May 19, 2024   11:29:08 AM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กลยุทธ์การลงทุน.... Panic Selling
 

kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
วันที่: 28/02/2007 @ 09:52:50
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

ดัชนีมีก็โอกาสปรับลงแรง (Panic Selling) ตามตลาดหุ้นภูมิภาคและดาวโจนส์ (ลดลงเฉลี่ย 3%) ตามตลาดหุ้นจีนที่ปรับลง 9% เมื่อวานนี้ ด้วยความวิตกต่อมาตรการของทางการจีนที่ต้องการชะลอความร้อนแรงของภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่ ซึ่งอาจนำไปสู่การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก ภายหลังธนาคากลางจีนปรับขึ้นอัตราการสำรองเงินฝากจาก 9.5% เป็น 10% เพื่อดูดซับสภาพคล่องในระบบเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดข่าวลือถึงการออกมาตรการป้องปรามการเก็งกำไรเพิ่มเติม อาทิ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย (ยังไม่มีการออกมาปฎิเสธหรือชี้แจงจากทางการจีน) และ รวมถึงการเก็บภาษีจากการซื้อขายหุ้น (ซึ่งทางการจีนออกมาปฎิเสธแล้ว)

เราประเมินว่าจะกระทบต่อตลาดช่วงสั้น เนื่องจาก เศรษฐกิจจีนในช่วงหลายไตรมาส ที่ผ่านมายังเติบโตในระดับที่สูงมากกว่า 9% และมักสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ทั้งที่จีนพยายามออกมาตรการชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจมาตั้งแต่ไตรมาส 3/49 ที่ผ่านมา การปรับตัวลงแรงของตลาดในภูมิภาค จึงแสดงให้เห็นภาวะตอบสนองที่มากเกินไป และควรเป็นโอกาสของการเก็งกำไร อย่างไรก็ตาม โอกาสรีบาวน์จะมากน้อย แค่ไหน ขึ้นกับผลการประชุม กนง. วันนี้ (ทราบผลประชุมประมาณ 14.00 น.) เราประเมินว่ายังมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยลงถึง 0.5% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ, ลดภาระการรักษาค่าเงินบาทและปูทางไปสู่การยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% หากเป็นไปตามคาดหมายดัชนีตลาดมีโอกาสรีบาวน์ขึ้นแรง แต่หากไม่ปรับลดหรือปรับลดเพียง 0.25% ดัชนีมีโอกาสจบรอบการรีบาวน์

กลยุทธ์การลงทุน เน้นหุ้นอ่อนไหวต่อดอกเบี้ยที่มีสภาพคล่องสูง ทั้งธนาคาร (BBL, KBANK, TISCO) และอสังหาริมทรัพย์ (AP, SPALI) รวมถึงหุ้นที่จ่ายปันผลสูง (TISCO, MFEC, VNG, MCS) หลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มส่งออก และเดินเรือ



.00020

 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#1 วันที่: 28/02/2007 @ 10:03:47 : re: กลยุทธ์การลงทุน.... Panic Selling
ขออยู่เฉยๆ ดีกว่า?

ผ่านพ้นเทศกาลตรุษจีนซึ่งเป็นวันหยุดยาวกันมาได้แล้ว สัปดาห์นี้ตลาดหุ้นทั่วเอเชียน่าจะกลับมาคึกคักกันได้อีก สัปดาห์ที่ผ่านมาได้ยินว่ากองทุนส่วนบุคคลต่างชาติ ว่ากันว่าส่วนใหญ่เป็นกองทุนส่วนบุคคลจากทางยุโรป ได้แอบเก็บหุ้นในตลาดหุ้นไทยไปเกือบ 3 หมื่นล้านบาท แต่ก็ยังไม่วายมีผู้สงสัยว่าในเมื่อนักลงทุนต่างชาติเก็บหุ้นไปขนาดนี้ ทำไมหุ้นยังไม่วิ่งเสียที ก็คงต้องบอกกันว่า ?ใจเย็น? ครับ นักลงทุนที่เข้ามาเก็บหุ้นในสภาวการณ์แบบนี้เป็นนักลงทุนระยะยาวครับ ไม่ใช่นักเก็งกำไรที่ซื้อหุ้นปุ๊ป หุ้นต้องวิ่งทันทีเสียเมื่อไหร่ P/E ตลาดหุ้นไทยอยู่ในระดับไม่ถึง 10 เท่า ถือเป็นโอกาสในการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติจริงๆ หากนักลงทุนชาวไทยจะเกาะขบวนรถตามไปด้วยก็คงได้นะครับสำหรับการลงทุน ส่วนจะลงทุนในหุ้นอะไรนั้นไปศึกษากันเองนะครับ

ดีไม่ดีอาจมีเงินลงทุนที่เคยลอยข้ามเมืองไทยไปลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามอาจไหลย้อนกลับมาก็ได้ เมื่อมีข่าวว่าตลาดหุ้นเวียดนามได้กลายเป็นแหล่งลงทุนระยะสั้น และระยะกลางของนักเก็งกำไร และเฮดจ์ฟันด์ต่างๆ จนหน่วยงานกำกับดูแลของเวียดนามเริ่มกุมขมับแล้ว บัญชีซื้อขายหุ้นในตลาดหุ้นเวียดนามโตพรวดพราดขึ้นมามากกว่า 300% แล้ว ทั้งๆ ที่นักลงทุน นักเก็งกำไรในตลาดหุ้นเวียดนามยังมีความเข้าใจเรื่องการลงทุน อยู่ในระดับข้นข้างน้อย ไม่แตกฉานเหมือนนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย อีกทั้งบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นเวียดนามยังมีน้อยกว่าตลาดหุ้นไทยมากนัก และดูเหมือนว่า ?การเก็งกำไร? ในตลาดหุ้นเวียดนามจะมีพัฒนาการไปจากตลาดหุ้นไทย หากการเก็งกำไร การลงทุนระยะสั้นในตลาดหุ้นเวียดนามลดน้อยลง แล้วเงินลงทุนยังไม่ไหลกลับมายังตลาดหุ้นไทยอีกละก็ ผู้เกี่ยวข้องในตลาดเงิน ตลาดทุนเมืองไทย คงต้องคิดกันหนัก และต้องหาสาเหตุ หาคำตอบให้ได้ว่า เพราะอะไรเงินลงทุนจึงไม่ไหลกลับมาลงทุนในเมืองไทย ทั้งๆ ที่ผู้เกี่ยวข้อง และผู้บริหารระดับสูงในการกำกับดูแลตลาดเงิน ตลาดทุนบอกมาตลอดระยะเวลาว่า เมืองไทยศักยภาพดี แข็งแกร่งน่าลงทุน

สัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้มีความรู้ความสามารถระดับดอกเตอร์อย่างน้อยๆ ก็ 3 ? 5 คน ออกมาให้ข่าวทำนองขอความเห็นใจในการปกป้องค่าเงินบาทจนทำให้ขาดทุนไปถึงเกือบ 3 แสนล้านบาทนั้นว่า ถ้าหากไม่ปกป้องอาจเกิดความเสียหายมากกว่าที่เห็น และผลขาดทุนที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้เกิดจากความไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน ตามด้วยเหตุผลประกอบอีกหลายข้อทีเดียว เอ้า! ใครจะเห็นใจ ใครจะเชื่อตามคำแถลงของหน่วยกำกับดูแลสูงสุดก็ตามใจ ส่วนผมบอกตามตรง ?ขออยู่เฉยๆ ดีกว่า?

เก็งกำไรทางเทคนิค STANLY แนวรับ 132, 134 แนวต้าน 140, 144
PRO แนวรับ 1.13,1.19 แนวต้าน 1.29, 1.35
ซื้อลงทุน STA ราคาเป้าหมาย 20 บาท, VNG ราคาเป้าหมาย 5.60, 5.70 บาท


.00020
[/color:1632e3a287">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#2 วันที่: 28/02/2007 @ 10:07:20 : re: กลยุทธ์การลงทุน.... Panic Selling
ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

ตลาดจะปรับตัวลงแรงจากปัจจัยภายนอก รอดูผลการประชุมกนง.วันนี้

ภาพตลาดวันวาน
แรงขายหุ้นมาร์เก็ตแค็ปใหญ่ ในกลุ่มธนาคาร ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน ธุรกิจสื่อสาร รวมทั้งหุ้น SCC และ THAI กดดันให้ตลาดหุ้นวันวานปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 อีก ?0.69% ในขณะที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคปรับตัวลดลงค่อนข้างรุนแรงเกือบทุกตลาด โดยยังคงมีปริมาณซื้อขายไม่มากนัก เพียงประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท ส่วนนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 5 อีก เล็กน้อย

ประเด็นการลงทุน
แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของจีน เพื่อสกัดกั้นภาวะฟองสบู่ในเศรษฐกิจ ทำให้ค่าเงินหยวนของจีนมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น ประกอบกับความเห็นนายอลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐที่มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปลายปีนี้ และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือน ม.ค.2550 ของสหรัฐลดลง 7.8% เป็นปัจจัยลบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก จะกดดันทิศทางตลาดวันนี้
การประเมินการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยปีนี้ที่ 4-4.5% โดยกระทรวงการคลังร่วมกับม.หอการค้าไทย และเศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวลงทุกภาค เป็นปัจจัยหนุนการตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธปท.ในวันนี้

กลยุทธ์ : ลดพอร์ตลงบ้าง
ทิศทางตลาดวันนี้ คาดว่าจะปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นทั่วโลกซึ่งได้รับผลกระทบจากแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจจีน และสหรัฐ ซึ่งการชะลอตัวลงดังกล่าว จะทำให้ราคาน้ำมันดิบและสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆมีแนวโน้มลดลง และเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ในขณะที่คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินของธปท. คงจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย R/P 14 วันลงอีก 0.50% ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดหุ้นได้บ้าง อย่างไรก็ดีดัชนีมีแนวโน้มลดลงค่อนข้างแรง โดยมีแนวรับบริเวณ 660 -662 จุด ส่วนแนวต้านบริเวณ 685-687 จุด นักลงทุนระยะสั้น- ลดพอร์ตลง นักลงทุนระยะยาว ? Short against port บ้าง แล้วรอดูสถานการณ์อีกระยะ

ปัจจัยในประเทศ ที่มีผลต่อการลงทุนวันนี้
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ปรับลดเป้าเศรษฐกิจไทยปี 50 เหลือ 4 ? 4.5% จากประมาณการเดิม 4 ? 5% โดยภาครัฐต้องเร่งเบิกจ่ายงบประมาณให้ได้ 93% และรัฐวิสาหกิจต้องเบิกจ่าย 85% รวมทั้งต้องลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง เพื่อให้การใช้จ่ายในประเทศฟื้นตัว
+ ครม. อนุมัติกรอบงบประมาณปี 51 โดยมีงบประมาณรายจ่าย 1,635,000 ล้านบาท และมีรายได้สุทธิ 1,515,000 ล้านบาท ทำให้เป็นงบประมาณขาดดุล 120,000 ล้านบาท โดยมีสมมติฐานเศรษฐกิจปี 51 ขยายตัว 5% และมีอัตราเงินเฟ้อ 3%

ปัจจัยต่างประเทศ ที่มีผลต่อการลงทุนวันนี้
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง 416.02 จุด ปิดที่ 12,216.24 จุด จากการปรับลดลงของตลาดหุ้นจีน 9% หลังจากรัฐบาลจีนมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อสกัดภาวะฟองสบู่ ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ประกอบกับยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค.ของสหรัฐฯลดลง 7.8% ทำให้ตลาดกังวลเพิ่มขึ้นต่อการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ
- ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น 7 เซนต์ ปิดที่ 61.46 DPB จากการคาดการณ์สต็อกน้ำมันประจำสัปดาห์มีแนวโน้มปรับลดลง ขณะที่ชาติตะวันตกเผยว่าจะร่างมติใหม่เพื่อกดดันอิหร่าน หลังจากอิหร่านไม่ยอมยุติโครงการนิวเคลียร์

สรุปหุ้นรายตัว

TUF ขายทำกำไร
เผยกลยุทธ์ในปี 50 จะเน้นขยายตลาดต่างประเทศนอกเหนือจากสหรัฐฯ รวมถึงการออกสินค้าใหม่ๆ เพื่อเพิ่มอัตรากำไรและส่วนแบ่งการตลาด โดยตั้งเป้ารายได้เป็นเงินสกุลดอลลาร์เติบโต 8 ? 10% จาก 1,457 ล้านดอลลาร์ในปี 49 รวมทั้งคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มสูงขึ้น จากการบริหารสินค้าคงคลัง และค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมทั้งแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลงทำให้คาดว่าจะมีกำไรสุทธิสูงขึ้น โดยมีงบลงทุนในปี 50 1,000 ? 1,200 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงโรงงานและขยายกำลังการผลิต ขณะที่เป้าหมายระยะยาว นอกจากการขยายตลาดใหม่ๆ และเพิ่มสินค้า จะมีการเข้าซื้อหุ้น (acquistions) ในธุรกิจอาหารที่มีแบรนด์เนม รวมทั้งเครือข่ายทางการตลาดในประเทศนั้น

BIGC ขายทำกำไร
ในปี 50 เตรียมงบลงทุน 4,500 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาใหม่ 4 สาขา จากปัจจุบันที่มีอยู่ 49 สาขา เป็นจำนวนเงิน 3,000 ล้านบาท และ 1,500 ล้านบาท เพื่อใช้ปรับปรุงสาขาปัจจุบันให้ทันสมัย ด้านแผนการตลาดยังคงเน้นกลยุทธ์ด้านราคา โดยเน้นการจัดกิจกรรมและโปรโมชั่นสำหรับสินค้าเป็นหมวดหมู่มากขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าเฉพาะหมวด พร้อมทั้งใช้สื่อโฆษณาเพื่อส่งเสริมให้ลูกค้าซื้อสินค้ามากขึ้น

SEAFCO ระยะสั้น-ขายทำกำไรระยะยาว-ถือ
จะรุกขยายงานไปยังต่างประเทศในปีนี้ คาดว่าจะเป็นที่เวียดนามหรือสิงคโปร์ ทำให้บริษัทอาจปรับเพิ่มเป้าหมายยอดขายในปีนี้จากเดิมที่ตั้งเป้าเติบโต 15% คาดว่าจะได้ข้อสรุปแผนการลงทุนในช่วงไตรมาส 2-3/50 นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้ออกตราสารหนี้ระยะสั้น อายุไม่เกิน 270 วัน เป็นวงเงินไม่เกิน 300 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินหมุนเวียน และเป็นทุนดำเนินโครงการในอนาคต

ITV หลีกเลี่ยง(รอดูความชัดเจนของสถานการณ์)
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติให้ สปน. บอกเลิกสัญญาสัมปทานกับ บมจ. ITV ได้ หาก ITV ไม่จ่ายค่าปรับและค่าสัมปทานค้างจ่ายประมาณ 100,000 ล้านบาทได้ตามกำหนดเวลาในวันที่ 6 มี.ค. นี้ โดยหลังจากเลิกสัญญาจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารเพื่อดำเนินงานสถานีต่อไป โดยคาดว่าการดำเนินการเพื่อเตรียมรองรับการเข้าบริหารงานจะใช้เวลาประมาณ 10 วัน โดยขณะนี้มีผู้ที่เหมาะสมจะได้รับคัดเลือกเข้ามาเป็นคณะกรรมการแล้ว

DRT ขายทำกำไร
ตั้งเป้ารายได้ปี 50 เติบโต 10 % จากปี 49 ที่มี 2,390 ล้านบาท โดยจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 30% โดยในปี50 จะรับรู้รายได้บางส่วนจากโครงการบ้านเอื้ออาทรของ PLE ประมาณ 100 ล้านบาท และโครงการของ ITD ประมาณ 80 ล้านบาท และมีรายได้บางส่วนจะมาจากสายการผลิตไม้ฝาที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ ซึ่งมีกำลังการผลิตประมาณ 45,000 ตันต่อปี และคาดว่าจะเดินเครื่องผลิตได้ประมาณปลายไตรมาส 1/50 นอกจากนี้อยู่ระหว่างศึกษาการแตกสายการผลิตใหม่ๆเพิ่มขึ้น รวมทั้งการขยายการส่งออกไม้ฝาไปยังอินเดีย และส่งออกกระเบื้องไปยังเกาหลี ขณะที่ตั้งงบการตลาดไว้ประมาณ 130 ล้านบาท เพื่อทำโปรโมชั่นให้กับลูกค้า

โดย บจ.หลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์ เฮียน (ประเทศไทย) ประจำวันที่ 28 ก.พ. 2550

[/color:98ac66e8e9">
 กลับขึ้นบน
kaisel
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 3,380
#3 วันที่: 28/02/2007 @ 10:10:43 : re: กลยุทธ์การลงทุน.... Panic Selling
ภาวะตลาดหุ้นรายวัน


บทวิเคราะห์

แนวโน้มตลาดวันนี้
วันนี้ตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มจะปรับตัวลดลงราว 20 จุด หรือ 3% หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกล้วนเผชิญกับแรงเทขาย ตามตลาดหุ้นจีนที่ร่วงลง 8.8% เมื่อวานนี้รวมไปถึงดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมของสหรัฐฯที่ลดลง
ทั้งดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรม Dow jones และ S&P 500 ปิดลดลงมากกว่า 3% ทั้ง ซึ่งนับเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบ 1 ปี ในขณะที่ Nasdaq ปรับตัวลดลง เกือบ 4% ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงมากสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2545 ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเปิดตลาดในแดนลบ โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นและเกาหลีปรับตัวลดลงประมาณ 3.4% ตามเวลาไทยที่ 8.30 น.
แรงเทขายในตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มต้นขึ้นหลังจากตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้เมื่อวานนี้ร่วงลง 8.8% นับเป็นการปรับตัวลดลงมากสุดในรอบ 10 ปี จากความกังวลว่าถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนหลังจากมีแรงเก็งกำไรขับเคลื่อนดัชนีตลาดหุ้นจีนขึ้นไปทำจุดสูงสุดในสัปดาห์นี้ โดยเหตุการณ์นี้ได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นอื่นๆในเอเชียก่อนที่จะไปกระทบตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐฯอเมริกา
แรงเทขายหุ้นในตลาดยุโรปและสหรัฐฯนั้นเกิดขึ้นจากรายงานของทางการสหรัฐฯที่พบว่าคำสั่งซื้อสินค้าคงทนนั้นลดลง 7.8% ซึ่งนับว่าเป็นการลดลงมากสุดในรอบ 1 เดือน โดยข้อมูลนี้บดบังการปรับตัวขึ้นของยอดขายบ้านมือสองในรอบเดือนมากที่สุดในระยะเวลา 2 ปี และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯซึ่งขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในรอบ 5 ปีครึ่ง
มีความเป็นเป็นไปได้ที่การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นไทยจะน้อยกว่ากว่าตลาดหุ้นอื่นๆ เนื่องจากตลาดหุ้นไทยยังปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาดหุ้นอื่นๆอยู่มากในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา โดยแรงเก็งกำไรว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% จะช่วยพยุงตลาดหุ้นไทย
เราแนะนำให้นักลงทุนใช้จังหวะการอ่อนตัวของตลาดเข้าสะสมหุ้นน่าสนใจเช่น BAY, BBL, KBANK, LH, STEC และ TRUE นอกจากนี้เรายังเชื่อว่า STEC และหุ้นกลุ่มรับเหมาอื่นๆจะฟื้นตัวหลังจากเหตุการณ์ข้างต้นได้จบลงแล้ว เนื่องจากจะส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบของบริษัทรับเหมาต่ำลง

หุ้นน่าจับตา
ATC เป็นหนึ่งในหุ้นที่คาดว่าจะมีแรงขายมากในวันนี้ หลังจากมีความกังวลว่าเศรษฐกิจของจีนจะชะลอตัวลง ซึ่งจะส่งผลให้ราคาอะโรเมติกส์ชะลอตัวลงตาม ในขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันก็สูงเกินกว่าราคาเป้าหมายที่ 42 บาท

TASCO คาดหมายว่าในระยะสั้นจะถูกแรงเทขาย ซึ่งเป็นผลลบทางจิตวิทยาจากความกังวลภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของจีน ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมากำไรของ TASCO นับว่าโดดเด่นอย่างมาก โดยเฉพาะในไตรมาส 3-4 ซึ่งเป็นผลจากบริษัทย่อยในจีนคือ International Company Limited (TIL) สามารถสร้างกำไรต่อ TASCO ได้ถึงประมาณ 50% ดังนั้นความกังวลเศรษฐกิจของจีนอาจจะส่งผลลบต่อหุ้น TASCO ในระยะส้น อย่างไรก็ตามเราคาดหมายว่าจีนยังมีความต้องการยางมะตอยอีกมากเพื่อที่จะเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศต้อนรับกีฬาโอลิมปิคซึ่งจะยังหนุนผลประกอบการของ TASCO ในปีนี้

PDI คาดว่าจะเป็นหุ้นโภคภัณฑ์อีกตัวที่จะมีแรงขายตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งจะส่งผลให้ราคาสังกะสีอ่อนตัวลง เราคาดว่าผลกำไรในปีนี้จะลดลง 45% yoy ตามราคาสังกะสีที่อ่อนตัวลงในปีนี้ แม้ว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันผลสูง 5.20 บาท แต่อาจไม่คุ้มหากราคาปรับตัวลงแรงตามผลกำไรที่ลดลง แนะนำ ขายทำกำไร ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 34.50 บาท

STEC หุ้นปรับตัวลงมา 15% จากจุดสูงสุดก่อนหน้านี้ โดยขณะนี้ซื้อขายต่ำกว่าระดับราคาเหมาะสมของเราที่ 5.85 บาท/หุ้นอยู่ 22% เราคาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิเท่ากับ 493 ล้านบาทในปีนี้หลังจากขาดทุน 1.78 พันล้านบาทในปีก่อน

KBANK ราคาหุ้นหล่นลงมา 4% จากจุดสูงสุดในปีนี้ที่ 67 บาท โดยขณะนี้ราคาหุ้นมีส่วนต่างจากราคาเหมาะสมของเราที่ 74 บาท/หุ้นอยู่ 15% นอกจากนี้ KBANK ยังซื้อขายกันที่ P/BV ต่ำเพียง 1.4 เท่าเทียบกับเป้าหมายของเราที่ 1.8 เท่าในปีนี้

บทวิเคราะห์วันนี้
- INOX <1.26 บาท : ทยอยสะสม> ประกาศผลประกอบการปี 2549
- SAT <9.60 บาท : ซื้อลงทุน> ประกาศผลประกอบการปี 2549
- GSTEEL <0.97 บาท : ทยอยสะสม> ประกาศผลประกอบการปี 2549
- VNG <4.62 บาท : ซื้อ> ประกาศผลประกอบการปี 2549
- UVAN <36.50 บาท : ซื้อลงทุน> ประกาศผลประกอบการปี 2549
- TUF <23 บาท : ซื้อเมื่ออ่อนตัว> ประกาศผลประกอบการปี 2549
- PF <3.36 บาท : เต็มมูลค่า> ประกาศผลประกอบการปี 2549
- QH <1.19 บาท : ถือ> ประกาศผลประกอบการปี 2549
- SHIN<27.00 บาท : หลีกเลี่ยง > ประกาศผลประกอบการปี 2549
- SIM<19.20 บาท: ซื้อ> ประกาศผลประกอบการปี 2549
- JTS<2.82 บาท:ซื้อ> ประกาศผลประกอบการปี 2549

สรุปข่าว
ครม. มีมติให้ สปน. ยกเลิกสัมปทาน ITV ได้ (รอยเตอร์ 27/2/50) : เมื่อวานนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุญาตให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ยกเลิกสัญญาสัมปทานกับ ITV ได้ หากบริษัทไม่สามารถชำระค่าปรับพร้อมดอกเบี้ย และค่าสัมปทานส่วนต่างรวมกว่า 1 แสนล้านบาทได้ตามกำหนดในวันที่ 6 มีนาคมนี้ โดยในวันนี้จะมีการสรรหาคณะกรรมการบริหารกิจการวิทยุโทรทัศน์ เพื่อที่จะเข้าไปบริหารสถานีโทรทัศน์ไอทีวี เนื่องจากต้องการให้สถานีออกอากาศต่อเนื่องภายใต้รูปแบบเดิมซึ่งมีสัดส่วนออกอากาศรายการสาระ 70% และบันเทิง 30% แต่ต้องเปลี่ยนชื่อสถานีใหม่

ความเห็น : ITV น่าจะถูกบอกเลิกสัญญาสัมปทานเนื่องจากไม่สามารถชำระเงินค่าปรับได้ภายในกำหนด ทำให้บริษัทจะไม่ได้ดำเนินธุรกิจสถานีโทรทัศน์อีกต่อไปโดยต้องส่งมอบสินทรัพย์บางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการออกอากาศให้กับ สปน. เพื่อดำเนินการออกอากาศต่อไป รวมทั้งต้องบอกเลิกจ้างและจ่ายค่าชดเชยให้พนักงาน ซึ่งสามารถย้ายไปทำงานกับสถานีโทรทัศน์ภายใต้ สปน. ในขณะที่ ITV ซึ่งไม่มีธุรกิจหลักคือธุรกิจสถานีโทรทัศน์แล้วแต่ยังคงมีหนี้สินเดิมซึ่งอาจทำให้บริษัทต้องเข้าสู่กระบวนการล้มละลาย เรายังคงคำแนะนำ หลีกเลี่ยง

ปฏิทินเศรษฐกิจ

Thai economic data this week
Period Unit Actual Est Prior
Feb-01 CPI Feb % yoy na 3.0%
Core CPI Feb % yoy na 1.60%

US economic data this week
Release For units Actual est Prior
Feb-27 Durable Orders Jan % yoy -7.80% -2.00% 2.90%
Consumer Confidence Feb index 112.5 109 110.3
Existing Home Sales Jan mn units 6.46 6.2 6.2
Feb-28 GDP-Prel. Q4 % yoy 2.30% 3.50%
Chicago PMI Feb index 50 48.8
New Home Sales Jan mn units 1.1 1.1
Mar-01 Personal Income Jan % yoy 0.30% 0.50%
Personal Spending Jan % yoy 0.40% 0.70%
Construction Spending Jan % yoy -0.40% -0.40%
ISM Index Feb index 50 49.3
Auto Sales Feb mn units 5.1 5.2
Truck Sales Feb mn units 7.3 7.5
Mar-02 Mich Sentiment-Rev. Feb index 94 93.3

NVDR Trading Data by Stock

Top 20 Net BUY (27/02/07)
Value (Btmn)
Buy Sell Total Net
BAY 287.68 62.39 350.07 225.29
BANPU 164.63 6.80 171.43 157.83
PTT 120.02 56.09 176.10 63.93
PSL 77.61 15.92 93.53 61.68
RRC 69.21 42.33 111.54 26.87
SATTEL 22.77 0.24 23.01 22.53
KK 17.44 1.09 18.53 16.35
ATC 23.27 7.32 30.59 15.94
ITD 21.38 5.44 26.83 15.94
KH 13.69 0.11 13.79 13.58
TTA 36.78 30.85 67.62 5.93
TISCO 6.36 0.75 7.11 5.61
TRUE 6.84 1.67 8.51 5.16
LPN 11.67 7.03 18.70 4.65
PAE 4.51 0.27 4.78 4.24
CPF 10.33 6.46 16.80 3.87
BIGC 3.73 - 3.73 3.73
TICON 12.80 9.52 22.33 3.28
AMATA 4.03 0.81 4.84 3.22

Top 20 Net SELL (27/02/07)
Value (Btmn)
Buy Sell Total Net
SCC 57.35 354.58 411.93 -297.22
KTB 51.09 220.53 271.61 -169.44
AOT 1.21 48.22 49.43 -47.01
PTTEP 0.20 29.73 29.92 -29.53
BBL 181.81 210.36 392.17 -28.55
ADVANC 10.90 30.97 41.88 -20.07
TMB 1.25 17.91 19.16 -16.65
TOP 4.79 20.44 25.23 -15.65
KBANK 33.25 45.98 79.23 -12.73
BAY-W1 15.87 27.10 42.96 -11.23
PHATRA 8.01 18.20 26.21 -10.19
EGCOMP 20.20 28.81 49.01 -8.61
IRPC 0.89 9.09 9.98 -8.20
BGH 11.21 19.07 30.28 -7.87
PTTCH - 7.42 7.42 -7.42
PDI 1.09 8.22 9.31 -7.13
SCCC - 6.31 6.31 -6.31
LH 9.50 15.44 24.94 -5.94
THAI 0.09 5.89 5.97 -5.80
SCIB 21.22 25.86 47.09 -4.64

Top 20 Most Active (27/02/07)
Value (Btmn)
Buy Sell Total Net
SCC 57.35 354.58 411.93 -297.22
BBL 181.81 210.36 392.17 -28.55
BAY 287.68 62.39 350.07 225.29
KTB 51.09 220.53 271.61 -169.44
PTT 120.02 56.09 176.10 63.93
BANPU 164.63 6.80 171.43 157.83
RRC 69.21 42.33 111.54 26.87
PSL 77.61 15.92 93.53 61.68
SCB 44.36 47.39 91.75 -3.03
KBANK 33.25 45.98 79.23 -12.73
TTA 36.78 30.85 67.62 5.93
AOT 1.21 48.22 49.43 -47.01
EGCOMP 20.20 28.81 49.01 -8.61
SCIB 21.22 25.86 47.09 -4.64
BAY-W1 15.87 27.10 42.96 -11.23
ADVANC 10.90 30.97 41.88 -20.07
ATC 23.27 7.32 30.59 15.94
BGH 11.21 19.07 30.28 -7.87
PTTEP 0.20 29.73 29.92 -29.53
ITD 21.38 5.44 26.83 15.94

โดย บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 28 ก.พ.2550


.00020
[/color:4105b695d9">
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com