ข่าวร้ายยังถาโถมเข้าตลาดหุ้นไทยไม่หยุด ล่าสุดลือสะพัดทั้งการปฏิวัติซ้อน 30 มี.ค.นี้ อันอาจจะเกิดการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินตามมา และสถาบันจัดอันดับเครดิตต่างประเทศเตรียมปรับมุมมองไทยใหม่ รวมทั้งกระแสการก่อสงครามระหว่างสหรัฐกับอิหร่าน ที่ทำให้ราคาน้ำมันมีแนวโน้มพุ่งต่อ นักลงทุนท้อ หากไทยไม่ช่วยไทย แล้วใครจะช่วยเรา
* หุ้นไทยรูดต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นไทยยังไม่หมดข่าวร้าย ปิดตลาดวันที่ 28 มีนาคม 2550 ดัชนีอยู่ที่ระดับ 669.04 จุด ลดลง 9.53 จุด หรือ 1.40% พร้อมกับมูลค่าการซื้อขาย 12,603.94 ล้านบาท โดยแรงเทขายได้เข้ามาค่อนข้างมากในช่วงบ่าย หลังจากสำนักข่าวเอพีรายงานว่า พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช.เรียกร้องให้รัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงเทพมหานครเพื่อสกัดการชุมนุมของกลุ่มผู้สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร
โดยรายงานข่าวระบุว่า พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติกล่าววันนี้ว่า พลเอกสนธิได้ร้องขอให้นายกรัฐมนตรีสุรยุทธ์ จุลานนท์ประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงเทพฯ เพื่อยุติการชุมนุมที่จะมีขึ้นในวันศุกร์นี้
* ลือสะพัดปฏิวัติซ้อน
การรายงานข่าวดังกล่าว ก่อให้เกิดกระแสข่าวลือเกิดขึ้นสะพัดในห้องค้าหลักทรัพย์ ในประเด็นที่ว่า การปฏิวัติซ้อนจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ เพื่อยุติปัญหาต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้น และเพื่อสร้างฐานอำนาจใหม่ หลังจากฐานอำนาจปัจจุบันไม่ได้สร้างความพึงพอใจให้กับประชาชนในประเทศเท่าใดนัก และยิ่งนานวันเท่าไหร่กลับยิ่งทำให้ประชาชนรู้สึกว่าไม่มีอะไรดีขึ้น โดยการเข้ามาของฐานอำนาจในปัจจุบันนี้ ไม่ได้ทำให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นแต่อย่างใด ขณะที่เศรษฐกิจไทยก็ไม่สะท้อนไปในทางที่ดีอย่างเด่นชัด
โดยหลังการยึดอำนาจของ คมช. ในปลายปี 2549 ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ได้เกิดความแตกแยกทางความคิดของทั้งประชาชนเอง และยังร่ำลือถึงการแตกแยกทางความคิดของ คมช. ด้วยกันเองมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งถึงปัจจุบัน
* หวั่นนายกฯ ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
การบริหารงานของรัฐบาลชุดใหม่ นอกจากจะยังไม่สร้างความประทับใจให้กับประชาชนทุกฝ่ายแล้ว ยังเกิดกระแสต่อต้านรัฐบาลชุดนี้ และล่าสุดจะมีการชุมนุมประท้วง คมช. ในวันศุกร์ที่ 30 มีนาคมนี้ พร้อมๆ กับกระแสการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อจัดการม็อบ
ขณะที่ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หรือ คมช.เปิดเผย ว่า ในวันดังกล่าว คมช. จะมีการใช้มาตรการทางกฎหมายเข้าไปควบคุมดูแลให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวาย และจะได้จัดกำลังทหารในการเข้าไปช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำจุดต่าง ๆ เพิ่มเติม ส่วนจะมีการประกาศใช้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่กรุงเทพมหานครหรือไม่นั้น ให้เป็นอำนาจหน้าที่การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล
* วอนประชาชนคำนึงถึงความมั่นคงชาติเป็นที่ตั้ง
พร้อมกันนี้ ประธานคมช. ยังได้ขอให้ประชาชนที่จะเข้าร่วมการชุมนุมในวันที่ 30 มีนาคม คำนึงถึงความมั่นคงของชาติเป็นที่ตั้ง เพราะความมั่นคงของชาติ ถือเป็นการแสดงถึงความเชื่อมั่นในการลงทุน และเศรษฐกิจ การค้า รวมถึงการท่องเที่ยวภายในประเทศ และการออกมาชุมนุมนั้น จะต้องเป็นไปด้วยความสงบ
* ม็อบเกษตรกรขู่ตั้งศูนย์อพยพคนไทยไร้แผ่นดินเดินเท้าเข้าลาว
นอกจากจะต้องเผชิญกับม็อบต้าน คมช. แล้ว รัฐบาลยังต้องเจอกับม็อบเกษตรกร หรือ กลุ่มสภาเครือข่ายประชาชนภาคอีสานจำนวนประมาณ 300 คน ที่ชุมนุมอยู่หน้าบริเวณทำเนียบรัฐบาลเป็นเวลากว่าครึ่งเดือน เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาหนี้สิน ได้เริ่มทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนา แต่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง
โดยกลุ่มผู้ชุมนุมประกาศว่า ได้มีการจัดตั้งศูนย์อพยพคนไทยไร้แผ่นดิน โดยรวบรวมผู้ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาหนี้สินเกษตรกรและที่ดินทำกิน โดยทั้งหมดได้เดินทางไปยังรัฐสภาเพื่อสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นให้กับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้รับรู้ก่อนที่จะประกาศเดินเท้าจากกรุงเทพฯไปยังด่านชายแดนไทย-ลาวที่ จ.หนองคาย เพื่อคืนบัตรประจำตัวประชาชนให้กับเจ้าหน้าที่ที่ด่าน
จากนั้นจะเดินไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เพื่อขอให้ทางการลาวช่วยเหลือในการให้ที่ดินทำกินทั้งที่ดินเพื่อปลูกที่อยู่อาศัยและประกอบอาชีพ ซึ่งสาเหตุที่กลุ่มผู้ชุมนุมระบุว่ารู้สึกท้อแท้ เนื่องจากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลไทยเลย แม้จะมีการปักหลักชุมนุมกันอย่างต่อเนื่องก็ตาม