังเริ่มมีปัญหาเนื่องจากมูลค่าการซื้อขายลดลง และปรากฏว่ามีการย้ายค่ายของเจ้าหน้าที่การตลาดตามภาวะ จัดเป็นหุ้นประเภท High Beta เนื่องจากผลการดำเนินงานผูกกับปริมาณการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์และตลาดตราสารอนุพันธ์ โดยรักษาส่วนแบ่งการตลาดในระดับ Top 5 ได้อย่างเหนียวแน่น และปกติหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์มักจะมีการนำมาเป็นตัวเล่นเก็งกำไรค่อนข้างหลาย ๆรอบในแต่ละปี โดยกรอบการเก็งกำไรระยะสั้นอยู่บริเวณ 12.60 ? 18.90 บาท แต่ระยะสั้นมาก ๆ ในสัปดาห์นี้กรอบการเคลื่อนไหวจะอยู่ในช่วง 15.80 -19 บาท

AMATA หุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ทำธุรกิจด้านนิคมอุตสาหกรรมในไทยและเวียดนามซึ่งราคาหุ้นปรับลดลงตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ
แต่ราคาหุ้นที่ปรับลดลงมาบริเวณ 10.80 -13 บาท เทียบกับราคาปัจจุบันบริเวณ 11.30 บาทเริ่มเป็นราคาที่น่าสนใจเนื่องจากโครงสร้างทางเทคนิคเริ่มเดินทางในกรอบขึ้น โดยมีเป้าหมายทางเทคนิคบริเวณ 12.50 -15 บาทสำหรับระยะสั้นและระยะกลาง ส่วนความเสี่ยงด้านปรับตัวลงบริเวณ 10.80 บาทจะเป็นจุดหยุดการขาดทุนสำหรับเสือปืนไวครับ


ทันหุ้น

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com