ครม.รูดม่านสถานีโทรทัศน์ไอทีวี มีมติระงับการออกอากาศชั่วคราว ตั้งแต่เที่ยงคืนวันนี้ถึงวันศุกร์ หลังจากไม่สามารถจ่ายหนี้กว่าแสนล้านบาท คืนให้ สปน.ได้ภายใน 6 มี.ค.ตามกำหนด ระบุศุกร์นี้ชัดเจนรอกฤษฎีกาตีความให้กรมประชาสัมพันธ์บริหารผิดกฎหมายหรือไม่ หากสามารถทำได้ไอทีวีจะแพร่ภาพต่อได้ทันทีในวันที่ 9 มี.ค.50 โดยบริษัทฯ จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องบุคลากรเอง และให้พนักงานได้รับค่าชดเชยตามกฎหมาย ส่วนรัฐยันต้องฟ้องร้องต่อเพื่อรักษาผลประโยชน์กรณีไอทีวีผิดสัญญามีมูลค่ารวม 100,350 ล้านบาท ในขณะที่นายกฯ รับ อะไรที่เคยพูดไปแล้วขัดกับแง่กฏหมายก็ต้องขออภัย แต่ยังยืนยันให้ความสำคัญของการดำเนินงานของสื่อมวลชนเช่นเดิม ขณะศาลปกครองรับเรื่องรองเรียน หลังพนง.ไอทีวียื่นขอคุ้มครองฉุกเฉิน
คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม.ว่า ครม.มีมติระงับการออกอากาศชั่วคราวสถานีโทรทัศน์ไอทีวี โดยมีผลตั้งแต่เวลา 24.00 น.ของวันที่ 7 มี.ค.2550 ทั้งนี้เพื่อให้คณะกฤษฎีกาได้ตรวจสอบข้อกฎหมายตามสัญญาสัมปทานว่าสามารถให้กรมประชาสัมพันธ์เข้าดำเนินการบริหารคลื่นวิทยุโทรทัศน์ของสถานีไอทีวี ในฐานะหน่วยงานในกำกับของเจ้าของคลื่นคือ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้หรือไม่ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกามั่นใจจะได้ข้อสรุปโดยเร็วที่สุดในวันศุกร์ที่ 9 มี.ค.2550
คุณหญิงทิพาวดี กล่าวด้วยว่า หากกฤษฎีกาตีความว่ากรมประชาสัมพันธ์สามารถรับช่วงบริหารสถานีโทรทัศน์ไอทีวีได้ทันที ไอทีวีจะสามารถออกอากาศได้ทันทีในวันที่ 9 มี.ค.
ทั้งนี้ ครม.มีมติให้กรมประชาสัมพันธ์ดำเนินการบริหารคลื่นความถี่วิทยุโทรทัศน์ UHF ของสถานีไอทีวีต่อ หากมีการยึดคืนสัมปทาน บมจ.ไอทีวี (ITV) แล้ว ส่วนกรมประชาสัมพันธ์จะไปจ้างหน่วยงานอื่นในกำกับของรัฐต่อหรือไม่นั้นจะต้องเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาต่อไปตามข้อกฎหมายว่าสามารถยกเว้นได้หรือไม่
ในการบริหารสถานีวิทยุโทรทัศน์ สิ่งสำคัญมี 3 ประการ คือ คลื่นความถี่ อุปกรณ์ และบุคลากร โดยหลังจากที่ไอทีวีสามารถออกอากาศได้ตามปกติ รัฐบาลในฐานะผู้กำกับดูแลไอทีวี โดยกรมประชาสัมพันธ์จะต้องพิจารณาในรายละเอียดเรื่องการบริหารบุคลากร โดยคาดว่าจะพิจารณาพนักงานเก่าเข้ามาช่วยทำงาน เพราะจะทำให้ง่ายในการบริหารและดำเนินการต่อไป ซึ่งเบื้องต้นการดำเนินการทุกอย่างจะเป็นแบบชั่วคราว และพนักงานจะถูกว่าจ้างตามสัญญาจ้าง คุณหญิงทิพาวดี กล่าว
ด้านการดูแลบุคลากรของบมจ.ไอทีวี (ITV) ครม.มีมติให้ยึดตามข้อกฎหมาย คือบริษัทจะต้องรับผิดชอบดูแลพนักงานตามกฎของกระทรวงแรงงาน โดยมีกฎหมาย 2 ฉบับคือ 1. กฎหมายแรงงาน และ2. กฎหมายประกันสังคม
ไอทีวีจะต้องดำเนินการดูแลรับผิดชอบพนักงาน ให้เป็นไปตามข้อกำหนดกฎหมายของกระทรวงแรงงานที่ได้กำหนดไว้ โดยพนักงานจะต้องได้รับค่าชดเชยและการดูแลที่กำหนดไว้ตามกฎหมายทุกประการ คุณหญิงทิพาวดี กล่าว
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดให้เอกชนประมูลคลื่นความถี่ของบมจ.ไอทีวี ได้ เนื่องจากยังติดข้อกฎหมายมาตรา 80 ของพระราชบัญญัติ องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่วิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรคมนาคม พ.ศ.2543 ที่กำหนดไว้ว่า ไม่อนุญาตให้มีการเปลี่ยนมือใบอนุญาตบริหารคลื่นความถี่ หรือโอนไปให้นิติบุคคลอื่นใดถือแทนได้ มีเพียงหน่วยงานของรัฐเพียงหน่วยงานเดียวในฐานะเจ้าของคลื่นความถี่ คือสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ที่จะมอบหมายให้หน่วยงานในกำกับสามารถดูแลบริหารได้
สาเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบมจ.ไอทีวี (ITV) ทั้งหมด เนื่องจากไอทีวีไม่ได้ปฎิบัติตามสัญญาสัมปทานร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชนตั้งแต่ต้น ทำให้รัฐต้องรับภาระและต้องดำเนินตามกฎหมายเพื่อที่จะรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติไว้ในฐานะเจ้าหนี้
หลังจากนี้จะต้องมีการฟ้องร้องเพื่อเรียกค่าเสียหายที่ยังคงค้างตามสัญญา ทั้งสัมปทานและค่าปรับอีกจำนวน 100,350 ล้านบาท เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของรัฐในฐานะเจ้าหนี้ให้ได้ และคงจะเรียกค่าเสียหายกันนาน
นอกจากนี้ ไอทีวียังมีทรัพย์สินและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ยังค้างการส่งมอบและการรายงานต่อสปน.ตามเงื่อนไขสัญญาอีกจำนวน 551.2 ล้านบาท โดย ณ วันที่ 31 ม.ค.2550 ไอทีวีมีทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 4012 ล้านบาท ตามที่สปน.ตรวจและพิจารณา
อย่างไรก็ดี รัฐบาลได้พิจารณาการดำเนินการระงับการออกอากาศชั่วคราวของไอทีวีอย่างรอบคอบแล้ว โดยทั้งหมดเป็นการดำเนินการตามกฎหมายที่รัฐมีความจำเป็นที่จะต้องรักษาและปกป้องคุ้มครองผลประโยชน์ของรัฐเอาไว้ และรักษารูปคดี
สำหรับการดำเนินการกับไอทีวีในระยะยาวนั้น ครม.ได้มอบหมายให้คณะกรรมการบริหารกิจการสถานีวิทยุโทรทัศน์เป็นผู้พิจารณาแนวทางทั้งหมดในระยะเวลา 1 เดือน โดยเฉพาะภาพรวมและโครงสร้างการบริหาร ก่อนที่จะเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง