May 17, 2024   7:05:59 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นเด่น.....เล่นสั้น และภาวะตลาดวันนี้...
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 19/04/2007 @ 09:16:47
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

Weekly Strategy

เคลื่อนไหวกรอบแคบ หากไม่มีปัจจัยเร่งทางการเมือง
บรรยากาศการลงทุนระยะสั้น ยังอยู่ในเกณฑ์ดี จากการส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ เพื่อรักษาอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจไม่ให้หลุด 4% จะช่วยประคองดัชนีให้เคลื่อนไหวในกรอบ 685 - 698 จุด ตราบเท่าที่ยังไม่มีปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองเข้าแทรกแซง

ระยะสั้น อาจมีแรงขายทำกำไรกลุ่มธนาคาร
การประกาศกำไรของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 1/50 ยังคงได้รับอิทธิพลอย่างมากจากมาตรการการตั้งสำรอง ช่วยให้พลิกฟื้นจากขาดทุนในไตรมาส 4/49 เป็นกำไรได้ แต่ผลประกอบการมีแนวโน้มอ่อนตัวต่อเนื่องในไตรมาส 2/50 หลัง KTB นำร่องปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้รวดเดียว 0.50% ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวดีกว่าตลาดในช่วงที่ผ่านมา คาดว่าจะจูงใจให้มีการขายทำกำไรหลังการประกาศผลประกอบการ

เน้นเลือกลงทุนเป็นรายหลักทรัพย์
เรายังยกให้กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นดาวเด่นของสัปดาห์ จากแนวโน้มที่จะได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ และเน้นลงทุนเป็นรายหลักทรัพย์ในหุ้นที่คาดว่าจะมีผลการดำเนินงานไตรมาส 1/50 โดดเด่น


 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 19/04/2007 @ 09:17:29 :
SET
ดัชนีได้ดีดตัวทดสอบ Tweezers Top ย่อยบริเวณ 696 จุดหลายครั้งในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาทว่ายังไม่อาจฝ่าขึ้นไปได้ ส่งให้เกิดการอ่อนตัวเล็กน้อย ทั้งนี้สัญญาณ RSI ที่ชะลอตัวสะท้อนถึงการปรับฐานระยะสั้นอาจดำเนินต่อไปสักระยะโดยมี gap เดิมบริเวณ 686-689 จุดเป็นแนวรับหลัก

มุมมองระยะกลาง - PDI
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
PDI เข้าสู่การพักฐานระยะกลางเมื่อเดือน ธ.ค. 49 โดยที่ราคาหุ้นปรับลงมาจาก 46.00 บาทถึงแนวเคลื่อนตัวของเส้นค่าเฉลี่ย 75 สัปดาห์ที่ 30.00 บาท หลังจากช่วงเวลานี้แล้วราคาฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้สามารถยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยได้ทุกเส้น สัญญาณ RSI ที่เริ่มฟื้นตัวแสดงถึงขาขึ้นระยะกลางครั้งสำคัญ โดยมีความเป็นไปได้ที่ราคาจะสามารถสร้างจุดสูงสุดใหม่

หุ้นเด่น เล่นสั้น - EMC
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
จากกราฟรายวัน ราคามี Continuation pattern กลับตัวขึ้นอย่างชัดเจน และยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน นอกจากนั้นยังมีสัญญาณซื้อจาก RSI & Stochastic ดังนั้นมีโอกาสที่หุ้นจะขึ้นไปทดสอบแนวต้านแรกบริเวณ Fibonacci 161.8 @ 3.24 บาท และแนวต้านถัดไปที่ Fibonacci 261.8 @ 3.64 บาท โดยให้แนวรับที่ 2.90-3.00 บาท สำหรับจุด Stop loss อยู่ที่ 2.84 บาท เมื่อหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 200 วัน

หุ้นเด่น เล่นสั้น - NCH
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
พิจารณาจากกราฟรายวัน มีการสะสมกำลังมาระยะหนึ่ง ราคาจึงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ สามารถเล่นเก็งกำไรในกรอบ 2.90-3.10 ได้ จนกระทั่งรอการเบรกของราคา โดยให้แนวต้านสำคัญที่ Fibonacci 161.8 บริเวณ 3.70-3.80 บาท จึงแนะนำซื้อ โดยให้แนวรับที่ 2.90-3.00 บาท สำหรับจุด Stop loss อยู่ที่ 2.88 บาท เมื่อหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 75 วัน


 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#2 วันที่: 19/04/2007 @ 09:49:49 :
[b:1c9fe71bf3">*PTT จะใช้เงิน 275 ล้านดอลล์ในการซื้อปั๊มเจ็ท 147 แห่ง [/b:1c9fe71bf3">

นายประเสริฐ บุญสัมพันพธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. (PTT) เปิดเผยว่า วันนี้ปตท.ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงเพื่อเข้าซื้อกิจการสถานีบริหารน้ำมันเจ็ท และร้านค้า Jiffy ทั้งหมด 147 แห่งในประเทศไทย บริษัท โคโนโคฟิลลิปส์ โดยใช้เงินในการซื้อกิจการ 275 ล้านเหรียญสหรัฐ
หลังจากการซื้อกิจการแล้ว ยังใช้ชื่อเดิมต่อไปเป็นเวลา 2 ปี ก่อนที่จะทำการเปลี่ยนชื่อเป็นปั๊มปตท.ต่อไป
การซื้อกิจการ เจ็ท เพื่อขยายศักยภาพในธุรกิจ Non Oil ของปตท.ให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น


[b:1c9fe71bf3">BLAND ขายหุ้น"อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่นฯ"ให้ Juutland Limited 54.69 ล้านหุ้น[/b:1c9fe71bf3">

นายอนันต์ กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.บางกอกแลนด์ (BLAND) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2550 ได้มีมติอนุมัติการเข้าทำสัญญาซื้อขายหุ้น สำหรับการขายหุ้นของบริษัท อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด ("อิมแพ็ค" จำนวน 54,689,465 หุ้นที่บริษัทถืออยู่ (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาท) ให้แก่ Juutland Limited ในราคา รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 7,000,000,000 บาท

ทั้งนี้การชำระราคาจะขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่จะกำหนดไว้ในสัญญาซื้อขายหุ้นดังกล่าว รวมทั้งอนุมัติการเข้าทำสัญญาผู้ถือหุ้นระหว่างบริษัทกับผู้ซื้อดังกล่าว สัญญาผู้ถือหุ้นดังกล่าวจะกำหนดสิทธิและหน้าที่ของคู่สัญญาแต่ละฝ่ายในฐานะเป็นผู้ถือหุ้นในอิมแพ็ค
นอกจากนี้ Juutland Limited ไม่ได้มีความสัมพันธ์ในลักษณะที่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันกับบริษัทแต่ประการใด


--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/รัชดา


 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#3 วันที่: 19/04/2007 @ 10:13:44 :
[b:dd3fe9164f">หุ้นไทยวันนี้ออกอาการซึมต่อ [/b:dd3fe9164f">

ดัชนีตลาดหุ้นไทยวันนี้มีแววซึมต่อ เข้าช่วงรอดูสถานการณ์ ทั้งนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และการปรับคณะรัฐมนตรีรอบใหม่ของรัฐบาลขิงแก่ นักลงทุนสถาบัน-ต่างชาติ ทยอยปรับพอร์ต ถือเงินสด แต่ยังมีตัวเลขซื้อสุทธิ ขณะที่รายย่อยแห่ขายอยู่กลุ่มเดียว ให้กรอบลงทุนที่แนวรับ 688 จุด และแนวต้าน 696 จุด ส่วนกลยุทธ์การลงทุนเน้นหนักหุ้นกลุ่มน้ำมัน-โรงกลั่น-อสังหาริมทรัพย์ รับอานิสงค์นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ วานนี้(18เม.ย.) ปิดตลาดที่ 692.27 จุด ลดลง 2.76 จุด หรือ 0.40% และมีมูลค่าการซื้อขายรวม 6,179.29 ล้านบาท โดยการซื้อขายของนักลงทุนรายกลุ่ม นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 91.40 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ 85.43 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนทั่วไป ขายสุทธิ 176 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับ ได้แก่ หุ้น PTT มูลค่าการซื้อขาย 420.33 ล้านบาท ปิดที่ 214.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หุ้นSCC มูลค่าการซื้อขาย 249.37 ล้านบาท ปิดที่ 238.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หุ้น PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 215.46 ล้านบาท ปิดที่ 90.50 บาท ลดลง 0.50 บาท หุ้น BAY มูลค่าการซื้อขาย 194.10 ล้านบาท ปิดที่ 21.60 บาท ลดลง 0.60 บาท และหุ้น BBL มูลค่าการซื้อขาย 192.29 ล้านบาท ปิดที่ 114.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

นางสาวอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้(18 เม.ย.) มีการเคลื่อนไหวในกรอบแคบ มูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากนักลงทุนยังคงรอความชัดเจนด้านการเมืองในแง่ของการปรับคณะรัฐมนตรี และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะมีการประชุมในวันที่ 24 เมษายนนี้

?นักลงทุนทั้งสถาบันในประเทศ และต่างประเทศมีการซื้อขายหุ้นน้อยมากในวานนี้ เพราะยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ที่จะสามารถกระการลงทุนให้เกิดขึ้นในระยะยะสั้น ประกอบนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลก็ยังไม่มีความชัดเจน รวมทั้งการปรับครม.ที่สร้างแรงกดดันตลาดหุ้นไทยต่อไป?นางสาวอาภาภรณ์กล่าว

การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วานนี้จะเห็นได้ว่านักลงทุนทั้งสถาบัน และต่างประเทศมีการปรับลดพอร์ตหุ้นในมือออกมาบางส่วน ซึ่งกระจ่ายในทุกๆกลุ่ม และหันมาถือเงินสดมากขึ้น ประกอบกับเป็นช่วงต่อเนื่องจากวันหยุดยาวมูลค่าการซื้อขายจึงค้อนข่างเบาบางกว่าทุกวัน

ดังนั้นประเมินว่ากรอบดัชนีในวันนี้น่าจะมีการเคลื่อนไหวที่ 687-695 จุด รวมทั้งจับตากการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติที่อาจจะมีแรงขายออกมาได้ เพราะตลาดหุ้นไทยยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆน่าลงทุน

นายอดิพงษ์ ภัทรวิกรม ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (18 เม.ย.) มีเคลื่อนไหวซึมๆตลาดวัน เนื่องจากนักลงทุนยังคงรอการนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะมีการหารือใหม่อีกครั้งในวันที่ 24 เมษายนนี้ ซึ่งคาดว่านโยบายดังกล่าวจะกระตุ้นได้เฉพาะจุด แต่ภาพรวมนั้นอาจจะต้องใช้เวลา อีกทั้งนักลงทุนรอให้มีการปรับคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดรักษาการใหม่แล้วเสร็จ เพื่อจะมีนโยบายใหม่ที่จะส่งเสริมการลงทุนได้มากยิ่งขึ้น

ดังนั้นคาดว่าวันนี้ดัชนีจะมีการปรับตัวขึ้นได้แต่จะยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยให้แนวรับที่ 688 จุด และแนวต้าน 696 จุด โดยกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัยแนะนำลงทุนในหุ้นกลุ่มน้ำมัน เช่น PTT และโรงกลั่น RRC และหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่าจะได้รับอานิสงค์จากการออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

นอกจากนี้คาดว่าจะมีแรงขายทำกำไรหุ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ที่คาดว่าผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกอาจจะออกมาไม่ดีเท่าที่ควร จากมาตรการการลดดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด(มหาชน) คาดการณ์ว่าผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ 10 แห่ง ในไตรมาส 1/2550 จะลดลงจากไตรมาส 1/2549 ประมาณ 18% เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และการขยายตัวสินเชื่อไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมาย

นอกจากนี้ บางธนาคารยังต้องตั้งสำรองเพิ่มขึ้น คาดว่าจะมีการกระจายการตั้งสำรองของแบงก์ต่างๆ โดยในไตรมาส 1/2550 อาจจะเห็น TMB ตั้งสำรองบางส่วน ส่วน KTB อาจจะตั้งสำรองในไตรมาส 2/2550 และไตรมาส 4/2550

ทันนหุ้น

[/color:dd3fe9164f">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#4 วันที่: 19/04/2007 @ 10:36:28 :
[b:8612b0feba">PDIเก็บรอปันผล5.20บาทก่อนขึ้นXD [/b:8612b0feba">

ที่มา : ทันหุ้น
ทันหุ้น-ผาแดงวิ่งหน้าตั้งเก็งกำไรรับปันผลสูงถึงหุ้นละ 5.20 บาทหลังราคาสังกะสีปรับขึ้นทุกคืนวัน โบรกออกโรงเตือนระวังแรงเทขายในวันขึ้น XD ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้น่าจะลดลงจากไตรมาสก่อนเพราะผ่านช่วงพิกสุดของราคาสังกะสีโลกมาแล้ว ประเมินกรอบลงทุนตามสัญญาณเทคนิคที่ 42.00-45.00 บาท

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์บริษัทหลักทรัพย์ทรีนีตี้ จำกัด กล่าวถึงราคาหุ้นบริษัทผาแดงอินดัสตรี จำกัด(มหาชน) PDI ที่ปรับตัวขึ้นมาวานนี้(18 เม.ย. )ว่าส่วนหนึ่งมาจากทิศทางราคาสังกะสีที่ปรับเพิ่มขึ้น อีกทั้งเป็นแรงเล่นเก็งกำไรของนักลงทุนเพื่อรอรับเงินปันผลที่คาดว่าบริษัทจะจ่ายสูงถึงหุ้นละ 5.20 บาท โดยที่บริษัทจะทำการขึ้นเครื่องหมายผู้ซื้อไม่มีสิทธิในเงินปันผล ( XD) ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2550 นี้

? คงจะเป็น 2 กรณีข้างต้นที่ทำให้ราคาหุ้น PDI ปรับตัวเพิ่มขึ้นในวานนี้ เพราะประเด็นอื่นคงไม่ใช่ประเด็นหลักสำหรับการลงทุนในช่วงนี้แน่นอน ? นักวิเคราะห์กล่าว

อย่างไรก็ตามนักลงทุนที่จะเข้าลงทุนในหุ้น PDI ช่วงนี้ควรระวังแรงเทขายทำกำไรออกมาในวันขึ้นเครื่องหมาย XD ด้วย เพราะมีแนวโน้มที่ราคาหุ้นจะปรับลดลงแรงในวันดังกล่าว ส่วนระยะสั้นสามารถเล่น ?เก็งกำไร? ได้แต่ต้องระวังแรงขายที่แนวต้าน 43.00-45.00 บาท ส่วนแนวรับมองที่ 42.00-40.00 บาท

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์บริษัทหลักทรัพย์นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า ราคาหุ้น PDI ที่ปรับตัวขึ้นมาในวานนี้ เป็นไปตามราคาสังกะสีโลกที่ปรับตัวขึ้น โดยวานนี้ราคาสังกะสีปรับขึ้นถึง 3.5 พันเหรียญต่อตัน เพิ่มจากสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ราคาอยู่ที่ 3.3 พันเหรียญต่อตัน อีกทั้งที่ผ่านมาราคาหุ้น PDI ปรับตัวในทิศทางเดียวกับราคาสังกะสีโลกมาโดยตลอด

?ราคาสังกะสีที่ปรับขึ้นจะทำให้มาร์จิ้นบริษัทเพิ่มขึ้นแต่ฝ่ายวิจัยยังไม่มีการปรับประมาณการแต่อย่างใด เพราะราคาสังกะสีอาจจะผันผวนในช่วงครึ่งปีหลังก็อาจเป็นไปได้ ยังคงให้ราคาเป้าหมายที่ 45.50บาทเท่าเดิม อย่างไรก็ตามราคาสังกะสีเฉลี่ยของไตรมาสที่ 1/2550 น่าจะดีกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อน? นักวิเคราะห์ กล่าว

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์บริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งกล่าวว่าราคาสังกะสีที่ปรับเพิ่มขึ้นในวานนี้ถือว่าเป็นไปตามประมาณการที่กำหนดไว้ ที่คาดว่าทั้งปีราคาสังกะสีน่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 3 -3.5พันเหรียญต่อตัน และคาดว่าทั้งปีจะเฉลี่ยอยู่ที่ 3.3 พันเหรียญต่อตัน ส่วนราคา PDI ที่ปรับเพิ่มขึ้นมาน่าจะเป็นการเก็งกำไรตามราคาสังกะสีที่ปรับเพิ่มขึ้น

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1/2550 ของ PDI คาดว่าจะออกมาต่ำกว่าไตรมาสที่ 4/2549 เพราะช่วงเวลาดังกล่าวราคาสังกะสีโลกปรับขึ้นสูงโดยฝ่ายวิจัยแนะนำ ?ถือ? ให้ราคาเป้าหมาย 44.91 บาท

?ฝ่ายวิจัยแนะนำถือหุ้น PDI เพราะราคาเข้าใกล้ถึงเป้าหมายแล้ว ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1/2550 คาดว่าจะออกมาต่ำกว่าไตรมาสก่อนเพราะผ่านจุดสูงสุดของราคาสังกะสีมาแล้ว ส่วนทั้งปี 2550 คาดว่าผลการดำเนินงานจะออกมาชะลอตัวลงจากปี 2549 ตามราคาสังกะสีปีนี้ที่เฉลี่ยต่ำกว่าปีก่อน? นักวิเคราะห์กล่าว

ราคาหุ้น PDI ( 18 เม.ย.50 ) 42.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท มูลค่าการซื้อขายทั้งสิ้น 150.91 ล้านบาท


 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#5 วันที่: 19/04/2007 @ 10:39:23 :
[b:7d812a8e4c">จับเทคนิค ?TFEX? [/b:7d812a8e4c">

ที่มา : ทันหุ้น
นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) หรือ CNS จับเทคนิค TFEX ให้กับนักลงทุน
แนวรับ แนวต้าน
S50M07 483.7 493.7/495.5
S50U07 485.2/488.4 493.4/495.8
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ยังแนะนำให้ขายต่อ นักลงทุนสามารถทยอยเก็งกำไรได้ ซึ่งมีเป้าหมายของสัญญาเดือนมิถุนายน(S50M07) และสัญญาเดือนกันยายน (S50U07) อยู่ที่ 495 จุด หากเป็นไปตามเป้าหมายที่ให้ไว้สามารถขายทำกำไรได้ ซึ่งภาพรวมของตลาดในสัปดาห์นี้น่าจะอยู่ในทิศทางที่ดี

หากตลาดปรับฐานให้เปิดสถานะ ?Long? กลับ ซึ่งแนวโน้มของตลาดจะมีการปรับตัวขึ้นสลับกับการปรับฐาน หรือ Sideway up ให้ทำกำไร และรอซื้อเมื่ออ่อนตัว


[b:7d812a8e4c">Z-Strategy[/b:7d812a8e4c">

ปรับลงแนวรับ 687 จุด วิตกเยนแข็งค่า นักลงทุนชะลอการลงทุน เลือกลงทุนเป็นรายหลักทรัพย์ โดยเฉพาะผลประกอบการไตรมาส 1/50 ของหุ้นที่คาดว่าจะออกมาดี แนะนำ (SEAFCO, GSTEEL) และหุ้นปันผลเด่น RPC, TMT, MCS
Technical Analysis
Tweezers Top ขนาดย่อย ณ 696 จุดสามารถยับยั้งการดีดตัวของดัชนีได้ในระยะสั้น ขณะนี้ดัชนีปรับลงเข้าใกล้ gap เดิมบริเวณ 686-689 จุด

PDI: หลังจากที่ผ่านพ้นช่วงเวลาของการพักฐานระยะกลาง PDI สามารถดีดตัวยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยหลักๆ ได้อีกครั้ง สัญญาณซื้อที่เกิดขึ้นใน RSI รายสัปดาห์ แสดงถึง โอกาสที่หุ้นจะดีดตัวทำจุดสูงเกินกว่าครั้งที่ผ่านมา

EMC: เพิ่งจะยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 10 25 75 และเส้น 200 วัน ขณะเดียวกับที่ RSI เคลื่อนตัวในทิศทางเชิงบวก องค์ประกอบเหล่านี้ แสดงถึง โอกาสของการดีดตัวครั้งสำคัญ

NCH: การพักตัวตั้งแต่ต้นปีบริเวณ 3.00 บาท ของ NCH นั้นส่งผลให้เกิดการสะสมกำลังเพื่อการเปลี่ยนแนวโน้ม คาดว่าในอนาคตอันใกล้ อาศัยฐานราคาดังกล่าวดีดตัวทำจุดสูงใหม่

Z-Focus
Quarterly Preview

SCCC: ตลาดซีเมนต์ซบ ฉุดกำไร - ขาย
Z-SCAN
Quarterly Preview

CP7-11: ธุรกิจในจีนมีแนวโน้มขาดทุนลดลง... และอาจฟื้นตัวเร็วกว่าคาด - ซื้อ
Result Update

TISCO: สินเชื่อเช่าซื้อยังขยายตัวดี... สวนกระแสยอดขายรถยนต์ - ซื้อ
Statistic Info


บริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้

[/color:7d812a8e4c">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#6 วันที่: 19/04/2007 @ 10:40:31 :
[b:40740e5277">CP7-11: ธุรกิจในจีนมีแนวโน้มขาดทุนลดลง.. และอาจฟื้นตัวเร็วกว่าคาด - ซื้อ[/b:40740e5277">

คาดกำไรโต 44% ในปี 50 แม้ธุรกิจในจีนยังขาดทุน
เราคาดว่าการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ และผลขาดทุนที่ลดลงของบริษัทย่อยในจีน จะทำให้ CP7-11มีกำไรปกติเติบโต 44% ในปี 50 เราประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 7.47 บาท (PE 14x ปี 50) และคงคำแนะนำ ซื้อ
คาดกำไรไตรมาส 1/50 ฟื้นตัว
เราคาดว่าผลประกอบการของ CP7-11ในไตรมาส 1/50 จะฟื้นตัว จากยอดขายของห้างโลตัสในประเทศจีนที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้นในต้นปีนี้ และการขยายตัวของธุรกิจร้านสะดวกซื้อในประเทศที่ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

ธุรกิจค้าปลีกในจีนอาจฟื้นตัวเร็ว หากมีการตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์
CP7-11 อาจได้ประโยชน์จากแนวทางที่กลุ่มบริษัทเจริญโภคภัณฑ์จะจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีน โดยนำห้างโลตัส เข้าเป็นสินทรัพย์ของกองทุน หากเป็นจริง คาดว่าจะช่วยลดหนี้ และภาระการลงทุนในสาขาใหม่ ทำให้ห้างโลตัสในเซี้ยงไฮ้ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ CP7-11 ฟื้นตัวได้เร็ว

ได้ประโยชน์จากกรณี ปตท. ชนะการประมูลซื้อปั๊ม JET
CP7-11 เป็น exclusive operator ธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อในสถานีบริการน้ำมันของ ปตท. จะได้ประโยชน์จากการเข้าดำเนินการแทนในร้านสะดวกซื้อ จากกรณีที่ ปตท. ชนะการประมูลสถานีบริการน้ำมัน JET


Semico

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#7 วันที่: 19/04/2007 @ 11:47:53 :
[b:df3de55307">SALEE พุ่ง 8.88% ทำ New high, แนะ"เทรดดิ้ง"เหตุยังมีลูกหุ้น 37 ล.หุ้น [/b:df3de55307">

หุ้น SALEE ราคาพุ่งขึ้น 8.88% มาอยู่ที่ 3.68 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท มูลค่าซื้อขาย 15.40 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.28 น. โดยเปิดตลาดที่ 3.40 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 3.68 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 3.40 บาท
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.38 ราคาหุ้น SALEE อยู่ที่ 3.60 บาท เพิ่มขึ้น 0.22 บาท(+6.51%)
นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซียพลัส กล่าวว่า ราคาหุ้น SALEE พุ่งขึ้นในเช้านี้ จนทำ New high ได้นับตั้งแต่เข้ามาตลาดฯ ซึ่งส่งผลให้สัญญาณทางเทคนิคแสดงทิศทางขาขึ้นได้ด้วย โดยมีแนวต้าน 3.80 บาท ส่วนรับ 3.54 บาท แต่แนะนำแค่"เทรดดิ้ง"เท่านั้น

เนื่องจาก SALEE ยังมีประเด็นลูกหุ้นที่ได้ขายให้ PP ไปจำนวน 37 ล้านหุ้น และเริ่มเข้ามาเทรดในตลาดฯได้ตั้งแต่วันนี้(19 เม.ย.)จึงทำให้นักลงทุนควรจะระมัดระวังการลงทุน เพราะไม่รู้ลูกหุ้นจำนวนนี้จะถูกขายออกมาเมื่อไร ดังนั้นจึงให้จุด stop loss ไว้ที่ 3.38 บาท

ตลาดหลักทรัพย์ รับหุ้นเพิ่มทุนของบริษัท สาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)(SALEE) เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนเพิ่มเติม และให้เริ่มทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ MAI ได้ตั้งแต่วันนี้(19 เม.ย.)เป็นต้นไป

SALEE มีทุนใหม่ 239,817,038 บาท หุ้นเพิ่มทุนเกิดจากการจัดสรรให้บุคคลเฉพาะเจาะจง 6 ราย รวม 37,000,000 หุ้น ดังนี้ บลจ. เอสเส็ค จำกัด 28,500,000 หุ้น, นางจิรฐา ชิตประสงค์ 2,000,000 หุ้น, นายธนศักดิ์ รัศมีดารา 2,500,000 หุ้น, นางประภา นพอุดมพันธุ์ 3,000,000 หุ้น, นางสาวมาลี อิงคยุทธวิทยา 500,000 หุ้น และ Mr.Micheal A.W.Fernandez 500,000 หุ้น โดยจัดสรรในราคาหุ้นละ 2.56 บาท

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#8 วันที่: 19/04/2007 @ 11:49:06 :
[b:9bfd994830">AMC ร่วง 10.34% รับผลหลังลูกหุ้นเพิ่มทุน 50 ล้านหุ้นเข้าเทรดวันแรก [/b:9bfd994830">

หุ้น AMC ราคาร่วงลง 10.34% มาอยู่ที่ 3.12 บาท ลดลง 0.36 บาท มูลค่าซื้อขาย 21.70 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.13 น. โดยเปิดตลาดที่ 3.04 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 3.18 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 3.00 บาท

นายกมลชัย พลอินทวงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนิตี้ กล่าวว่า ราคาหุ้น AMC เปิดตลาดเช้านี้ก็ร่วงลงทันที เป็นผลจากที่ลูกหุ้นของ AMC จำนวน 50 ล้านหุ้นเข้าเทรดวันแรก ทำให้นักลงทุนขายหุ้นออกมา

แต่มองว่า ณ ระดับราคาปัจจุบันที่กำลังเทรดอยู่ในขณะนี้ต่ำกว่าราคาที่ขายเพิ่มทุน 3.30 บาท จึงเห็นว่าสามารถเข้ามาเล่นเก็งกำไรได้ โดยให้แนวรับ 3-3.04 บาท แนวต้าน 3.26-3.30 บาท

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ รับหุ้นเพิ่มทุนบริษัทเอเซีย เมทัล จำกัด (มหาชน) (AMC) หลักทรัพย์จดทะเบียน และให้เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ตั้งแต่วันนี้(19 เม.ย.)เป็นต้นไป
หุ้นเพิ่มทุน AMC เกิดจากการจัดสรรให้แก่ประชาชนทั่วไป 50,000,000 หุ้น ในราคาขายต่อหุ้น 3.30 บาท



 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#9 วันที่: 19/04/2007 @ 12:02:11 :
[b:0411d70458">MALEE พุ่ง 7.38% โบรกฯคาด"เก็งกำไร"จากข่าว"ไทเก้น"เข้าซื้อ 5% [/b:0411d70458">

หุ้น MALEE ราคาพุ่งขึ้น 7.38% มาอยู่ที่ 8 บาท เพิ่มขึ้น 0.55 บาท เมื่อเวลา 11.12 น. โดยเปิดตลาดที่ 7.95 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 8.20 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 7.90 บาท

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.แอ๊ดคินซัน กล่าวว่า ราคาหุ้น MALEE พุ่งขึ้นในเช้านี้ ทั้งที่ไม่มีค่อยมีวอลุ่มเทรด คาดว่าจะเป็นการเข้ามาเล่นเก็งกำไรของนักลงทุน โดยอาศัยปัจจัยจากที่นายโฟรเด้ ไทเก้น นักลงทุนรายใหญ่ ได้เข้ามาซื้อหุ้น MALEE จำนวน 5% ซึ่งมองว่าอาจจะเป็นแค่การเข้ามาเก็งกำไรเท่านั้น โดยไม่ได้ต้องการที่จะเข้ามาร่วมบริหารงานใน MALEE อย่างจริงจัง

สำหรับสัญญาณทางเทคนิคระยะสั้นยังแสดงทิศทางการอ่อนตัว เนื่องจากวอลุ่มเทรดไม่เข้ามา โดยให้แนวต้านที่ 8.20 บาท แนวรับ 7.45 บาท พร้อมแนะจับตาว่าราคาจะสามารถปิดเหนือ 8.20 บาทได้หรือไม่ หากปิดเหนือได้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นต่อไปได้

วานนี้(18 เม.ย.)น.ส.สุพิน จิรศาสตร์ ตัวแทนของนายโฟรเด้ ไทเก้น นักลงทุนรายใหญ่ เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า การเข้าลงทุนในหุ้น MALEE จำนวน 5% ของนายโฟรเด้ ไทเก้น เป็นเพียงการเข้ามาลงทุนในระยะสั้นเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าไปร่วมบริหารงานใน MALEE แต่อย่างใด

ด้านสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับแบบรายงานการได้มาของหุ้นบมจ. มาลีสามพราน(MALEE)โดยนายโฟรเด้ ไทเก้น ซึ่งเป็นการได้มาเมื่อวันที่ 12/04/2550 จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มา 3.5 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น 5.0% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มา 3.5 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น 5.0% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด

ทั้งนี้ ได้มาในราคาหุ้นละ 8.05 บาท โดยการแปลงสภาพ NVDR เป็น Foreign

--อินโฟเควสท์ โดย พรเพ็ญ ดวงเฉลิมวงศ์/เสาวลักษณ์


 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#10 วันที่: 19/04/2007 @ 12:09:21 :
[b:874d97a043">*CENTEL คาดขายหุ้นเพิ่มทุน PO ไม่ทันกลางปี [/b:874d97a043">

บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา(CENTEL)คาดขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไป(PO) ไม่ทันกลางปีนี้ตามที่กำหนด เพราะภาวะตลาดหุ้นไม่เอื้อ แต่ยังมีเวลาจนถึงสิ้นปีนี้ หากยังออกขายไม่ได้ก็จะหันไปกู้เงินสถาบันการเงินแทน และบางส่วนอาจขายหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นเดิม เพื่อนำไปใช้ลงทุนขยายโรงแรมตามแผนงาน

ขณะเดียวกันคาดว่าในปี 50 รายได้รวมจะเติบโตราว 15% มาอยู่ที่ 7.7-7.8 พันล้านบาท จาก 6.8 พันล้านบาทในปี 49 โดยเฉพาะรายได้ในส่วนธุรกิจโรงแรมในปีนี้จะขยายตัวมาก 15%จากการเปิดโรงแรมแห่งใหม่เพิ่ม 3 แห่ง รวมกับการปรับขึ้นราคาค่าห้องพัก ส่วนธุรกิจด้านอาหารในปีนี้เติบโต 8-10% พร้อมมั่นใจกำไรสุทธิปีนี้จะสูงกว่าปีก่อนแน่ ส่วนหนึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งค่าโดยบริษัทหันมาทำสัญญารายรับเป็นเงินบาท

*รอลุ้นขายหุ้น PO จากนี้ถึงสิ้นปี

นายรณชิต มหัทธนะพฤทธิ์ รองประธานอาวุโสฝ่ายการเงินและบริหาร CENTEL กล่าวว่า แม้ว่าจะมีสถานการณ์การเมืองไม่นิ่ง และภาวะตลาดหุ้นยังไม่ค่อยดี แต่บริษัทก็ต้องดำเนินการตามแผนขายหุ้นเพิ่มทุน ที่คาดว่าจะระดมทุนได้มากกว่า 1 พันล้านบาท เพื่อนำไปลงทุนขยายโรงแรมแห่งใหม่ 3 แห่ง ได้แก่ โรงแรมเซ็นทรัลเวิลด์, โรงแรม ที่พัทยา และ หาดกะรน ที่จ.ภูเก็ต
"คืออย่างไรแผนเราก็ต้องออกหุ้นเพิ่มทุน เราดูได้ถึงสิ้นปี และยังมีแผนสำรอง โดยมี Thailand Equtiy Fund ซึ่งถือหุ้นเราอยู่ประมาณ เกือบ 10% ยินดีจะจองซื้อหุ้นเพิ่ม ซึ่งก็ต้องเข้าที่ประชุมผู้ถือหุ้น ถ้าเผื่อเหลือเผื่อขาด ไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องขอมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น แต่ยังไม่แน่นอน ต้องให้คณะกรรมการพิจารณาให้นำหุ้นในส่วนหุ้นเพิ่มทุน(PO) ขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมบางส่วนหรือไม่ นี่คือแผนหนึ่ง" นายรณชิต กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"

ทั้งนี้ CENTEL มีแผนขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (PO) จำนวน 170 ล้านหุ้น เมื่อต้นปี 50 และได้เลื่อนมากลางปีนี้ หลังจากที่ได้โรดโชว์ทั้งในและต่างประเทศเมื่อปลายปี 49

ขณะเดียวกันบริษัทก็เตรียมแผนสำรอง คือ จะนำเงินที่ได้จากกลุ่มนักลงทุนสนใจเข้ามาลงทุนในกลุ่มโรงแรมเจรจาเข้าซื้อหุ้นในบริษัทลูกที่ CENTEL ถือเต็ม 100% โดยคาดว่าจะขายหุ้นให้ในสัดส่วน 40% หากเจรจาสำเร็จก็จะได้เงินประมาณ 1.4 พันล้านบาท



 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#11 วันที่: 19/04/2007 @ 12:55:40 :
[b:5fbbc117c4">SPACK-EPCO ลบ โบรกฯมองแผนควบรวมไม่คืบ-ขึ้น XD วันแรก [/b:5fbbc117c4">

หุ้น SPACK-EPCO ปรับลง ขึ้น XD วันแรก เมื่อเวลา 11.50 น.หุ้น SPACK อยู่ที่ 2.66 บาท ลดลง 0.18 บาท (-6.34%) และหุ้น EPCO อยู่ที่ 0.57 บาท ลดลง 0.05 บาท (-8.06%)

นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้น SPACK และ EPCO ปรับลงจากการขึ้นเครื่องหมาย XD วันแรก โดย SPACK ปรับลงใกล้เคียงกับปันผล แต่ EPCO ปรับลงน้อยกว่า ซึ่งเป็นการลดลงเนื่องจากขึ้นเครื่องหมาย XD เป็นวันแรกเช่นกัน
ส่วนเรื่องการควบรวมกิจการยังไม่เห็นความคืบหน้าอะไร จากที่บริษัทบอกว่าจะมีความชัดเจนในไตรมาส 2 แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นมีอะไรชัดเจน

"มองว่าต้องคิดมากๆ เพราะ SPACK ไม่มีเงินพอที่จะไปซื้อหุ้น EPCO ที่เหลือทั้งหมดมา เพราะฉะนั้นต้องหาวิธีอะไรที่ไม่ให้กระทบกับ SPACK คงต้องศึกษากันอยู่ในขณะนี้" นักวิเคราะห์ กล่าว
แนะนำซื้อทั้งคู่ โดย SPACK ให้ราคาเป้าหมายที่ 3.92 บาท และ EPCO เป้าหมาย 0.88 บาท


 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#12 วันที่: 19/04/2007 @ 13:40:21 :
[b:42afaef0d0">ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดลบ 1.91 จุด ปรับลงตามภูมิภาค กลุ่มแบงก์ร่วง [/b:42afaef0d0">

SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 690.36 จุด ลดลง 1.91 จุด (-0.28%) มูลค่าการซื้อขาย 2,907 ล้านบาท ตลาดหุ้นปรับลง เนื่องจากในภูมิภาคอ่อนตัวลงเฉลี่ยเกิน 1% แต่หุ้นไทยถือว่าลงไม่มากและวอลุ่มไม่ confirm ช่วงนี้ตลาดรอความชัดเจนหลายเรื่องโดยเฉพาะปรับครม.และต้องติดตามผลประกอบการไตรมาส 1 กลุ่มแบงก์ แนวโน้มบ่ายแกว่งแคบไม่น่ามีอะไรเพราะมาตรการพยุงศก.ที่ออกมาเม็ดเงินน้อยมาก แต่ให้รอดูมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์อีกครั้ง

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 690.36 จุด ลดลง 1.91 จุด(-0.28%) มูลค่าการซื้อขาย 2,907 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงเช้า โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 691.31 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 689.05 จุด

นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการตลาด บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นเช้านี้ปรับลง เนื่องจากในภูมิภาคอ่อนตัวลงเฉลี่ยเกิน 1% ทำให้ตลาดหุ้นไทยถูกดึงตามลงมาด้วย แต่ลงไม่มากและวอลุ่มก็ไม่ได้มาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคนวิตกกังวลข้อมูลเศรษฐกิจญี่ปุ่นออกมาดีทำให้เงินเยนแข็งขึ้นต่อเนื่องช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา

"บ้านเราช่วงนี้ตลาดรอให้มีความชัดเจนมากกว่านี้ในหลายๆ เรื่องโดยเฉพาะเรื่องการเมืองถ้ามีการปรับครม.แล้วทำให้ตลาดมีความมั่นใจว่ารัฐบาลจะทำงานต่อเนื่องจนกว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่ภายในกำหนดการสิ้นปีนี้ก็เชื่อว่าจะทำให้ sentiment ตลาดดีขึ้น และการที่ KTB ลดดอกเบี้ยถึง 0.5% ทั้งกู้และฝากก็เชื่อว่าจะเป็นการนำร่องให้ธนาคารพาณิชย์ที่เหลือต้องปรับลดดอกเบี้ยต่ำลงมาซึ่งดอกเบี้ยลง 1% จะกระตุ้นกำลังซื้อได้ 7%" นายพิชัย กล่าว

มองแนวรับ 687 จุด เป็นแนวรับสำคัญ แนวต้านช่วงสั้น 691 จุด และ 695 จุด ช่วงนี้ต้องตามผลประกอบการไตรมาส 1 ของธนาคารพาณิชย์ที่จะทยอยประกาศออกมา

แนวโน้มบ่ายยังแกว่งแคบ เพราะไม่มีอะไรใหม่เรื่องมาตรการพยุงเศรษฐกิจที่ออกมาเมื่อวานดูมูลค่าซื้อขายน้อยมากเพียง 7,000 ล้านบาท คงต้องไปรอดูเรื่องมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ด้วย

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 204.56 ล้านบาท ปิดที่ 214.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
SCB มูลค่าการซื้อขาย 196.08 ล้านบาท ปิดที่ 67.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
BAY มูลค่าการซื้อขาย 164.26 ล้านบาท ปิดที่ 21.20 บาท ลดลง 0.40 บาท
BAY-W1 มูลค่าการซื้อขาย 157.29 ล้านบาท ปิดที่ 8.85 บาท ลดลง 0.20 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 145.98 ล้านบาท ปิดที่ 67.00 บาท ลดลง 1.00 บาท



[/color:42afaef0d0">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#13 วันที่: 19/04/2007 @ 14:31:54 :
[b:d125231415">SCCC : ตลาดซีเมนต์ซบ ฉุดกำไร - ขาย[/b:d125231415">

สัมภาษณ์ผู้บริหาร

ในไตรมาส 1/50 ตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศชะลอตัวลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนเพราะน้ำท่วมในม.ค. 50 ที่ต่อเนื่องจากปลายปี และความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลง ทำให้ตลาดในประเทศลด 5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (ปกติไตรมาส 1 จะเป็น high season ของปี) ตลาดที่ชะลอตัวลงในไตรมาส 1/50 คาดว่าตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศ 3 ไตรมาสที่เหลือของปีนี้จะอยู่ในภาวะที่ค่อนข้างลำบาก แต่การแข่งขันด้านราคาไม่น่าจะเกิดขึ้นเพราะผู้ผลิตทุกรายต่างมีต้นทุนเพิ่ม โดยบริษัทยังคงมุมมองต่อแนวโน้มความต้องการใช้ปูนในประเทศปี 50 ที่คาดว่าจะทรงตัว-ลดลงจากปีก่อน
ความเห็นนักวิเคราะห์

คาดไตรมาส 1/50 มีกำไรจากการดำเนินงานสุทธิ 957ล้านบาท ลด 16% จากช่วงเดียวกันปีก่อน- จากปริมาณขายและอัตรากำไรที่ลดลง
ตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศไตรมาส 1/50 คาดว่าจะลดลง 5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ฟื้นตัว 8% จากไตรมาสที่แล้ว เป็น 7.0 ล้านตัน ฝ่ายวิจัยจึงคาดว่า SCCC จะมีปริมาณขายปูนซีเมนต์ในประเทศ 2.19 ล้านตัน (ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มจาก 28-30% เป็น 31%) ลดลง 9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่ม 21% จากไตรมาสที่แล้ว ส่วนยอดส่งออกคาดว่าจะทรงตัวอยู่ที่ 1.0 ล้านตัน ในขณะที่ราคาขายเฉลี่ยในประเทศสุทธิคาดว่าจะลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนที่ 1,775 บาท/ตัน เป็น 1,750 บาท/ตัน และราคาส่งออกเฉลี่ยทรงตัวที่ 35-40 เหรียญ/ตัน (แต่เงินบาทแข็งค่าขึ้น) จึงคาดว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานที่เป็นเงินสด (EBITDA margin) จะดีขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ 21.5% เป็น 25% ในไตรมาส 1/50 แต่ลดลงจาก 28% ในช่วงเดียวกันปีที่แล้ว จึงคาดว่า SCCC จะมีกำไรจากการดำเนินงานสุทธิ 957 ล้านบาท ลดลง 16% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่ม 38% จากไตรมาสที่แล้ว (ไตรมาส 4/49 มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสูงถึง 621 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าปกติ 100 กว่าล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็นผลจากการย้ายสำนักงานใหม่)

แนวโน้มกำไรปี 50 ทรงตัว 3.84 พันล้านบาท
แนวโน้มตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศปี 50 ที่เราคาดว่าจะฟื้นตัว 2.8% จากปี 49 (เรามีแนวโน้มจะปรับลดประมาณการ หากยังไม่มีความคืบหน้าการเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าภายในกลางปีนี้) แต่อัตรากำไรจากการดำเนินงานที่เป็นเงินสด (EBITDA margin) คาดว่าจะลดจาก 25.6% ในปี 49 เป็น 25% ในปี 50 จากราคาส่งออกที่แนวโน้มลดลงตามการชะลอตัวของตลาดสหรัฐฯและต้นทุนพลังงานที่ทรงตัวสูง จึงคาดว่า SCCC จะมีกำไรจากการดำเนินงานสุทธิในปี 50 ทรงตัวจากปีก่อนหน้าที่ระดับ 3.84 พันล้านบาท

คาดบริษัทจะเลือกลดทุนเรียกชำระแล้วสำหรับหุ้นที่ซื้อคืนครั้งที่ 1 (12.5 ล้านหุ้น หรือ 5% ของทุนเรียกชำระแล้ว)
โครงการซื้อหุ้นคืนครั้งที่ 1 (วงเงิน 2,978 ล้านบาท หรือคิดเป็นเฉลี่ย 238.24 บาท/หุ้น) จะครบกำหนดระยะเวลาจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนในวันที่ 25 มิ.ย. 50 (ไม่เกิน 3 ปี นับแต่วันที่ซื้อหุ้นคืนเสร็จสิ้น) หากพิจารณาการที่บริษัทมีโครงการซื้อหุ้นคืนครั้งที่ 2 ซึ่งเพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อปลายปี 49 เพื่อการบริหารสภาพคล่อง ในขณะที่ไม่มีการลงทุนในโครงการใหม่ที่จะต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก เราคาดว่า SCCC จะเลือกดำเนินการตัดหุ้นที่ซื้อคืน ด้วยการลดทุนที่เรียกชำระแล้วลงจาก 250 ล้านหุ้นในปัจจุบันเป็น 237.5 ล้านหุ้น (สมมติฐานในประมาณการปัจจุบัน)

คงคำแนะนำ "ขาย" ราคาหุ้นเต็มมูลค่า
ณ ราคาหุ้นปัจจุบัน SCCC ซื้อขายที่ PER ปี 50-51 สูงถึง 17 เท่า และสูงกว่ามูลค่าพื้นฐานที่เราประเมินไว้ที่ 250 บาท (DCF, WACC 11.7%) จึงเห็นว่าราคาหุ้นเต็มมูลค่าแล้ว


 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#14 วันที่: 19/04/2007 @ 14:33:27 :
[b:60f27b02d4">TISCO: สินเชื่อเช่าซื้อยังขยายตัวดี... สวนกระแสยอดขายรถยนต์ - ซื้อ[/b:60f27b02d4">

คงคำแนะนำ ซื้อ"
TISCO สามารถขยายสินเชื่อ HP ได้ต่อเนื่องสวนกระแสยอดขายรถที่ตกต่ำ แสดงถึงศักยภาพในการดำเนินธุรกิจที่ยังดีอยู่ ขณะที่ Spread ของธนาคารเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น เรายังคงประเมินราคาตามมูลค่าพื้นฐานไว้ที่ระดับ 25 บาท (PER 50 ที่ระดับ 11 เท่า)
ไตรมาส 1/50 สินเชื่อรวมขยายตัว 4.7% จากไตรมาสก่อน
ซึ่งก็เป็นไปตามเป้าที่ธนาคารตั้งไว้ ซึ่งเราคาดว่าสินเชื่อหลัก (HP Loan) ยังคงขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง และจากสินเชื่อไตรมาส 1/50 ที่ยังขยายตัวได้ดี ทำให้เรายังคงประมาณการการขยายสินเชื่อโดยรวมทั้งปีของ TISCO ไว้ที่ระดับ 20%

รายได้จากธุรกิจ HP ผลักดันผลกำไรไตรมาส 1/50
TISCO ประกาศผลกำไรไตรมาส 1/50 เพิ่ม 12% จากไตรมาสก่อน และดีกว่าที่เราคาดไว้ 7% โดยสาเหตุหลักมาจากรายได้จากธุรกิจ HP กลับมาขยายตัวโดดเด่นอีกครั้ง นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญก็เป็นอีกปัจจัยที่ผลักดันให้ผลกำไรดีขึ้น ถึงแม้ในไตรมาส 1/50 นี้รายได้จาก Brokerage จะลดลงตามภาวะตลาด และภาระสำรองจะปรับเพิ่มขึ้นก็ตาม
Spread ปรับเพิ่มครั้งแรกในรอบ 4 ไตรมาส

เราประเมินว่าส่วนหนึ่งเป็นไปตาม Seasonal เนื่องจากมีรายได้จากเงินปันผลเข้ามาสนับสนุน อย่างไรก็ตามเราคาดว่าในปี 50 นี้ Spread ของบริษัทยังมีแนวโน้มลดลงอีก 42bps มาอยู่ที่ระดับ 3.15% ซึ่งถือว่าดีขึ้นหากเทียบกับปี 49 ที่ปรับลดลงถึง 75bps


 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com