Puu สมาชิก
จังหวัด: กรุงเทพมหานคร โพสต์: 476 | วันที่: 07/03/2007 @ 08:35:23 คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่ ผลการโหวต พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ แม้จะพยายามพูดให้น้อยเข้าไว้ แต่ก็หนีไม่พ้นกรณี"ปากพาจน"เข้าจนได้ เมื่อคำพูดที่เคยเอ่ยออกมาว่าจะไม่ให้ปิดสถานีไอทีวีจนพนักงานเดือดร้อน กลายเป็นเรื่องโอละพ่อขึ้นมา
* มติครม. ที่ออกมาเมื่อวานนี้ ทำให้ภาพลักษณ์ของนายกรัฐมนตรีเสียหายอย่างร้ายแรงเพราะคนไทยนั้น เมื่อเห็นภาพพนักงานของไอทีวีร่ำไห้เพราะต้องตกงานโดยไม่ได้ทำอะไรผิด ก็ย่อมหวั่นไหวว่า บ้านเมืองทำไมถึงได้ทำกันอย่างนี้ได้ลงคอ
* ที่แน่นอน ITV ปิดฉากกิจการ 1000% ผู้ถือหุ้นล้มกลางอากาศ และพนักงานถูกลอยแพทั้งหมด ไม่นับพนักงานบริษัทจัดรายการอีกหลายพันคนต้องเดือดร้อน
* ส่วนเกมใหม่ ที่จะให้กรมประชาสัมพันธ์ไปตั้งบริษัทใหม่ ทำสถานีโทรทัศน์ใหม่ ก็ยังเลื่อนลอย เพราะต้องตอบให้ได้ว่า ทำไปทำไม นอกเหนือจากเรื่องหางานให้พนักงานไอทีวีทำ?
* ผลพวงของการไล่ล่าหาความผิดคนชื่อทักษิณ ชินวัตร ชนิดที่ไม่สนใจต้นทุนความเสียหาย(ที่ล่วงเข้าเดือนที่ 6 แล้ว) กำลังผลิดอกออกผลเป็นความสามานย์ที่ทำให้คนตั้งคำถามมากมายว่า รัฐประหารกันใหญ่โตแล้วมันไม่เห็นจะมีอะไรดีขึ้น* "เกียรติก้อง"รู้ดีว่า ที่ได้ประโยชน์เนื้อๆได้แก่หุ้น BEC, MCOT, WORK, MEDIAS ซึ่งจะทำให้รายได้ที่หนีจาก ITV ย้ายไปให้เก็บเกี่ยว อยู่ที่ว่าใครจะเกี่ยวได้มากหรือน้อยกว่ากัน
* อีกมุมหนึ่ง ม.ร.ว. ปรีดิยาธร เทวกุล ที่สละเก้าอี้ลาออกไปจากรัฐบาล ป่านนี้ก็คงรู้ซึ้งดีแล้วว่า ฐานะของ"แพะเดียวดาย" หรือ lonely goat นั้นเป็นอย่างไร ยามนี้ ไม่มีเสียงชื่นชมตามหลังมากนัก แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรียังเอ่ยปากหน้าตาเฉยว่า ก็คงหาคนมาแทนได้
* ล่าสุด ฉลองภพ สุสังกรกาญน์ แห่ง ทีดีอาร์ไอ. ข้ามฟากจากนักวิชาการมานั่งเป็นรมว.คลัง ซึ่งงานแรกที่คาดเดา หนีไม่พ้นยกเลิกมาตรการชิลี สำรอง 30% งานนี้ ธาริษาวัฒนเกส เก้าอี้ร้อนแน่นอน
* คิดดูก็แล้วกันว่าแรงกดดันมากแค่ไหน ขนาดโครงการรถไฟฟ้า ยังถูก เจบิก หน่วยงานรัฐญี่ปุ่น เรียกขูดดอกเบี้ยเงินกู้ทำโครงการเสียแพงระยับถึง 2% ไม่ถือว่าธรรมดาเลยสำหรับรัฐบาลจากการรัฐประหาร
* ล่าสุด ตลาดหลักทรัพย์ฯออกมาแถลงผลงาน บจ.ทั้งหมด 516 รายที่รายงานงบการเงินเข้ามาแล้ว ปรากฎว่า มีกำไรทั้งหมด 4.69 แสนล้านบาท ลดลงไปถึง 6.6 หมื่นล้านบาทหรือ 12 % ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีที่บจ.โดยรวมมีผลประกอบการกำไรเพิ่มในอัตราติดลบ* โชคดีที่ยอดขายของ บจ.ทั้งหลายยังคงเพิ่มขึ้นถึง 18% คิดเป็นยอดขายรวม 5.6 ล้านล้านบาท ไม่อย่างนั้น ตัวเลขผลกำไรน่าจะแย่กว่านี้หลายเท่า
* ที่แน่ๆก็คือในบจ.ทั้งหมด มีจำนวนบริษัทที่ขาดทุนจากการดำเนินงานมากถึง 88 ราย ถือว่าไม่น้อยเลยทีเดียวเพราะใกล้เคียงกับระดับ 20% ของบจ.ทั้งหมด
* บริษัทในกลุ่ม SET 50 ยังคงโดดเด่นเป็นเสาหลักต่อไป เพราะมีกำไรคิดเป็นสัดส่วน 76%ของกำไรรวมทั้งหมด โดยกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม ยังคงเป็นหลักโดดเด่นมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 63% ตามมาด้วยอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 33%
* ปตท. ยังคงโดดเด่นเหมือนเดิมสำหรับการทำกำไรสุทธิ มองจากมุมนี้ ก็หมายความว่าหาก ปตท. ต้องมีอันเป็นไปอย่างใดอย่างหนึ่ง ตลาดหลักทรัพย์ ก็คงเป็นข่าวร้ายแห่งปีได้ไม่ยากเย็นอะไรนัก ในขณะที่หุ้นไม้ประดับทั้งหลาย ยังคงแสดงอาการไม่แน่นอนต่อไป
* เมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นตกลงแรงตามคาดเกือบหลุดแนวรับ 670 จุด สัญญาณทางเทคนิคดูแล้วยังต้องซึมไปอีกหลายวันในลักษณะไซด์เวย์* ข่าวล่า...เรื่องของ IEC นอกจากจะขาดทุนป่นปี้แล้ว ล่าสุดกำลังจะมีเรื่องคดีความเกี่ยวกับบริษัทผลิตเอธานอลที่ไปซื้อมาในคดี"ไม่โปร่งใส"ตามเข้ามาอีก ผีซ้ำด้ำพลอย นักลงทุนที่ถือหุ้น พึงสดับรับฟังอย่าได้ประมาท?สอบถาม สุมิตร แช่มประสิทธิ์ให้ชัด [/color:3564391ffd">
|