May 19, 2024   11:29:17 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > +++++ 4หุ้นอสังหาน่าซื้อมากสุด ++++++
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 07/03/2007 @ 08:45:01
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

พบหุ้น AP-QH-LH และ PS น่าช้อนมากสุด หลังปรับราคาสินค้าต่ำลง เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการในปัจจุบัน แถมงบปี 50 จะโดดเด่นเหตุเดินหน้าผุดโครงการใหม่เพียบ ระบุเอเชี่ยนฯ อาจโกยกำไรปกติราว 908 ล้านบาท

หุ้นบริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ APบริษัทควอลิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ QH น่าซื้อลงทุน โดยราคาเป้าหมายของ AP อยู่ในระดับ 4.80 บาท และ QH อยู่ในระดับ 1.35 บาท เนื่องจากบริษัททั้ง 2 แห่ง ได้มีการปรับราคาสินค้าให้ต่ำลง เพื่อให้เหมาะสมกับตลาดระดับกลางถึงระดับล่าง ซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการซื้อสูงสุดในปัจจุบัน

นอกจากนี้ผลประกอบการในปี 50 จะมีอัตราเติบโตกว่าปีก่อน โดยคาดว่า AP จะมีกำไรปกติเพิ่มขึ้นประมาณ 11%เป็น 908 ล้านบาทคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.40 บาท และมีรายได้รวมประมาณ 7,360 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวมจำนวน 6,344 ล้านบาท เพราะมียอดขายรอรับรู้รายได้ประมาณ 6,780 ล้านบาท

โดยช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.50 AP มียอดขายแล้วประมาณ 2,690 ล้านบาทส่งผลให้บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ เพิ่มขึ้นเป็น 9,470 ล้านบาท คาดว่าประมาณ 4,300 ล้านบาท จะสามารถรับรู้รายได้ได้ในปี 50 ซึ่งคิดเป็น 58% ของประมาณการรายได้ทั้งปี 50อย่างไรก็ดีหากคิดในด้านของกำไรสุทธิของบริษัทจะปรับตัวลดลง 32%เพราะในปีก่อนมีรายได้พิเศษจากการขายหน่วยลงทุนประมาณ 560 ล้านบาท

ส่วน QH ในปี50 อาจมีรายได้รวมประมาณ 9,633 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีรายได้รวมจำนวน 9,493 ล้านบาท และอาจมีกำไรสุทธิประมาณ 869 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.12 บาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจำนวน 1,008 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.14 บาท โดยในปีก่อนบริษัทบันทึกกำไรจาการขาย Q.HOUSE LUMPINI ให้กองทุนอสังหาริมทรัพย์ QHPF จำนวน 685 ล้านบาท

ขณะเดียวกันหุ้นบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH และบริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด(มหาชน) หรือ PS ก็น่าซื้อลงทุนเช่นกัน โดยราคาเป้าหมายของ LH จะอยู่ในระดับ 6.40 บาท และ PS อยู่ในระดับ 6.70 บาท เพราะผลประกอบการในปี 50 มีแนวโน้มจะสูงขึ้นต่อเนื่อง จากฐานกำไรที่ค่อนข้างสูง และการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น

โดยคาดว่าในปี 50 LH จะมีกำไรสุทธิประมาณ 4,190 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.42 บาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจำนวน 3,250 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.39 บาท และอาจมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 15% โดยจะรับรู้รายได้จากโครงการคอนโดมิเนียม และทาวเฮ้าส์มากขึ้น

ส่วน PS ในปี 50 อาจมีกำไรสุทธิประมาณ 1,398 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.64 บาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิจำนว 1,303 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.60 บาท และอาจมีรายได้ประมาณ 8,239 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีรายได้จำนวน 8,181 ล้านบาท หลังเปิดขายโครงการใหม่มากขึ้น ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยอยู่ในระดับ 35% ขณะที่ต้นทุนทางการเงินลดลง จากการกู้ในตลาดเงินมากขึ้นแทนที่จะให้เงินกู้โครงการแต่เพียงแห่งเดียว

บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI ประเมินว่าในปี 49 AP มีผลประกอบการดีที่สุด จากกำไรสุทธิที่ขยายตัวถึง 76% หลังมีกำไรจากการขายหน่วยลงทุนในไตรมาส 3/49 จำนวน 560 ล้านบาท รองลงมาเป็น LPN ซึ่งมีกำไรสุทธิขยายตัวถึง 30%จากการรับรู้รายได้จากโครงการสุขุมวิท 77 โครงการปิ่นเกล้า และโครงการศูนย์วัฒนธรรม

ขณะที่ QH ก็มีกำไรขยายตัว 22%โดย QH ได้ขาย Q.HOUSE LUMPINI ให้กับกองทุนอสังหาริมทรัพย์ QHPF ในไตรมาส4/49ส่งผลให้บันทึกกำไรพิเศษจำนวน 685 ล้านบาทเบื้องต้นแนะนำซื้อหุ้น AP LH PS และ QHเนื่องจากผลประกอบการในปี 50 อาจขยายตัวสูงขึ้นจากปีก่อน หลังจากได้มีการปรับสินค้าให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้นขณะที่บริษัทดังกล่าวมีแผนเปิดขายโครงการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบางบริษัทได้มีการเปิดขายโครงการในทำเลใหม่ๆ

"ช่วง 1-2 ปีข้างหน้าตลาดคอนโดมิเนียมมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในระดับราคาไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาทดังนั้นผู้ประกอบการที่หันมาเน้นทำโครงการคอนโดมิเนียมหากไม่สามารถต่อยอดของความสำเร็จให้เท่าเดิมหรือมากขึ้นอาจไม่ประสบความสำเร็จในด้านของยอดขายเหมือนที่ผ่านมา"นักวิเคราะห์กล่าว



 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com