โบรกเจาะวิเคราะห์อนาคต 4 หุ้นร้อน PE- PT- PAE และASIA หลังราคาหุ้นพุ่งแรงไม่ตก มองแนวโน้มปี 2550 คาดยังไม่แตกต่างจากปี 2549 เพราะหลายบริษัทเพิ่งผ่านการฟื้นฟูกิจการหรือยังอยู่ในแผนฟื้นฟู ทำให้ต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินธุรกิจสักพัก หากคิดจะเข้าลงทุนต้องใช้เทคนิคช่วยอย่างเดียวเท่านั้น แต่หลังคัดแล้วเลือก PT น่าสนใจสุดในกลุ่ม เพราะทำธุรกิจวางระบบสอดคล้องกับนโยบายรัฐในการลงทุนเมกะโปรเจ็กต์

นายณัฐวัฒน์ อ้นรัตน์ ผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บีที จำกัด เปิดเผยว่า การปรับตัวขึ้นของราคาหุ้นขนาดเล็กหลายตัวในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมาโดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานเข้ามารองรับนั้น เป็นเพราะภาวะตลาดหุ้นไทยยังคงเผชิญกับปัจจัยกดดันรอบด้านทั้งปัจจัยภายนอกประเทศ และภายในประเทศ จึงทำให้นักลงทุนยังไม่กล้าที่จะตัดสินใจลงทุนระยะยาว และซื้อเก็งกำไรเป็นรายตัวโดยเฉพาะหุ้นที่มีราคาต่ำและมีกระแสข่าวสนับสนุน

?ยังไม่มีข่าวดีเข้ามากระตุ้นตลาดทำให้นักลงทุนไม่กล้าที่จะใส่เงินเข้ามาเต็มที่ เลยเลือกที่จะเล่นสั้นๆ เก็งกำไรไปเป็นรายวันรายตัวไป โดยเฉพาะหุ้นที่ถือว่าสดยังมีข่าวให้เล่น รวมถึงราคาหุ้นยังต่ำ และสัญญาณเทคนิคยังพอเล่นได้ จึงทำให้หุ้นเล็กๆหลายตัวปรับตัวขึ้นมาโดยไม่มีปัจจัยรองรับ?นายณัฐวัฒน์กล่าว

ทั้งนี้หากพิจารณาถึงหุ้นร้อนที่ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างแรงสวนกับภาวะตลาดหุ้นโดยรวมและบริษัทเองก็ไม่มีปัจจัยหรือพัฒนาการใดๆ ที่มีนัยสำคัญมารองรับนอกเหนือไปจากธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ตามปกติของบริษัท เช่นบริษัท พรีเมียร์เอ็นเตอร์ไพรซ์ จำกัด (มหาชน) PE ที่ก่อนหน้านี้มีการเก็งกำไรจากการคาดหวังเรื่องของการลดพาร์เพื่อล้างขาดทุนสะสม

ส่วนบริษัท พรีเมียร์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) PT หลังบริษัทมีการลดพาร์จาก 10.00 บาทเหลือ 1 บาท จึงสามารถนำไปลดส่วนต่ำมูลค่าหุ้นรวมทั้งขาดทุนสะสมไปด้วย และหากมองจากธุรกิจที่คล้ายคลึงกับ JTS ซึ่งดำเนินธุรกิจวางระบบ และเป็นไปในทิศทางเดียวกับนโยบายภาครัฐ จึงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี และจะส่งผลดีต่อการเติบโตของรายได้

ทั้งนี้ PE แจ้งผลการดำเนินงานปี 2549 บริษัทมีกำไรสุทธิ 246.60 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 816.22 ล้านบาท ขณะที่ PT ผลการดำเนินงานปี 2549 บริษัทมีกำไรสุทธิ 64.62 ล้านบาท ลดลง 42.05% เมื่อเทียบกับปี 2548 ที่มีกำไรสุทธิ 111.52 ล้านบาท และประกาศจ่ายปันผลหุ้นละ 0.10 บาท

นอกจากนี้ยังมีบริษัท พีเออี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) PAE ที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างร้อนแรงหลังบริษัทสามารถพลิกมาเป็นกำไรสุทธิได้ในปี 2549 โดยมีกำไรสุทธิ 7.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2548 ซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิ 44.11 ล้านบาท เช่นเดียวกับบริษัท เอเชียโฮเต็ล จำกัด (มหาชน) ASIA ที่รคาหุ้นปรับตัวขึ้นรับผลการดำเนินงานในปี 2549 ที่บริษัทมีกำไรสุทธิ 159 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดปี 2548 ที่บริษั่ทมีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ถึงกว่า 1,500 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มในปี 2550 นี้ผลการดำเนินงานของหุ้นเก็งกำไรดังกล่าวคาดว่าจะไม่แตกต่างจากผลการดำเนินงานในปี 2549 ที่ผ่านมาเพราะหลายบริษัทเพิ่งผ่านการฟื้นฟูกิจการหรือยังอยู่ระหว่างแผนฟื้นฟูซึ่งคงต้องใช้ระยะเวลาในการดำเนินธุรกิจ จึงต้องใช้ความระมัดระวังในการลงทุน

นายกมลชัย พลอินทวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด กล่าวว่า สำหรับราคาหุ้นร้อน PE , PT, PAE และASIA ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างเยอะนักลงทุนต้องระมัดระวังอาจมีแรงขายทำกำไรออกมา โดยระยะสั้นให้กรอบลงทุนสำหรับ PE โดยมีแนวรับที่ 3.34-3.14 บาท แนวต้านที่ 3.70-3.90 บาท PT แนวรับที่ 5.20-5.00 บาท แนวต้านที่ 5.60-5.80 บาท ส่วน PAE ให้แนวรับที่ 1.62-1.59 บาท แนวต้านที่ 1.72-1.75 บาท และASIA แนวรับที่ 59.00-58.00 บาท แนวต้านที่ 65.00-66.00 บาท