May 19, 2024   12:56:45 PM ICT
เว็บบอร์ด > ห้องข่าว > กระซิบหน้าจอ
 

Puu
สมาชิก

จังหวัด: กรุงเทพมหานคร
โพสต์: 476
วันที่: 27/02/2007 @ 10:21:57
คุณชอบกระทู้นี้หรือไม่

ผลการโหวต
ชอบ
0.00%
0 คน

ไม่ชอบ
0.00%
0 คน

SET Index วันจันทร์ที่ 26 ก.พ. ปิดที่ 688.70จุด -2.06 จุด มูลค่าการซื้อขาย 7,621 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิที่ 144.57 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิที่ 35.90 ล้านบาท นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิที่ 108.67 ล้านบาท SET Index ทำ High ที่ดัชนี 692.42 จุด +1.66 จุด และ Low ที่ดัชนี 686.04 จุด -4.72
จุด ดัชนีตลาดหุ้นไทยเมื่อวานนี้เปิดดัชนีจากแดนบวก แม้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะปรับตัวขึ้นแต่สภาวะตลาดหุ้นไทยก็ยังคงหนีความจริงไปไม่พ้น เนื่องด้วยระยะนี้ SET ยังคงไร้ปัจจัยบวกใดใดเข้ามาสนับสนุน

จะมีเพียงข่าวบวกในผลประกอบการที่ทยอยประกาศออกมาดีเป็นราย ๆ ตัวไป(แต่ที่แน่แน่เหมือนจะมีการซ่อนตัวเลขกำไรกันไว้บ้างหรือเปล่านะ) ส่งผลให้ดัชนีตลาดวานนี้เป็นบวกอยู่ได้เพียงชั่วครู่ก็อ่อนตัวลงเป็นลบทันที
โดยเริ่มจากแรงขายที่มีออกมามากจากหุ้นธนาคารที่ฉุดดัชนีลงสู่แดนลบอย่างรวดเร็ว
ทั้งหุ้นพลังงานและหุ้นพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างก็่มีแรงขายตามมาฉุดดัชนีด้วยเช่นกัน ส่วนหุ้นกลุ่มเก็งกำไรก็ต่างทยอยโผล่หน้ามาให้เห็นกันเป็นระยะ ๆ อย่างเดิม ดูแล้วนักลงทุนก็เข้าเทรดเก็งกำไรแบบระมัดระวังกันพอสมควรไม่ค่อยผลีผลามนักเพราะดูการไล่ราคาของหุ้นเล็ก ๆ แล้วไล่กันไปไม่ไกลมากก็จอดพักแล้วตั้งหลักเปลี่ยนหุ้นตัวใหม่กัน สุดท้ายดัชนีปิดตลาดปรับตัวลดลงด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง

SVI ราคาเปิด 11.70 บาท ราคาปิด 11.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2.87 ล้านบาท ในQ4/49 SVI มีกำไรสุทธิ จำนวน 87 ล้านบาท ทั้งปีมีกำไรสุทธิ 295 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% รายได้รวมเติบโตสูงถึง 36% YoY และ 1% QoQ มาจากคำสั่งซื้อของลูกค้าใหม่ประเทศเดนมาร์ค และค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นราว 3.6% QoQ อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นแตะระดับ10.5% ซึ่งเป็นการยืนเหนือ 10% ครั้งแรกในรอบ 3 ไตรมาส จากการเพิ่มสัดส่วนยอดขาย System Build ที่มี GPM สูง K.KRAZIP มองว่าในปี 2550 SVI จะมีการขยายกำลังการผลิตและได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ของโรงงานSVI1 และ SVI ประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการปี 2549ในอัตรา หุ้นละ 0.60บาท XD วันที่ 2 เม.ย.2550 กำหนดจ่ายวันที่ 25 พ.ค. 2550 K.KRAZIP แนะนำ ?ซื้อ? แนวรับ 11.40 บาท แนวต้าน 12 บาท

TIES ราคาเปิด 2.84 บาท ราคาปิด 2.82 บาท มูลค่าการซื้อขาย 4.72 ล้านบาท ใน Q 4/49 TIES มีกำไรสุทธิที่ 19 ล้านบาท ลดลง 17% YoY แต่เพิ่มขึ้น 49% QoQ และส่งผลให้กำไรสุทธิทั้งปี 2549 อยู่ที่ 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% YoY เนื่องจาก ยอดขาย , Gross margin ที่สูงขึ้น ปริมาณงานประมูลที่เพิ่มสูงขึ้น โดยปริมาณงานประมูลใหม่ในปี 2006 อยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท และมี gross margin เพิ่มขึ้นจาก 15.6% ใน Q3/49 เป็น 16.9% ใน
Q4/49 สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2550 เชื่อว่าจะยังคงเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งTIES ตั้งเป้าจะสามารถประมูลงานใหม่ปี 2550ได้ราว 1.4-1.5 พันล้านบาท เพราะงานประมูลส่วนใหญ่เป็นงานที่ TIESมีความชำนาญงาน และมี Track record กับผู้ว่าจ้างอยู่แล้ว จากปริมาณ backlog ในมือ ณ สิ้นปี 2549 ที่มีอยู่ราว 600 ล้านบาท ดังนั้น K.KRAZIP แนะนำ ซื้อ แนวรับ 2.78 บาท แนวต้าน2.96 บาท

CPN ราคาเปิด 24.60 บาท ราคาปิด 24.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 17.976 ล้านบาท ถึงแม้กำไร 4Q06 จะลดลง 4%YoY อยู่ที่ 365ล้านบาท แต่รายได้ค่าเช่าและบริการยังมีการขยายตัว 21%YoY
จากการเปิดเซ็นทรัลเวิล์ดพลาซา เฟส1 และ เฟส2 แนวโน้มการเติบโตมีมุมมองเชิงบวกจากการขยายโครงการอย่างต่อเนื่องประกอบกับการที่โครงการเดิมก็มีอัตราการเข้าเช่าที่อยู่ในระดับสูง ด้านผลประกอบการการปี50จะถูกขับเคลื่อนจากการรับรู้รายได้เต็มปีของโครงการเซ็นทรัลเวิล์ดพลาซ่า ซึ่งเป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดของ CPN

คาดว่าอัตราการเข้าเช่าจะเพิ่มขึ้นเป็น95% ภายในสิ้นปีนี้ นอกจากนี้โครงการรามอินทราและรัตนาธิเบศร์จะสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากการมีพื้นที่เช้าเพิ่มขึ้นหลังจากการปรับปรุง K.KRAZIP แนะนำ ซื้อลงทุน แนวรับ 24.10 บาท แนวต้าน25.25 บาท
STEC ราคาเปิด 4.94 บาท ราคาปิด 4.82 บาท มูลค่าการซื้อขาย 23.91 ล้านบาท STEC ประกาศผลประกอบการ 4Q49 กำไร 14 ล้านบาท จากที่มีกำไร 102 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากบริษัทได้มีการปรับมูลค่าต้นทุนของโครงการต่าง ๆในช่วงไตรมาส 2 ของปี 49 ส่งผลให้การรับรู้รายได้ในโครงการที่ดำเนินได้รับอัตรากำไรขั้นต้นที่ค่อนข้างต่ำ นอกจากนั้น STEC ยังมีการเตรียมเข้าประมูลงานรถไฟฟ้าสายสีแดง

อาจทำให้บริษัทมีความจำเป็นต้องเพิ่มทุน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการดำเนินงานให้สูงขึ้น อย่างไรก็ดี แผนการดังกล่าวอยู่ระหว่างการศึกษาและยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะเพิ่มทุนเท่าใด เนื่องจากต้องพิจารณาถึงเงินลงทุนในอนาคตว่าจะเป็นเท่าไร และจะส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นเดิมอย่างไร สำหรับประเด็นการนำส่วนเกินมูลค่าหุ้นจำนวน 2 ,829 ล้านบาท มาหักล้างการขาดทุนสะสมจำนวน 1,382 ล้านบาท คาดว่าจะเป็นปัจจัยบวกในระยะสั้น นอกจากนี้คาดว่าผลการดำเนินงานในปี 2550 ของ STEC จะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ โดยมีปัจจัยสำคัญจากการรับรู้งานจากโรงไฟฟ้าและศูนย์ราชการ ส่งผลให้รายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ประกอบกับอัตรากำไรขั้นต้นปี 2550 จะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากการรับรู้รายได้จาก โรงไฟฟ้า และโรงงานปิโตรเคมี K.KRAZIP แนะนำ ซื้อเก็งกำไร โดยมีแนวรับ 4.78 บาท แนวต้าน 5.05 บาท

K.KRAZIP ขออนุญาต Post หัวบทความใน Post Today การเงิน หน้า A20 ฉบับวันศุกร์ที่ 23/02/50 ?พบมือดีปั่นหุ้น ?BT? ขายประกันสังคม? ใจความสรุปถึงการปั่นหุ้น BT โดยผู้ร่วมเสียหายครั้งนี้ ซึ่งเป็นผู้ร่วมเสียหายรายใหญ่ที่สุด คือ ประกันสังคม ได้ซื้อหุ้น BT รวม 63 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ยหุ้นละ กว่า 7 บาท คิดเป็นมูลค่า 479 ล้านบาท

ปัจจุบันเหลือหุ้นละ 4.60 บาท โอ้พระเจ้าช่วยโดนไปไม่เท่าไหร่ล่ะ ก็แค่ร้อยกว่าล้านบาทเท่านั้น ?ราคาหุ้น? เมื่อพบว่ามีสิ่งผิดปกติ แต่ผู้บริหารตลาดก็ยังไม่ได้สั่งการว่าจะกล่าวโทษว่า เข้าข่ายการปั่นหุ้นหรือไม่ ทำให้นักลงทุนในตลาดต่างบ่นกันอุบเลยทีเดียว ไม่รู้ว่าประกันสังคมทำไมตกเป็นเหยื่อกับเขาด้วย สงสารพลพรรคประกันสังคมจัง
งานนี้ไม่รู้ว่าใครมีเอี่ยวได้เสียกันบ้างสงสัยจริงหนอ

ที่มา ทันหุ้น[/color:62dbb05513">

 กลับขึ้นบน
บุคคลทั่วไป
บุคคลทั่วไป
#1 วันที่: 27/02/2007 @ 10:33:20 : re: กระซิบหน้าจอ
ติดกันเป็นพืด อ่านยากจังเลยค่ะ

ช่วยย่อหน้าให้อ่านง่ายๆหน่อยได้มั๊ยค่ะ
 กลับขึ้นบน

 
 

Copy Right © 2009-2012 © Thaihoon.Com