หุ้นแบงก์มาแรง หลังเจพีฯ จุดพลุ แนะซื้อเก็บใส่พอร์ต ทำราคาหุ้นพุ่งต่อเนื่อง ผสมโรงเก็งกำไรการประชุม กนง. 11 เม.ย.อาจลดดอกเบี้ย 0.5% ส่งผลให้ต้นทุนแบงก์ลดลง แถมท้ายงบโค้งแรกของปีมีสิทธิสดใส หลังสเปดดอกเบี้ยดีขึ้น ด้านผู้บริหารแบงก์ใหญ่ BBL-KBANK เชื่อกนง.ลดดอกเบี้ยชัวร์ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เซียนหุ้นแนะเก็บ BBL-SCB-KBANK เข้าพอร์ตนอนกอดให้สบายใจ
กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง หลังจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นทีของหุ้นเก็งกำไรในตลาดเอ็มเอไอ แต่สัปดาห์นี้เป็นคราวของหุ้นกลุ่มแบงก์ที่มีแรงเก็งกำไรเข้ามาอย่างหนาแน่น และมีผลดันให้ดัชนีในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมามีประเด็นว่า เจพี มอร์แกน ได้แนะนำให้ซื้อลงทุนหุ้นกลุ่มแบงก์ เพราะมองว่าแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงน่าจะส่งผลดีต่อต้นทุนของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ แต่ดูเหมือนว่ามนต์ของเจพีฯ ยังไม่เสื่อน เพราะวานนี้หุ้นกลุ่มดังกล่าวยังแรงไม่เลิก
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการเข้ามาเก็งกำไรรับการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 11 เม.ย.นี้ โดยตลาดต่างคาดการณ์ว่า กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.5% ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของบรรดาธนาคารพาณิชย์ปรับตัวลดลง รวมทั้ง การเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 1 ของปี 2550 ซึ่งคาดว่าจะออกมาดี เพราะส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยดีขึ้น
นักวิเคราะห์รายหนึ่ง กล่าวว่า สาเหตุที่ช่วงนี้หุ้นกลุ่มแบงก์มีแรงเก็งกำไรเข้ามาหนาแน่น เนื่องจากนักลงทุนเปลี่ยนตัวเล่น เพราะที่ผ่านมาราคาหุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวลดลงค่อนข้างแรง ซึ่งถือว่าราคาหุ้นตอนนี้ถือว่าถูกเมื่อเปรียบเทียบกับราคาเป้าหมายที่โบรกเกอร์หลายๆแห่งให้ไว้ อีกทั้ง ช่วงนี้ยังมีข่าวดีสำหรับหุ้นแบงก์เรื่องการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 11 เม.ย.นี้ โดยหลายฝ่ายคาดการณ์ว่า กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 0.5% ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนของแบงก์ลดลง ยิ่งในช่วงที่ผ่านมามีข่าวดีเข้ามาหนุน จากการที่เจพี มอร์แกน แนะนำให้ซื้อลงทุนหุ้นกลุ่มแบงก์ จึงทำให้มีแรงซื้อเขามาหนาแน่น
"คาดว่าแรงซื้อที่เกิดขึ้นจะมาจากนักลงทุนต่างประเทศ เพราะเมื่อนักลงทุนต่างประเทศกลับเข้ามาลงทุนจะเลือกซื้อหุ้นแบงก์เป็นอันดับแรก เนื่องจากเป็นหุ้นที่สอดคล้องกับเศรษบกิจของประเทศ"แหล่งข่าวกล่าว
*** BBL-KBANK ประสานเสียง กนง.ลดดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุม 11 เม.ย.นี้
ดร.บันลือศักดิ์ ปุสสะรังษี ผู้อำนวยการศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจมหภาค ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) หรือ BBL กล่าวกับ eFinanceThai.com ว่า ธนาคารฯจะมีการทบทวนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ช่วงกลางปี โดยมองว่าการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้น่าจะลดลงเหลือ 3-4 % จากเดิมที่ธนาคารคาดว่าจะมีการเติบโตในอัตรา 4-5% เนื่องจากตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยชะลอตัวลงมากจาก เหตุการณ์ระเบิด การใช้มาตรการสำรองเงินสด 30% ของธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้กระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
ดร.บันลือศักดิ์กล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของทางการ จะทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคดีขึ้น โดยในสิ้นปีนี้คาดว่าธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) น่าจะลดอัตราดอกเบี้ยเหลือ 3-3.5% จากปัจจุบันที่อยู่ที่ 4.50% หรือปรับลดลงอีก 1.0-1.5% ทั้งนี้ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเเงินวันที่ 11 เม.ย. น่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50%
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายสินเชื่อผู้บริโภค ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) KBANK กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) ในวันที่ 11 เม.ย. นี้ว่า น่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจและ ทำให้เงินบาทไม่ปรับแข็งค่าขึ้นมากกว่าปัจจุบัน เนื่องจากปัจจุบันแนวทางในการดูแลเศรษฐกิจต้องใช้นโยบายการเงินเข้าดำเนินการ
?ในการประชุมวันที่ 11 เม.ย มีโอกาส 60-70% ที่กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% หลังจากที่ผ่านมาลดเพียง 0.25% ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจมากกว่าเป็นผลเสีย โดยเฉพาะค่าเงินบาทที่ยังคงปรับแข็งค่าแม้ว่จะมีการใช้มาตรการสำรองเงินสด30% ดังนั้นการปรับลดดอกเบี้ยจะทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง? นายชาติชายกล่าว