May 17, 2024   3:23:26 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > หุ้นเด่น.....เล่นสั้น และภาวะหุ้นวันนี้
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 18/04/2007 @ 09:45:41
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET
หลังจากที่ดัชนีปรับลงไปปิด gap ช่วง 686-689 จุด แล้วนั้น ก็อาศัยช่วงดังกล่าวดีดขึ้นตามเส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน ขณะนี้ได้ยืนเหนือ เส้นเฉลี่ย 200 วันได้อีกครั้งหนึ่ง คาดว่าจะสามารถทดสอบ Tweezers Top ช่วง 698-702 จุด ในไม่ช้า

มุมมองระยะกลาง - BLAND
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
BLAND ได้เข้าสู่การพักฐานระยะกลางหลังจากเปลี่ยนแนวโน้มระยะยาวที่ระดับราคา 0.30 บาท ทั้งนี้สังเกตเห็นว่าราคาเคลื่อนตัวเพียงในกรอบ 0.60-0.80 บาท ตามแนวเส้นค่าเฉลี่ย 10, 25, 75 และเส้น 200 สัปดาห์ ส่งผลให้เกิดฐานที่มีนัยต่อการดีดตัวครั้งหน้า ขณะนี้พบสัญญาณการฟื้นตัวทั้งใน RSI และ Stochastic คาดว่า BLAND พร้อมจะดีดกลับอีกครั้งโดยมี เป้าหมายเกินกว่าจุดสูงเดิมที่ 1.10 บาท

หุ้นเด่น เล่นสั้น - PT
กลยุทธ์การลงทุน: ซื้อ
จากกราฟรายวัน ราคามี Continuation pattern กลับตัวขึ้นอย่างชัดเจน และยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน นอกจากนั้นยังมีสัญญาณซื้อจาก RSI & Stochastic ดังนั้นมีโอกาสที่หุ้นจะขึ้นไปทดสอบแนวต้านแรกบริเวณ Fibonacci 100 @ 4.28 บาท และแนวต้านถัดที่ Fibonacci 161.8 @ 5.15 บาท โดยให้แนวรับที่ 3.70-3.80 บาท สำหรับจุด Stop loss อยู่ที่ 3.60 บาท เมื่อหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 5 วัน

หุ้นเด่น เล่นสั้น - S2Y
กลยุทธ์การลงทุน: เก็งกำไร
พิจารณาจากกราฟรายวัน มีการสะสมกำลังมาระยะหนึ่ง และแท่งเทียนเป็น Reversal pattern ยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วัน นอกจากนั้น ยังมีสัญญาณซื้อจาก RSI & Stochastic ซึ่งคาดว่าการดีดกลับในครั้งนี้ มีแนวต้านสำคัญที่เส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน บริเวณ 3.04-3.14 บาท จึงแนะนำเก็งกำไร โดยให้แนวรับที่ 2.48-2.58 บาท สำหรับจุด Stop loss อยู่ที่ 2.40 บาท เมื่อหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 75 วัน



[/color:1bb5862294">

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 18/04/2007 @ 13:28:57 :
[b:a8bde650f5">ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดเช้าลบ 1.66 จุด ตลาดปรับฐาน รอรายชื่อปรับครม.-ตัวเลขศก.24 เม.ย.นี้ [/b:a8bde650f5">

SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 693.37 จุด ลดลง 1.66 จุด(-0.24%) มูลค่าการซื้อขาย 2,780.29 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับฐาน ช่วงสั้นจะทะลุ 700 จุด"ยาก" เหตุวอลุ่มเทรดแต่ละวันน้อยไม่เกินหมื่นล้าน ประกอบกับสถานการณ์การเมืองกดดัน นักลงทุนต่างจับตาดูรายชื่อปรับครม.ใหม่-ตัวเลขศก.ที่จะประกาศ 24 เม.ย.นี้ รวมถึงการประกาศงบฯ Q1/50 ของกลุ่มแบงก์ ส่วนช่วงบ่ายคาดตลาดฯปรับฐานต่อ แนะให้"ตั้งรับ"เท่านั้น พร้อมให้แนวรับ 687-690 จุด แนวต้าน 700 จุด

ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 693.37 จุด ลดลง 1.66 จุด(-0.24%) มูลค่าการซื้อขาย 2,780.29 ล้านบาท

การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งกรอบแคบ ทั้งบวก-ลบ โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 696.16 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 691.48 จุด

นายชัย จิระเสวีนุประพันธ์ หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้อ่อนตัวลงในลักษณะของการปรับฐาน การที่จะให้ดัชนีหุ้นไทยวิ่งผ่านระดับ 700 จุดในช่วงสั้น ๆ จึงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากวอลุ่มเทรดในแต่ละวันยังมีน้อยไม่เกินหมื่นล้านบาท

ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองยังกดดันตลาดฯอยู่ โดยขณะนี้นักลงทุนต่างจับตารอดูรายชื่อการปรับครม.ใหม่ และการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจระดับมหภาคที่ทางการจะประกาศใน 24 เม.ย.นี้ ซึ่งตลาดฯคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดตัวเลขการเติบโตของจีดีพี รวมทั้งใกล้ถึงเวลาที่กลุ่มแบงก์จะต้องประกาศงบฯใน Q1/50 อย่างไรก็ดี หุ้นในกลุ่มแบงก์ได้แนะลงทุนเพียง KBANK และ BBL เท่านั้น

สำหรับแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ คาดว่าตลาดฯยังคงปรับฐานอยู่ จึงแนะให้"ตั้งรับ"เท่านั้น โดยให้แนวรับ 687-690 จุด แนวต้าน 700 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 225.37 ล้านบาท ปิดที่ 216.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
BBL มูลค่าการซื้อขาย 127.78 ล้านบาท ปิดที่ 113.00 บาท ลดลง 1.00 บาท
SCC มูลค่าการซื้อขาย 111.17 ล้านบาท ปิดที่ 240.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
TOP มูลค่าการซื้อขาย 88.17 ล้านบาท ปิดที่ 62.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
PDI มูลค่าการซื้อขาย 81.25 ล้านบาท ปิดที่ 42.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท


 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#2 วันที่: 18/04/2007 @ 13:30:10 :
[b:5fabfb3546">ผู้ถือหุ้น ZMICO อนุมัติปันผลปี 49 เพิ่มเป็น 0.50 บ./หุ้นจาก 0.187 [/b:5fabfb3546">

นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ประธานกรรมการ บล.ซีมิโก้ (ZMICO) เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้ถือหุ้นกว่า 64% มีมติอนุมัติให้จ่ายปันผลสำหรับผลประกอบการปี 49 เพิ่มเป็น 0.50 บาท/หุ้น แม้ว่าก่อนหน้านี้คณะกรรมการบริษัทจะเสนอจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ0.187 บาท ซึ่งถือเป็นการจ่ายปันผลเกินกว่าร้อยละ 100 ของกำไรสุทธิ โดยบริษัทจะนำส่วนของผู้ถือหุ้นมาจ่ายปันผลดังกล่าว

[b:5fabfb3546">GENCO พุ่ง 4.69% โบรกฯคาด"เก็งกำไร"ตามเทคนิคเคิลรีบาวน์ [/b:5fabfb3546">

หุ้น GENCO ราคาพุ่งขึ้น 4.69% มาอยู่ที่ 0.67 บาท เพิ่มขึ้น 0.03 บาท มูลค่าซื้อขาย 1.51 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.22 น. โดยเปิดตลาดที่ 0.65 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 0.69 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 0.65 บาท

นายกมลชัย พลอินทวงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนิตี้ กล่าวว่า ราคาหุ้น GENCO ปรับตัวสูงขึ้น ด้วยวอลุ่มเทรดที่เข้ามาอย่างหนาแน่น คาดว่าจะเป็นแค่การเข้ามาเล่นเก็งกำไรตามสัญญาณทางเทคนิคที่แสดงทิศทางการรีบาวน์ในช่วงสั้น โดยให้แนวรับที่ 0.64-0.65 บาท แนวต้าน 0.69-0.70 บาท
อย่างไรก็ดี หุ้น GENCO แนะให้แค่เล่น"เก็งกำไร"เท่านั้น เนื่องจากภาพระยะกลางยังไม่ดีนัก อีกทั้งราคาหุ้น GENCO ในช่วงที่ผ่านมาจะมีการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างจะรวดเร็ว ดังนั้นนักลงทุนที่จะเข้ามาเล่นเก็งกำไรควรจะระมัดระวังเป็นอย่างดีด้วย


[/color:5fabfb3546">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#3 วันที่: 18/04/2007 @ 13:31:36 :
[b:f4f40313b1">PDI บวก 3.05% โบรกฯชี้เก็งกำไรตามราคาสังกะสีขึ้น/เชิงพื้นฐานเต็มมูลค่า [/b:f4f40313b1">

หุ้น PDI ปรับขึ้น 3.05% อยู่ที่ 42.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท เมื่อเวลา 10.28 น.โดยเปิดตลาดที่ 41.25 บาท ราคาปรับขึ้นสูงสุดที่ 42.50 บาท และราคาปรับลงต่ำสุดที่ 41.25 บาท

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายหลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้น PDI ปรับขึ้นแรงเช้านี้ เป็นการเก็งกำไรตามราคาสังกะสีที่วันนี้ปรับขึ้น 200 กว่าเหรียญสหรัฐ
แต่ถ้าในเชิงปัจจัยพื้นฐานให้ราคาเหมาะสมที่ 34.50 บาท แนะ"ขายทำกำไร" ปีนี้คาดว่ากำไรสุทธิน่าจะปรับลงกว่าปีที่แล้วเพราะปีที่แล้วเป็นขาขึ้นอย่างเดียว แต่ปีนี้เริ่ม sideway ซึ่งต้นทุนเฉลี่ยอยู่ในระดับนี้แล้ว ราคาขายก็จะอยู่ใกล้เคียงกัน เพราะฉะนั้นมาร์จินคงไม่สูงมาก

"ถ้าเก็งกำไรตามราคาสังกะสีก็ได้ แต่ถ้าตามปัจจัยพื้นฐานให้ราคาเหมาะสมที่ 34.50 บาท เต็มมูลค่าแล้ว" นายกิติชาญ กล่าว
วันนี้ ราคาโลหะสังกะสีในตลาดลอนดอนอยู่ที่ 3,705 เหรียญสหรัฐ/ตัน ปรับขึ้น 225 เหรียญสหรัฐ



 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#4 วันที่: 18/04/2007 @ 13:36:53 :
[b:3014caddbe">KTB : นำร่อง...ลดดอกกู้ครั้งเดียว 50 bps - เก็งกำไร[/b:3014caddbe">

ธนาคารประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำทุกประเภทลง 0.50% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.25-0.50% มีผลวันศุกร์ที่ 20 เม.ย. 50 นี้

ความเห็นนักวิเคราะห์

ส่งผลให้ MLR ต่ำสุดในระบบ
การประกาศปรับลดดอกเบี้ยทั้งเงินกู้และเงินฝากครั้งนี้ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำของธนาคารปรับลดลงจาก 3.25-3.5% มาอยู่ที่ระดับ 2.75-3% รวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR ปรับลดจาก 7.50% มาอยู่ที่ระดับ 7% ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในปัจจุบัน (MLR ของธนาคารขนาดใหญ่เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 7.50%) การปรับลดดอกเบี้ย MLR ครั้งเดียว 50bps ถือเป็นการปรับลดลงสูงกว่าที่เราคาดไว้ ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปี 50 ที่ผ่านมาถึงปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MLR ของธนาคารปรับลงมาแล้ว 75bps ซึ่งจะส่งผลกระทบกับ NIM ของธนาคารให้ปรับลดลงเร็วกว่าที่คาด

คาดธนาคารอื่นๆ จะทยอยปรับลดตามมาเร็วๆ นี้
การปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ของ KTB ครั้งนี้ เราเชื่อว่าธนาคารอื่นๆ จะต้องทยอยประกาศปรับลดตามมาในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม เรายังไม่แน่ใจว่าจะประกาศลดครั้งเดียว 50bps เช่นเดียวกับ KTB หรือไม่ อย่างไรก็ตาม เรายังคงสมมติฐานการปรับลดดอกเบี้ย MLR เฉลี่ยในปี 50 ของธนาคารทั้งระบบไว้ที่ระดับ 100bps เช่นเดิม

คงคำแนะนำ "เก็งกำไร"
ถึงแม้การปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ครั้งนี้จะสูงกว่าที่เราคาดไว้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อด้านลบต่อกำไรของธนาคาร อย่างไรก็ตาม เรายังมองโลกในแง่ดีว่าสินเชื่อโดยรวมอาจขยายตัวได้ดีกว่าเป้าที่ตั้งไว้ โดยเรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 50 ไว้ที่ระดับเดิม และคงราคาตามมูลค่าพื้นฐานไว้ที่ระดับ 13.30 บาท (PBV ปี 50 ที่ระดับ 1.5 เท่า) ซึ่งหากพิจารณาเทียบกับราคาปัจจุบัน เรายังคงคำแนะนำ "เก็งกำไร"


 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#5 วันที่: 18/04/2007 @ 13:39:22 :
[b:6754e77c30">BSEC : ส่วนแบ่งการตลาดลดต่อเนื่อง - ขาย[/b:6754e77c30">
ความเห็นนักวิเคราะห์

วอลุ่มลด 24% ส่วนแบ่งการตลาดลด 0.52% QoQ
ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/50 ปรับลดลงตามคาด โดยมีสาเหตุหลักมาจากปริมาณการซื้อขาย และส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทปรับลดลงจากไตรมาสก่อน 24% และ 0.52% ตามลำดับ นอกจากนี้ สัดส่วนค่าใช้จ่ายพนักงานต่อรายได้ Brokerage ของบริษัทก็ปรับเพิ่มขึ้นจาก 49% ในไตรมาสก่อนมาอยู่ที่ระดับ 63% ในไตรมาสนี้

อัตราค่าคอมมิชชั่นเฉลี่ยลดลงเหลือ 0.2335%
จากอัตราค่าคอมมิชชั่นการซื้อขายผ่านอินเทอร์เนตที่ลดลงเหลือ 0.15% ในปีนี้ ส่งผลให้ ณ สิ้นเดือนก.พ. 50 สัดส่วนการซื้อขายผ่านอินเทอร์เนต : มาร์เก็ตติ้ง ของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 37:66 จาก 16:84 ณ สิ้นปี 49 ส่งผลให้อัตราค่าคอมมิชชั่นเฉลี่ยของบริษัทปรับลดลงจาก 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 0.2335% และหากสัดส่วนลูกค้าอินเทอร์เนตของบริษัทยังคงปรับเพิ่มขึ้นอีก จะส่งผลให้รายได้ Brokerage ของบริษัทลดลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ปัจจัยลบ...มากกว่าบวก... คงคำแนะนำ "ขาย"
เราคงสมมติฐานปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยปี 50 ไว้ที่ระดับ 1.4 หมื่นล้านบาท และส่วนแบ่งการตลาดเฉลี่ยของ BSEC ในปี 50 ที่ระดับ 2.87% เราประเมินราคาตามมูลค่าพื้นฐานของบริษัทได้ที่ระดับ 2.20 บาท (PER 50 ที่ระดับ 15 เท่า) ซึ่งหากพิจารณาเทียบกับราคาปัจจุบันเราคงคำแนะนำ "ขาย"


 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#6 วันที่: 18/04/2007 @ 14:39:39 :
[b:c01b995df9">STEC : รฟท. มีแนวโน้มขยายเวลาก่อสร้างแอร์พอร์ตลิงค์ - ซื้อ[/b:c01b995df9">

แหล่งข่าวของการรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า STEC ได้ทำหนังสือมายัง รฟท. เพื่อขอขยายระยะเวลาการส่งมอบโครงการก่อสร้างแอร์พอร์ตลิงค์ ออกไปอีก 652 วัน หลังจากครบกำหนดในเดือน พ.ย. 50 นี้ เนื่องจาก รฟท. ส่งมอบพื้นที่ล่าช้า โดยเพิ่งส่งมอบพื้นที่ช่วงสุดท้ายบริเวณชุมชนเดชาในวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมา และบริษัทที่ปรึกษาควบคุมงานได้คำนวณระยะเวลาก่อสร้างที่จะขยายให้เบื้องต้นไม่เกิน 398 วัน และประธานคณะกรรมการ รฟท. กล่าวว่าจะพิจารณาเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน หากจะมีการขยายระยะเวลาก่อสร้างออกไปควรไม่เกิน พ.ย. 51 เพื่อให้เปิดเดินรถได้ทันวันที่ 5 ธ.ค. 51

ความเห็นนักวิเคราะห์

หากได้รับการขยายระยะเวลา ตามข่าวจะช่วยลดความเสี่ยงเรื่องค่าปรับและภาระดอกเบี้ยโครงการที่เพิ่มขึ้น
หาก STEC ได้รับการขยายระยะเวลาส่งมอบไปถึง พ.ย. 51 ก็จะสอดคล้องกับแผนการก่อสร้างและการสำรองค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ของบริษัท ซึ่งจะลดกังวลเกี่ยวกับค่าปรับจากการส่งมอบงานล่าช้า และหาก STEC ได้รับการขยายระยะเวลาโดยไม่มีค่าปรับ หมายความว่าภาระดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากการขยายระยะเวลาดังกล่าว (ประมาณปีละ 1 พันล้านบาท) จะเป็นภาระของ รฟท. เพราะ STEC แจ้งว่าตามสัญญาระบุว่าภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจะอยู่ในความรับผิดชอบของผู้ที่ทำให้เกิดความล่าช้า

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#7 วันที่: 18/04/2007 @ 14:42:05 :
[b:b29fd456ba">กลุ่มสื่อและสิ่งพิมพ์: งบโฆษณาในเดือน มี.ค. 50 โต 4.9% จากปี 49 - เท่าตลาด[/b:b29fd456ba">

การใช้งบโฆษณาในเดือน มี.ค. 50 เพิ่มขึ้น 4.9% จากปีก่อน
Nielsen Media Research รายงานการใช้งบโฆษณามูลค่ารวม 8,133 ล้านบาทในเดือน มี.ค. 50 เพิ่มขึ้น 4.9% จากปีก่อน และ 16% จากเดือน ก.พ. 50 อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าการเติบโตที่แท้จริงจะเพียงประมาณ 2% จากปี 49 เนื่องจากประมาณ 50% ของสื่อโฆษณาในโรงภาพยนตร์ ที่เติบโตอย่างโดดเด่น เกิดจากการเปลี่ยนฐานการรวบรวมข้อมูล

มีเพียงสื่อโทรทัศน์ และโรงภาพยนตร์ ที่มีตัวเลขการใช้งบโฆษณาเพิ่มขึ้น
แสดงถึงแนวโน้มที่สื่อโทรทัศน์ และโรงภาพยนตร์ จะได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจน้อยกว่าสื่ออื่นๆ ขณะที่การใช้งบโฆษณาผ่านสื่อหลักอื่นๆ เช่น วิทยุ หนังสือพิมพ์ และนิตยสาร ลดลง จากการใช้งบโฆษณาอย่างระมัดระวังมากขึ้นในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว

MAJOR.. ภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่ผลักดันกำไร
ภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวร และภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่อื่นๆ ที่มีจำนวนมากขึ้นจากปีก่อน คาดว่าจะทำให้ MAJOR มีกำไรปกติเติบโต 35% ในปี 50 เราแนะนำ "ซื้อ" MAJOR ด้วยมูลค่าพื้นฐาน 19.43 บาท ในปี 50 (sum-of-the-parts)


 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#8 วันที่: 18/04/2007 @ 16:28:07 :
[b:f86feee8dd">กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ (ที่อยู่อาศัย): KTB นำร่องลด MLR 0.5% ดีต่อความต้องการซื้อบ้านครึ่งหลังของปี - เท่าตลาด[/b:f86feee8dd">

KTB นำร่องประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR 0.5% เป็น 7% รวมตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.75%

ความเห็นนักวิเคราะห์

ดีต่อจิตวิทยาการลงทุนกลุ่มที่พักอาศัยแต่คาดความต้องการซื้อบ้านยังไม่ฟื้นตัวชัดเจนในระยะสั้น
นับเป็นการลดดอกเบี้ยเงินกู้ที่เร็วกว่าที่คาด รวมถึงการคาดหมายถึงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการลดภาษีในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของกระทรวงการคลัง จะเป็นผลดีต่อจิตวิทยาการลงทุนของกลุ่มที่พักอาศัย อย่างไรก็ตาม เรามองว่าการลดดอกเบี้ยเงินกู้ดังกล่าว อาจมีผลต่อความต้องการซื้อที่พักอาศัยไม่มาก เพราะปัจจุบันความมั่นใจผู้บริโภคอยู่ในระดับต่ำมากจากปัญหาการเมืองและการชะลอตัวของเศรษฐกิจ กอปรกับราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นยังคงเป็นปัจจัยที่มีน้ำหนักมากกว่าอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง แต่การลดอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นจะเป็นประโยชน์ให้การฟื้นตัวของความต้องการซื้อบ้านในครึ่งปีหลังมีโอกาสมากยิ่งขึ้น

คาดไตรมาส 1/50 กำไรทรงตัวตามความต้องการที่พักอาศัยที่ยังชะลอตัว
คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 1/50 ของกลุ่มที่พักอาศัยจะทรงตัวใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อนตามยอดขายที่ค่อนข้างทรงตัว โดยบริษัทที่คาดว่าจะมีผลประกอบการไตรมาส 1/50 โดดเด่น คือ LPN และ QH

ราคาหุ้นขึ้นตอบรับการฟื้นตัวไปบ้างแล้ว เลือกลงทุน Top Pick เป็น LPN, SPALI
คาดว่ากำไรปี 50 ของกลุ่มพัฒนาที่พักอาศัยจะฟื้นตัวเป็นเติบโต 17% หลังจาก ลดลง 19% ในปี 49 อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นหลายตัวได้ปรับตัวขึ้นตอบรับการฟื้นตัวไปบ้างแล้ว ดังนั้น เราจึงคงน้ำหนักการลงทุนกลุ่มที่พักอาศัยเท่าตลาด หุ้น Top pick ขณะนี้เป็น LPN (ราคาตามปัจจัยพื้นฐาน 6.4 บาท) และ SPALI (ราคาตามปัจจัยพื้นฐาน 3.9 บาท) เนื่องจาก Backlog จำนวนมากและให้ผลตอบแทนเงินปันผลระดับสูง และรองลงมาเป็นกลุ่มบริษัทที่มีฐานะการเงินมั่นคง ได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยเช่นกัน แต่ยังซื้อขายในระดับ P/E และ P/BV ที่ต่ำสุดในกลุ่ม และมี Upside มากสุด คือ NOBLE (ราคาตามปัจจัยพื้นฐาน 5.9 บาท) MK (ราคาตามปัจจัยพื้นฐาน 2.8 บาท)


 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#9 วันที่: 18/04/2007 @ 16:29:31 :
[b:7fe551f54c">PTT : ชนะประมูลซื้อปั๊มเจ็ท มีนัยต่อกำไรไม่มาก - ซื้อ[/b:7fe551f54c">

แหล่งข่าวจากผู้เข้าร่วมประมูลซื้อสถานีบริการน้ำมัน "เจ็ท" เปิดเผยว่า เบื้องต้น PTT ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะประมูลซื้อสถานีบริการน้ำมันเจ็ท (จำนวน 147 แห่ง) ซึ่งบริหารโดยบจ.คอนอโค (ประเทศไทย) ด้วยมูลค่ากว่า 7 พันล้านบาท ทั้งนี้ PTT กำหนดจะชี้แจงรายละเอียดการเข้าประมูลซื้อสถานีบริการน้ำมันเจ็ทอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ (19 เม.ย.)

ความเห็นนักวิเคราะห์

ผลบวกจากการซื้อปั๊ม "เจ็ท"คือการมีช่องทางการจัดจำหน่ายค้าปลีกน้ำมันสำเร็จรูปมากขึ้น
แม้ว่า PTT จะได้รับผลบวกจากการซื้อสถานีบริการน้ำมันของเจ็ทจากการที่มีช่องทางการจัดจำหน่ายค้าปลีกน้ำมันสำเร็จรูปได้มากขึ้น จากส่วนแบ่งตลาดของเจ็ทที่มีอยู่ 2.6% ในปีที่ผ่านมา (เทียบกับของ PTT ที่มีอยู่ 34%) และจะส่งผลให้ยอดขายรวมของ PTT จะเพิ่มขึ้นประมาณ 2% แต่ในแง่ของผลกระทบต่อกำไรถือว่าไม่มากนัก โดย EBITDA (กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจ่าย) ของธุรกิจน้ำมันมีสัดส่วน 6-7% และส่วนใหญ่มาจากธุรกิจ Trading

การได้ปั๊ม "เจ็ท" ไม่ส่งผลบวกต่อกำไรสุทธิของ PTT มากนัก
เรามีความเห็นว่ามูลค่าที่ PTT ซื้อสถานีบริการน้ำมันของเจ็ทต่อปั๊มที่สูงเกือบ 50 ล้านบาท ถือเป็นราคาที่ค่อนข้างสูง ซึ่งเรายังไม่มีรายละเอียดว่าประกอบด้วยทรัพย์สินใดบ้าง นอกจากสถานีบริการ แต่หากไม่รวมที่ดินด้วยแล้วถือว่าเป็นราคาที่สูงมาก และธุรกิจค้าปลีกน้ำมันสำเร็จรูปที่ผ่านมามีอัตรากำไรค่อนข้างต่ำจากค่าการตลาดที่แคบ ทำให้เราประเมินว่ากำไรส่วนเพิ่มจากการที่ PTT ได้ปั๊มเจ็ทเข้ามา จึงยังไม่มีนัยต่อกำไรสุทธิรวมของบริษัทฯ

คงคำแนะนำ "ซื้อ"
เรามองว่าข่าวนี้ไม่น่าจะมีผลต่อราคาหุ้น PTT เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" จากราคาหุ้นที่ต่ำกว่ามูลค่าเหมาะสมปี 50 ที่ 240 บาท (8X Norm. PER)


[/color:7fe551f54c">
 กลับขึ้นบน
brown
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 60
#10 วันที่: 18/04/2007 @ 21:04:48 :
โชคดีมากเลยนะครับที่สงกรานต์นี้ไม่มีเหตุการณ์อะไรร้ายแรง

ถ้าช่วงนี้ทุกอย่างสงบทั้งการเมืองการก่อการร้าย SET มีโอกาสสูงที่จะปรับฐานช่วงสั้นๆก่อนที่จะทะลุ 700 จุด[/color:7753409295">
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com