May 19, 2024   2:40:16 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 06/03/2007 @ 10:36:21
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ที่มา : K.KRAZIP

SET Index วันศุกร์ที่ 2 มีนาคม 2550 ปิดที่ดัชนี 679.02 จุด -1.58จุด มูลค่าการซื้อขาย 11,069 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 11.33 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 162.74 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 151.42 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ระดับ 683.58 จุด +2.98จุด และ Low ที่ระดับ 677.92จุด -2.68 จุด ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์สุดสัปดาห์ที่ผ่านมายังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ ทั้งแดนบวกและแดนลบ นักลงทุนต่างยังชะลอการลงทุนเนื่องจากจะเป็นวันหยุดยาว 3 วัน มีเพียงแต่บรรดาเซียนทั้งหลายที่เข้ามาเทรดเก็งกำไรกันซึ่งก็ไม่พ้นหุ้นฮิตติดชาร์ตตัวเดิม ๆ ทำให้ตลาดยังไม่ค่อยมีวอลุ่ม แต่ก็เทรดกันคึกคักในหุ้นราคาจิ๋ว ๆ ทั้งหลาย หุ้นใหญ่ในกลุ่มแบงค์ อสังหาริมทรัพย์ และพลังงานต่างก็มีแรงขายฉุดดัชนีแต่ก็ปรัดลดลงไม่มากเท่าไหร่ ตลาดจึงลบไม่แรงนัก ท่ามกลางทิศทางที่ยังค่อนข้างผันผวนของตลาดหุ้นต่างประเทศ

TRC ราคาเปิด 2.76 บาท ราคาปิด 2.74 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1.72 ล้านบาท TRC ประกาศแผนเข้าเทคโอเวอร์บริษัท สหการวิศวกร จำกัด(SKW)จะเข้าซื้อหุ้นทั้งหมด 16 ล้านหุ้น คิดเป็น 100% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ที่ราคา 18.33 บาทต่อหุ้น TRC จะออกหุ้นใหม่ทั้งหมด 106.67 ล้านหุ้น เพื่อชำระค่าหุ้นของ SKW ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ SKW โดยจะชำระเป็นอัตราส่วน 1 หุ้นใหม่ของ TRC ต่อ 0.15 หุ้นของ SKW ซึ่งจะเท่ากับว่าราคาหุ้นTRC
ออกใหม่อยู่ที่ 2.75 บาทต่อหุ้น การเทคโอเวอร์ SKW เข้ามานั้นจะช่วยเสริมศักยภาพของ TRC เนื่องจากต่างก็มีจุดแข็งในแต่ละด้าน เพื่อจะช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกัน และสามารถร่วมกันเข้าประมูลงานใหม่ได้ในอนาคต

รายได้ในQ4/49 ยังคงแข็งแกร่ง โดยเท่ากับ 219 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% YoYและ 12% QoQ กำไรสุทธิทั้งปีโต 66% เป็น 51 ล้านบาท และ TRC ประกาศจ่ายปันผล 0.13 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราเงินปันผลที่ 4.7% ซึ่งนับว่าสูงเมื่อเทียบกับบริษัทรับเหมารายอื่น K.KRAZIP ขอจับตามอง TRC เนื่องจากมีแนวโน้มเติบโตสูง และมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง การเข้าเทคโอเวอร์ SKW ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ โดยสามารถทำงานก่อสร้างได้หลากหลายมากขึ้น

ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ " ซื้อ" มีแนวรับ 2.74 บาท แนวต้าน 2.90 บาท
KMC ราคาเปิด 1.30 บาท ราคาปิด 1.28 บาท มูลค่าการซื้อขาย 9.61 ล้านบาท KMC ประกาศผลประกอบการพลิกกลับมามีกำไรสุทธิ 160.19 ล้านบาท จากที่ขาดทุน 2.41 พันล้านบาท ในปี 2548 เนื่องจากรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ และรายได้ค่าก่อสร้างของ KMC เพิ่มขึ้น 685 ล้านบาท และมีการยกเลิกสัญญาจากการขายลดลง 27 ล้านบาท ขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายของ KMC ลดลง 866 ล้านบาท เนื่องจากค่าใช้จ่ายในปี 2548
มีการปรับการด้อยค่าของที่ดินและสินค้าคงเหลือรวมอยู่ด้วย ส่วนทิศทางการดำเนินงานปี 2550 คาดว่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดด จะมีรายได้จากการขายคอนโดเดอะคริส รัชดาฯ-สุทธิสาร และรายได้จากการขายโครงการแนวราบอีกว่า 10 โครงการ ซึ่งจะมีการเปิดขายเฟสใหม่เพิ่มอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทุกโครงการอยู่บนทำเลที่ตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคในย่านธุรกิจต่างๆ คิดเป็นเป้าการขายโดยรวมประมาณ 2,400 ล้านบาท ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ
"ขาย" ราคาดีดขึ้นแรง เห็นว่าสมควรขายก่อนค่อยกลับมาหาจังหวะเข้าซื้อใหม่อีกรอบนี้มีแนวรับที่ราคา 1.27 บาท แนวต้านที่ราคา 1.34 บาท

GLOW ราคาเปิด 34.00 บาท ราคาปิด 33.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 37.52 ล้านบาท GLOW ประกาศผลประกอบการปี 49 มีกำไรสุทธิ 1.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% qoq สาเหตุที่มีกำไรเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 14%YoYแบ่งเป็นรายได้จากการขายไฟฟ้าจองโรงไฟฟ้า IPP SPP และยอดขายไฟฟ้าให้กับลูกค้าอุตสาหกรรม ส่วนรายได้จากการขายไอน้ำให้กับโรงงานอุตสาหรรมลดลงเล็กน้อย นอกจากนั้น GLOW
ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลในอัตรา 0.975 บาท/หุ้น และเมื่อรวมกับปันผลที่จ่ายไปแล้วจำนวน 0.6 บาท/หุ้น และยังเชื่อว่า GLOW อาจมีการกันสำรองเงินไว้สำหรับโอกาสการขยายการลงทุนในอนาคตดังนั้นคาดว่าแนวโน้มกำไรยังเติบโตได้ในระยะยาว จากการเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าIPP ใ นเดือน เม.ย.50 ซึ่ง GLOW มั่นใจว่าจะชนะประมูลในครั้งนี้อย่างน้อย 700 เมกะวัตต์ จะเริ่มผลิตได้ในปี 55 และโครงการเพิ่มกำลังผลิตใหม่ประมาณ 1,000 เมกะวัตต์
ซึ่งจะเริ่มทยอยผลิตขายให้กับกลุ่มลูกค้าปิโตรเคมีขั้นปลายในช่วงปี 48-53 K.KRAZIP แนะนำ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" โดยมีแนวรับ 33.00 บาท แนวต้าน 34.00 บาท

AH ราคาเปิด-ปิดที่15.80 บาทมูลค่าการซื้อขาย 2.647ล้านบาท จากทางAHได้มีการพัฒนาโรงงานแห่งใหม่ที่อยุธยาซึ่งมีการขยายพื้นที่ตัวโรงงานเพิ่มขึ้นเท่าตัว ในไตรมาสแรกเริ่มมีการผลิตเต็มประสิทธิภาพมากขึ้นจากโครงการใหม่ๆ ได้แก่ ผลิตชิ้นส่วนให้กับค่ายรถยนต์นิสสันซึ่งย้ายฐานรถกระบะเข้ามาในประเทศไทย

มีมูลค่า 500 ล้านบาทต่อปี, ผลิตชิ้นส่วน Hard Disk ให้กับค่าย Toshiba มีมูลค่า 400 ล้านบาทต่อปี, ผลิตอุปกรณ์ตกแต่งรถกระบะ(Sports Bar) มูลค่า 200 ล้านบาทต่อปี และ โครงการ Outsource Relocation มูลค่า 500 ล้านบาทต่อปี

โดยเฉพาะการควบรวมกิจการกับ KPN จะทำให้ยอดขายและกำไรก้าวกระโดด รวมแล้วเราประเมินว่ายอดขายในปี 2550 จะเพิ่มขึ้น 44% เป็น 11,167 ล้านบาท และ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 702 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84%ทั้งนี้AHได้ประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังเท่ากับ0.20บาทหลังจากที่ได้จ่ายไปแล้วในงวดครึ่งปีแรก0.21บาทและยังมี การควบรวมกิจการของ KPN ก็จะส่งให้มีกำไรสุทธิเพิ่มเข้ามา 87.51 ล้านบาท รวมแล้วบริษัทจะมีกำไรสุทธิ 668.6 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.37 บาทจะทำให้บริษัทมีกำไรมากขึ้นเราคาดว่าเราในปี50นี้บริษัทจะสามารถทำกำไรได้มากกว่าในปี49เพราะดูจากงานที่เข้ามาในปีหน้าดังนั้นเราจึง แนะนำ "ซื้อ" แนวรับ15.70บาท แนวต้าน 16.30บาท
K.KRAZIP 06/03/50






[/color:4119619815">

 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com